บลจ.ดิ้นหนีตลาดผันผวน-ชู'อนุพันธ์-คอมมอดิตี'เพิ่มช่องทำกำไร


ผู้จัดการรายวัน(19 สิงหาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

บลจ.ปรับกลยุทธ์หนีตลาดหุ้น-ตราสารหนี้ผันผวน ส่งกองทุนอนุพันธ์เพิ่มทางเลือกลงทุน "เอ็มเอฟซี" ยกคอมมอดิตีน่าสน ชี้ความสัมพันธ์กับหุ้นและบอนด์มีน้อย แถมโอกาสรับผลตอบแทนสูง เหตุความต้องการระยะยาวในสินค้าคอมมอดิตีพื้นฐานยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก ระบุลงทุนได้ทั้งทางตรงและซื้อออปชั่นล่วงหน้า ส่วนกระแสดอกเบี้ยเงินฝากสูง ผู้บริหารกองทุนยอมรับสภาพแข่งยาก เพราะนักลงทุนย่อมมองหาช่องทางที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า

นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่การลงทุนในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ผันผวนค่อนข้างมากในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้บริษัทจัดการกองทุนต้องสรรหารูปแบบการลงทุนใหม่เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนที่ไม่ผูกกับความผันผวนดังกล่าว เพราะภายใต้สภาวะเช่นนี้ ทำให้การตัดสินใจลงทุนในแอสเซทคลาสที่มีอยู่ในปัจจุบันของนักลงทุนค่อนข้างลำบากมากขึ้น ทั้งนี้ การลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรืออนุพันธ์ ถือว่าเป็นช่องทางหนึ่งที่เริ่มได้รับความสนใจจากบรรดาบริษัทจัดการกองทุนมากขึ้น

"ที่ผ่านมา การลงทุนส่วนใหญ่จะอยู่ในหุ้นหรือตราสารหนี้เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันค่อนข้างผันผวนไม่ว่าจะในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องหาแอสเซทคลาสใหม่ ซึ่งไม่ผูกกับความผันผวนดังกล่าว"นายพิชิตกล่าว

ทั้งนี้ กองทุนที่ซื้ออปชั่นที่อ้างกับดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี) ถือว่านาสนใจในช่วงนี้ เนื่องจากคอมมอดิตีเองมีความสัมพันธ์กับการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ค่อนข้างน้อย ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาการลงทุนในคอมมอดิตีให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง และหากมองไปข้างหน้า ยังมีเหตุผลให้เชื่อว่ายังสามารถให้ผลตอบแทนดีต่อไปอีก เพราะความต้องการในสินค้าคอมมอดิตีพื้นฐานยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก ในการใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพลังงานที่จะไปด้วยกันกับสินค้าเกษตร เพราะมีความเกี่ยวเนื่องกันในด้านพลังงานทดแทน ถึงแม้ที่ผ่านมา ราคาจะปรับตัวลดลง แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น เพราะระยะยาวแล้วยังมีความต้องการค่องข้างสูง ส่วนโลหะเองก็เป็นวัตุดิบสำคัญในการก่อสร้างโครงการพื้นฐานของประเทศด้วย

นายพิชิตกล่าวว่า การลงทุนในสินค้าคอมมอดิตีน่าจะได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งจะมีออกมาทั้งในรูปของการลงทุนในหุ้นของสินค้าคอมมอดิตีโดยตรง หรือการลงทุนด้วยการซื้อออปชั่นแล้วอ้างอิงกับดัชนีสินค้าเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับมุมมองของบริษัทจัดการกองทุนว่า จะเห็นประโยชน์หรือเห็นความสำคัญต่อรูปแบบการลงทุนประเภทใด

