จีเอ็มกร้าวทุ่ม 3 พันล้าน รบทุกตลาด


ผู้จัดการรายวัน(15 กรกฎาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

ค่าย "จีเอ็ม" ประกาศกร้าว! ไม่ขอเป็นรายเล็กในตลาดไทย วางเป้าปี 2005 ผงาด นำทุกตลาด หลังทุ่มเงินเพิ่มอีกร่วม 3 พันล้านบาท ขยายโรงงานรับผลิตปิกอัพและเก๋ง ส่งผลยอดส่งออกและในประเทศจะเติบโตเกือบ เท่าตัว เฉพาะปีหน้าส่งออกรวมทะลุ 6 หมื่นคัน จากปีนี้แค่ 3.5 หมื่นคัน ขณะที่เก๋งรุ่นใหม่ เชฟโรเลต ออพตร้า มาแรง ทำให้เป้าขายรวมในไทยปีนี้ทะลุขึ้นไปถึง 6 พันคัน

นายวิลเลี่ยม บอทวิค ผู้อำนวยการบริหารภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของจีเอ็ม เอเชียแปซิฟิก และประธานและกรรมการ ผู้จัดการของจีเอ็ม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2005 จีเอ็มจะสามารถเดินไลน์การผลิตรถยนต์ทุกรุ่นทุกโมเดลได้ครบวงจร ซึ่งจะส่งผลให้มีอัตราการเติบโตเกือบทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นตลาดส่งออก หรือตลาดในประเทศ

"จีเอ็มเป็นบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก เพราะฉะนั้น เราจะไม่ขอเป็นรายเล็กๆ ในไทย อย่างแน่นอน ดังนั้นสินค้าของจีเอ็มจะต้องมีครอบคลุม โดยเฉพาะตลาดใหญ่อย่างปิกอัพและเก๋ง ซึ่งจะทำให้จีเอ็มบรรลุเป้าหมายดังกล่าว"

ทั้งนี้ ไลน์ผลิตของจีเอ็มที่ จ.ระยอง จะเริ่มดำเนินงานได้เต็มที่ในปี 2005 หลังจากที่ภาย ใน สิ้นปีนี้ได้ลงทุนครบ 70 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ กว่า 2,800 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายไลน์ผลิตปิกอัพ รวมถึงการผลิตเก๋งรุ่นใหม่ เชฟโรเลต ออพตร้า

โดยไลน์ปิกอัพช่วงแรกจะผลิตเพื่อป้อนตลาดส่งออก ซึ่งได้เริ่มส่งออกเมื่อเดือนที่ผ่านมา คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะส่งออกได้ประมาณ 25,000 คัน แต่ในปีหน้าทุกอย่างจะพร้อมหมด ส่งผลให้สามารถส่งออกได้ครบ 45,000 คัน ตามเป้าที่วางไว้ และเมื่อรวมกับ เชฟโรเลต ซาฟิร่า และเก๋งรุ่นออพตร้า จีเอ็มจะมียอดส่งประมาณ 60,000 คัน จากปีนี้ที่วางเป้าไว้ประมาณ 35,000 คัน

ส่วนแผนการทำตลาดปิกอัพในประเทศ ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่จีเอ็มเป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับต้นของโลก มีสินค้า ครอบคลุมทุกตลาด และในไทยจีเอ็มก็จะไม่ยอมเป็นแค่รายเล็กๆแน่นอน ดังนั้นในเมื่อตลาดใหญ่ของไทยคือปิกอัพ และรองลงมาเป็นตลาดเก๋ง ฉะนั้นสิ่งที่จะทำให้จีเอ็มบรรลุเป้าหมายได้ก็ต้องลงไปทำตลาดใหญ่ที่สุด ซึ่งจะเห็น ได้จากล่าสุดที่เปิดตัวเก๋งรุ่นแรกในไทย เชฟโรเลต ออพตร้า อย่างเป็นทางการไปแล้ว ต่อไปก็จะต้องเป็นปิกอัพ

