“ชินวัตร” ผงาดบริหาร GEN เดินหน้าปรับกลยุทธ์รุกธุรกิจใหม่


ผู้จัดการรายสัปดาห์(18 สิงหาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

เปิดทิศทางธุรกิจ GEN ภายใต้กำมือผู้ถือหุ้นรายใหม่ “พิรุณ ชินวัตร” เผยแผนเดินหน้าเสาะหาธุรกิจใหม่ เสริมรายได้ธุรกิจเก่า เดินหน้าสร้างรายได้เติบโตต่อเนื่อง

ภายหลังจากการทยอยเก็บหุ้นในตลาดอย่างต่อเนื่องของ “พิรุณ ชินวัตร” ทายาทของ “พายัพ ชินวัตร” น้องชายของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนผงาดขึ้นกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEN ในสัดส่วน 6.35% ก็ทำให้ทิศทางในอนาคตของ GEN ถึงจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เพราะพิรุณตัดสินใจโดดเข้ามาเป็นผู้บริหารในตำแหน่ง “กรรมการผู้จัดการ พัฒนาธุรกิจ” ควบคู่กับ “กิตติชัย รักตะกนิษฐ์” กรรมการผู้จัดการคนเก่า ถือเป็นครั้งแรกที่ GEN มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจ จากที่ผ่านมาที่มีนักลงทุนมากหน้าหลายตาเวียนเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในระยะสั้น แต่ไม่เคยเข้ามาบริหารงานอย่างจริงจัง

เมื่อก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ด้วยวัยเพียง 26 ปี แต่มีประสบการณ์ 1 ปีผ่านงานด้านการเงินที่เลห์แมน บราเธอร์ บริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่จากอเมริกา พิรุณได้เผยถึงทิศทางของ GEN ในอนาคตว่า ต้องการที่จะให้ GEN เติบโตอย่างยั่งยืน โดยจะปรับให้ GEN มีการกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งตนเองจะเป็นผู้ดูแลในส่วนนี้ ส่วนกิตติชัยยังคงมีบทบาทดูแลในส่วนของธุรกิจเสาเข็มเดิม ทั้งนี้ธุรกิจใหม่ที่ลงทุนจะเป็นอะไร ยังอยู่กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาหาธุรกิจอื่นๆ ที่เหมาะสม สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน โดยสาเหตุที่ GEN ต้องมองหาธุรกิจใหม่ ซึ่งใกล้เคียงกับธุรกิจเดิม เนื่องจากในปีนี้การเติบโตของธุรกิจก่อสร้างอยู่ในภาวะชะลอตัว ทำให้สินค้าเสาเข็มได้รับผลกระทบ จึงต้องมีการ Diversify ไปยังธุรกิจอื่นๆ เพิ่ม เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้ ทั้งนี้คาดว่าจะเริ่มได้ในปลายปีนี้

คำกล่าวของเครือญาติอดีตนายกฯ เหมือนเป็นความพยายามที่จะลบภาพความเป็นนักปั่นหุ้น มาสวมบทบาทนักบริหารอย่างจริงจัง ทั้งนี้มีการจับตาว่าเครือข่ายของความเป็นชินวัตร จะช่วยเป็นใบเบิกทางให้ GEN เป็นดาวรุ่งในวงการก่อสร้างง่ายขึ้นหรือไม่ รวมไปถึงเป็นช่องทางที่จะสามารถจับเอาธุรกิจส่วนตัวของตนมาผนวกได้ เนื่องจากพิรุณมีธุรกิจส่วนตัวด้านพลังงานทดแทน โดยเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท จีอาร์-เทค จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตพลังงานทดแทนจากขยะ รวมถึงเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัท ดีเวล เดเวลอปเมนท์ พัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการแรกชื่อ “ดี 65 คอนโดมิเนียม“

กิตติชัยกล่าวว่า ในครึ่งปีหลังสัดส่วนรายได้ยังมาจากเสาเข็มเป็นหลักถึง 60% โดยเสาเข็มใหญ่มียอดขายลดลง 40% เนื่องจากงานก่อสร้างขนาดใหญ่หดตัวลง ส่วนต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น 30-40% ทำให้บริษัทฯ ต้องปรับราคาขายขึ้น 15-20% ซึ่งได้มีการเจรจาขอปรับราคากับลูกค้า รวมทั้งเร่งขายสินค้าต้นทุนใหม่ เพื่อนำกำไรมาเฉลี่ยสินค้าต้นทุนเก่าในส่วนที่ขาดทุนไป ทั้งนี้บริษัทฯ เพิ่งขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 40 ล้านหุ้นให้แก่นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง จากทั้งหมด 100 ล้านหุ้น โดยเงินทุนที่ได้จะนำไปใช้หมุนเวียนในธุรกิจ และลงทุนเพิ่มในอนาคต


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.