นอกจากนี้ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เอง ก็น่าสนใจเช่นกัน ซึ่งสินทรัพย์ประเภทนี้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ค่อนข้างสูง ซึ่งที่ผ่านมา ถือว่าเราเสียโอกาสจากการลงทุนในแอสเซทคลาสนี้ค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้อจำกัดเกี่ยวกับซัพพลายที่จะเข้าไปลงทุน รวมถึงหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงนี้เริ่มเห็นกองทุนปรับกลยุทธ์หันมาออกกองทุนที่ใช้อนุพันธ์เข้ามาช่วยมากขึ้น ล่าสุด บลจ.ยูโอบี (ไทย) ก็อยู่ระหว่างการเปิดขายกองทุนเปิด ยูโอบี ซีเล็ค สเปคตรัม 1 โดยนายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. ยูโอบี (ไทย) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนสูง ทำให้นักลงทุนหลายท่านขาดทุนจากการลงทุน และไม่ทราบว่าจะลงทุนในหุ้นตัวใดหรือเมื่อไหร่จึงจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ ดังนั้น กองทุนนี้จึงเป็นทางเลือกแก่นักลงทุน โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนใน ตราสารหนี้แบบไม่จ่ายดอกเบี้ยอายุ 3 ปี ซึ่งออกโดยรัฐวิสาหกิจของประเทศนอร์เวย์ หรือธนาคาร KfW ของประเทศเยอรมันนี ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ AAA นอกจากนี้ ยังจะนำเงินบางส่วนไปลงทุนใน สัญญาออปชั่นที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี Spectrum ที่ออกโดยธนาคาร BNP Paribas ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับ AA+ โดยดัชนีดังกล่าว ลงทุนในหุ้น 4 สไตล์ ของตลาดหุ้น สหรัฐอเมริการ และยุโรป ได้แก่ หุ้นที่เน้นมูลค่าในทางปัจจัยพื้นฐาน หุ้นที่มีอัตราเติบโตสูง หุ้นที่มีการจ่ายปันผล และหุ้นที่เป็นตัวแทนตลาด

"การลงทุนในกองทุนนี้จะความมั่นคงสูงในเรื่องของเงินต้น ซึ่งจะได้คืน 100% ในรูปของสกุลเงินบาท จากการลงทุนในตราสารหนี้ ด้วยอัตราซื้อลดตามอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ก่อนการลงทุน และจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้เงินต้นของนักลงทุนกลับคืนมาครบตามจำนวนที่ลงทุน โดยในส่วนของผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับนั้น มาจากเงินลงทุนในส่วนที่นำไปลงทุนในสัญญาออปชั่น ที่อ้างอิงกับดัชนี Spectrum ในกรณีที่ดัชนีในมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าวันที่นำเงินไปลงทุน"นายวนากล่าว

นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า สืบเนื่องจากภาวะการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อการทำการตลาดในการออกกองทุนใหม่ของบริษัท เนื่องมาจากต้องทำการเปลี่ยนแปลงและหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในช่วงนั้นๆ

"การลงทุนที่เปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบต่อการออกและเวลาในการออกกองทุนใหม่ และทำให้เราต้องหา product ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งรูปแบบของ product ก็มีความหลากหลายตามสถานการณ์นั้นๆ"นายมาริษ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี) ที่ปรับตัวลดลง ทำให้กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้มีความสนใจมากขึ้นกว่าช่วง 3 - 4 เดือนที่ผ่านมา เนื่องมาจากแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อที่น่าจะลดลง ส่งผลทำให้อัตราดอกเบี้ยไม่น่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก ขณะเดียวกันกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้แฝง (Structured Note) เองก็นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน

สำหรับแผนการออกกองทุนของบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 นั้น นายมาริษ กล่าวว่า นอกจากการออกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ซึ่งจะมีการออกตามปกติแล้ว บลจ.ยังมีความสนใจที่จะออกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้แฝง (Structured Note) ที่อ้างอิงผลตอบแทนซึ่งสามารถเข้ากับแนวโน้มการลงทุนในอนาคตได้อีกด้วย

ด้านนางสาวณฤดี จันทร์แจ่มจรัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์ บลจ.ทหารไทย เปิดเผยว่า สำหรับความผันผวนของการลงทุนในปัจจุบันนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการทำการตลาดรวมถึงแผนการออกกองทุนใหม่ๆของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทก็มีการปรับตัวด้วยการจับจังหวะเพื่อเปิดเสนอขายกองทุนเช่นเดียวกัน

"ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทำให้ทางเราต้องมีการพิจารณาภาวะอันใกล้ที่น่าจะส่งผลดีต่อกองทุนนั้นๆ เพื่อพิจารณาถึงช่วงเวลาในการออกกองทุนใหม่ด้วย คือถ้าช่วงนั้นมีปัจจัยที่จะเข้ามาหนุนกองทุน เราก็อาจจะเลื่อนการออกกองทุนให้เร็วขึ้น" นางสาวณฤดีกล่าว