นายบอทวิค กล่าวว่า สำหรับเชฟโรเลต ออพตร้า เป็นเก๋งรุ่นแรกที่ผลิตเพื่อทำตลาดในไทยของจีเอ็ม ซึ่งถือเป็นการแสดงถึงความต้อง การของจีเอ็มและเชฟโรเลต ในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ให้ผู้บริโภคมากกว่า ด้วยราคาน้อยกว่า

โดยคุณลักษณะพิเศษที่โดดเด่นของ เชฟโรเลต ออพตร้า มีมากมาย ซึ่งจากข้อมูลการทำวิจัยก่อนการเปิดตัวของออพตร้านั้น บ่งชี้ว่าคุณสมบัติเด่นประการหนึ่งที่มักจะทำให้ผู้ชมประหลาดใจ คือ ห้องโดยสารที่เงียบสงบเช่นรถยนต์ระดับหรูหรา ดังนั้นออพตร้าจึงสะท้อนถึง ประสิทธิภาพการขับขี่ที่เงียบสงบเหนือกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน

ทั้งนี้ เพื่อฉลองการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ เชฟโรเลต ออพตร้า จึงได้มอบเงื่อนไขพิเศษให้กับลูกค้าทุกท่านที่ซื้อรถภายในเดือนสิงหาคมนี้ จะได้รับสิทธิ์ดาวน์ต่ำสุด ผ่อนนาน 60 เดือน ในอัตราดอกเบี้ย 3.75% พร้อมรับคูปองน้ำมันฟรีทันที 10,000 บาท

สำหรับเป้าหมายการขายออพตร้า บริษัทไม่ได้ตั้งเป้าไว้แต่อย่างใด แต่ผลจากการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการมาตั้งแต่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่ไบเทค เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ปรากฏว่าลูกค้าให้ การตอบรับเป็นอย่างดี มียอดจองเข้ามาแล้วร่วม 1,000 คัน และภายหลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ มีรถให้ลูกค้าได้ชมและทดลองขับตามโชว์รูมทั่วไป เชื่อว่าจากคุณสมบัติที่พิเศษนี้ จะทำให้ออพตร้าเป็นที่พอใจของลูกค้ามากขึ้น

นายบอทวิค กล่าวว่า ด้านการบริการขณะนี้ เชฟโรเลตมีความพร้อมเต็มที่ทั้งก่อนและหลังการขาย โดยปัจจุบันมีโชว์รูมและศูนย์บริการ 38 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้จะเปิดให้ครบ 45 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะรองรับลูกค้าได้อย่างครอบคลุม

ด้านอะไหล่ของเชฟโรเลต ซาฟิร่า รวมทั้งเก๋งรุ่นใหม่ออพตร้า ในปัจจุบันถือว่าถูกกว่าคู่แข่ง ทุกยี่ห้อ และเป็นอะไหล่ประเภทที่เปลี่ยนแปลงเร็ว หรือฟาสต์มูฟวิ่งจริงๆ ส่วนสาเหตุที่ทำให้อะไหล่ของเชฟโรเลตถูก เนื่องจากได้ใช้นโยบาย จัดหาแลกเปลี่ยอะไหล่จากทั่วโลก ทำให้สามารถ ลดต้นทุนได้มาก

จากการเพิ่มสินค้ารถเก๋ง เชฟโรเลต ออพตร้า จากเดิมที่มีเพียงรถอเนกประสงค์ประเภทมินิเอ็มพีวีรุ่นซาฟิร่า บวกกับการขยายเครือข่ายการขายและบริการ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ในการเลือกซื้อสินค้าเชฟโรเลตมากยิ่งขึ้น ดังนั้น คาดว่าสิ้นปีนี้เชฟโรเลตจะมียอดขายประมาณ 6,000 คัน จากปีที่ผ่านมามียอดขายเพียงกว่า 3,800 คัน

อนึ่ง เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นบริษัทในเครือของเจเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้ก่อตั้งขึ้นตามกลยุทธ์ระดับโลกของจีเอ็ม ที่นิคมอุตสาหกรรมอิสเทิร์น ซีบอร์ด จังหวัดระยอง ด้วยเงินลงทุนมูลค่ากว่า 26,000 ล้านบาท (650 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในปี พ.ศ. 2543 เริ่มดำเนินการ ผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ เชฟโรเลต ซาฟิร่า



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.