บลจ.ยอมรับแย่งเงินแบงก์ลำบาก

นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บลจ. บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น บวกกับราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวลดลง ส่งผลให้นักลงทุนแบ่งการลงทุนไปยังแหล่งอื่นๆ ลงไป ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารหรือ เอยูเอ็ม นั้นหดตัวลงไปบ้าง อย่างไรก็ตาม เมื่ออัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับตัวเพิ่มขึ้น บริษัทก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่นักลงทุนคิดว่าสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ซึ่งในขณะนี้บริษัทยังไม่ได้หากองทุนประเภทใดเข้ามาทำการตลาดเพื่อแย่งชิงนักลงทุน เพราะเชื่อว่าเมื่อตรงไหนสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีนักลงทุนจะกลับเข้ามาเอง

นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการลงทุน บลจ. อยุธยา (เอวายเอฟ) กล่าวว่า ในแง่ของนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในกองทุนรวมช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่โตจากกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีอายุ 3 เดือน 6 เดือน แต่ต่อมาเมื่อธนาคารให้ผลตอบแทนที่ดีกว่านักลงทุนจึงโยกย้ายไปฝากธนาคารแทน ดังนั้นบริษัทจึงคิดกลยุทธ์ใหม่เพื่อเป็นการดึงดูดนักลงทุน โดยการออกสมุดคู่ฝากบัญชีให้กับนักลงทุน เพราะในช่วงที่ผ่านมาบริษัทไม่มีสมุดคู่ฝากบัญชีให้แก่นักลงทุน ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นไปส่วนหนึ่ง เพราะนักลงทุนตั้งแต่อายุประมาณ 40 -60 ปี ขึ้นไป ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนที่คุ้นเคยกับการมีสมุดคู่ฝากบัญชี เพราะถือว่าเป็นการสร้างความมั่นใจให้เหมือนอย่างธนาคาร ทั้งนี้ บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการดีไซด์ ว่างรูปแบบใหม่ร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่เป็นแบงก์แม่อยู่ และคาดว่าจะสามารถมีสมุดคู่ฝากนี้ให้แก่นักลงทุนได้ภายในเดือนตุลาคมนี้

“จากการเติบโตของบลจ.ไทยพาณิชย์ บลจ.ธนชาต และบลจ. ทหารไทย มีการเติบโตเร็วมาก เนื่องจากว่าปัจจุบันเค้าได้มีการใช้สมุดคู่ฝากบัญชีให้แก่นักลงทุน ทำให้สร้างมั่นใจและเชื่อมั่นแก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี เพราะปัจจุบัน บลจ. เอวายเอฟยังไม่มีสมุดคู่ฝากบัญชีให้แก่นักลงทุนทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น และเชื่อว่าเมื่อต่อไปบริษัทมีสมุดคู่ฝากบัญชีให้แก่นักลงทุนเหมือนอย่างแบงก์แล้วจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ และคาดว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (เอยูเอ็ม) จะโตขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย

ด้านนายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. ธนชาต กล่าวว่า ต้องยอมรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่บริษัทยังคงต้องหากลยุทธ์ในการหากองทุนที่สามารถสู้กับอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นในขณะนี้ให้ได้ อาจจะเป็นการเปิดกองทุนรวมตราสารหนี้หรือกองทุนรวมตลาดเงิน (มั่นนีมาเก็ต) เข้ามาเป็นตัวถึงนักลงทุนกลับได้

“ในสภาพแบบนี้ต้องยอมรับในระยะหนึ่ง เพราะผู้ลงทุนเป็นผู้ตัดสินใจเมื่อทางไหนที่ให้ผลตอบแทนดีเขาก็ต้องไปหาการลงทุนใหม่ ๆ ซึ่งเป็นของธรรมดาที่นักลงทุนต้องการได้รับผลตอบแทนที่ดี ดังนั้นบริษัทจึงต้องหาช่องทางใหม่ ๆ ให้แก่นักลงทุน ซึ่งอาจจะเป็นการออกกองทุนที่ผสมกับตราสารหนี้เข้าไปในพอร์ตด้วย” นายบุญชัย กล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.