แสนสิริดันโครงการนำร่อง พัฒนาบ้านจัดสรรบนที่ดินบบส.ลดต้นทุน


ผู้จัดการรายวัน(11 กรกฎาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

บบส.ลุยขายที่ดิน ศักยภาพต่ำ หวังระบายสินทรัพย์ทั่วประเทศกว่า 30,000 ล้านบาท อ้าแขนรับเอกชนเข้าร่วมโครงการ Consortium ยักษ์ใหญ่อาคารสูง "แสนสิริ" ประเดิมเซ็นสัญญาโครงการนำร่องแห่งแรกในประเทศไทย เตรียมเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวเศรษฐสิริ 2 และ 3 ย่านปัญญาแนเชอรัล พาร์ค

นายสิน เอกวิศาล กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) เปิดเผยว่า บบส.ได้เซ็นสัญญาในโครงการกิจการร่วมทำเพื่อพัฒนา และจำหน่ายสินทรัพย์สิน บบส. (Consotium) ระหว่าง บบส.กับ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI)

โดยรูปแบบการดำเนินงานโครง การดังกล่าวนั้น บบส.ได้ให้สิทธิการพัฒนาและจำหน่ายทรัพย์สิน ภายในระยะเวลาที่กำหนด

ทั้งนี้ แสนสิริ ได้เซ็นสัญญา Consotium กับ บบส.2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเศรษฐสิริ 2 และ 3 โดยเศรษฐสิริ 2 ตั้งอยู่ที่ถนนปัญญา -แนเชอรัล พาร์ค ต.บางชัน อ.คลองสามวา กรุงเทพฯ พื้นที่ประมาณ 30 ไร่ จะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 110 ยูนิต มูลค่าโครงการ 546 ล้านบาท โดยจะใช้เวลาในการดำเนินงาน 38 เดือน

ส่วนโครงการเศรษฐสิริ 3 ตั้งอยู่ใกล้กับกับโครงการเศรษฐสิริ 2 พื้นที่ประมาณ 55 ไร่ โดยพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 140 ยูนิต มูลค่าโครงการ 893 ล้านบาท กำหนดใช้เวลาในการดำเนินการ 24 เดือน

การร่วมมือกันครั้งนี้ แสนสิริจะได้ผลตอบแทนจากค่าพัฒนาโครงการและผลกำไร รวมถึงสามรถลดต้นทุนจากการได้รับการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ค่าธรรมเนียมการโอนอากรแสตมป์ และที่สำคัญช่วยให้สามารถดำเนิน

โครงการได้รวดเร็วขึ้นจากการที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการที่บบส.ไม่ต้องอู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 ในขณะที่ บบส.จะได้ค่าที่ดินบวกกับผลกำไรเล้กน้อย ทั้งนี้ผลตอบแทนจากทั้ง 2 ฝ่ายจะอยู่ในรูปแบบการแบ่งปันผลประโยชน์จากการจำหน่ายทรัพย์สินไม่ใช่การแบ่งผลกำไรหรือขาดทุน

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า นอกจากการร่วมมือกับบบส.ในรูปแบบคอนซอร์เตี้ยมแล้ว แสนสิริยังได้ซื้อที่ดินจากบบส.โดยตรงด้วย 1 แปลง พื้นที่ 123 ไร่ ซึ่งจะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 400 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,680 ล้านบาท ขณะนี้เริ่มพัฒนาแล้ว และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เร็วๆนี้

การเซ็นสัญญาครั้งนี้ถือเป็นโครงการนำร่องและโครงการแรกที่เกิดขึ้นในประเทศ และกำลังจะมีการเซ็นสัญญาในรูปแบบนี้อีกหลายโครงการซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินอีก 3 รายที่ได้รับการอนุมัติจาก บบส. แล้วรอเพียงขั้นตอนการเซ็นสัญญาเท่านั้น ได้แก่บริษัทบ้านอบอุ่น จำกัด บริษัทภัทรค้าที่ดิน จำกัด และบริษัท ศิริณัฐมล จำกัด ขณะเดียวกัน มีบริษัทที่ศึกษาความเป็นไปได้โครงการแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ข้อยุติและเสนอขออนุมัติ 1 ราย คือ บริษัท เปรมสิตา จำกัด ส่วนบริษัทที่คัดเลือกทรัพย์แล้ว และอยู่ระหว่างความเป็นไปได้ 4 ราย ประกอบด้วย บริษัท สตาร์ ออฟ ซี จำกัด บริษัทไอแซค คอนส์ จำกัด บริษัท อคาเดีย เรียลตี้ จำกัด และบริษัท เอส.เค.อาร์.อินเตอร์เนชั่นแนล

นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนสนใจติดต่อสอบถามจำนวน 190 ราย แบ่งเป็นผู้ที่สอบถามข้อมูลเบื้องต้น 122 ราย ผู้สนวจเข้าร่วมโครงการ 68 ราย คาดว่าจะสรุปผลการเจรจาและเซ็นสัญญาได้อีกจำนวนหลายราย

กรรมการผู้จัดการกล่าวอีกว่า โครงการ Consortium เป็นวิธีการหนึ่งที่ บบส. ใช้เป็น เครื่องมือในการระบายทรัพย์สินที่อยู่ในมือมากกว่า 30,000 ล้านบาท กระจายอยู่มั่วประเทศ นอกเหนือจากวิอธีการระบายด้วยวิธีปกติ คือการขายตรง ขายผ่านตัวแทน เว็บไซต์ ควบคู่กับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการขาย

"ปัจจุบันบบส.มีทรัพย์สินที่สามารถนำมาร่วมลงทุนได้ รวม 1,699 แปลง คิดเป็นพื้นที่รวมมากกว่า 3,410 ไร่ กระจายอยู่ทั่วประเทศทั้งกทม.และ ปริมณฑล ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ โดยบบส.จะจัดเลือกแปลงที่ดินที่มีแนวโน้มขายได้ยาก เพื่อนำมาให้เอกชนลงทุน เพราะมั่นใจว่าวิธีการนี้จะทำให้สามารถขายที่ดินได้เร็วขึ้น กว่าการนำที่ดินออกขายด้วยวิธีการขาย แบบธรรมดา เพราะไม่มีสิ่งจูงใจให้นักลงทุนซื้อ" แหล่งข่าวใน บบส.ระบุ

สำหรับรายละเอียดทรัพย์สินที่กำลังจะเซ็นสัญญากับนักลงทุน 3 ราย คือ บริษัท บ้านอบอุ่น จำกัด จะทำโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวและอาคารพาณิชย์ จำนวน 57 ยูนิต ตั้งอยู่ที่อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี พื้นที่ 10 ไร่เศษ มูลค่าโครงการประมาณ 223 ล้านบาท ซึ่งบบส.จะได้ผลตอบแทน 55 ล้านบาท ส่วนบริษัท ภัทรค้าที่ดิน จะพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ 246 ยูนิต ตั้งอยู่ที่อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี พื้นที่ 20 ไร่เศษ มูลค่า 96 ล้านบาท บบส.จะได้ผลตอบแทน 21.5 ล้านบาท

บริษัทศิริณัฐมล จะพัฒนาเป็นโฮมออฟฟิศ บริเวณวังทองหลาง กทม. พื้นที่ 5 ไร่เศษ มูลค่า 217 ล้านบาท บบส.จะได้ผลตอบแทน 80 ล้านบาท และหากรวมรายการที่กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ และอยู่ระหว่างเจรจาต่อรองให้ได้ข้อยุติและรอขออนุมัติ รวมถึงรายการที่คัดเลือกทรัพย์แล้ว และอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้โครงการ และเจรจาในรายละเอียด คิดเป็นนมูลค่าโครงการรวม 1,047 ล้านบาท ผลตอบแทนที่จะได้รับประมาณ 294.5 ล้านบาท

นอกจากแปลงที่ดินดังกล่าวแล้วยังมีนักพัฒนาที่ดินอีกหลายราย ที่ติดต่ดอมายังบบส. เพื่อร่วมมือในรูปแบบต่างๆ ทั้งขอซื้อที่ดินและ รูปแบบคอนซอร์เตี้ยม อาทิ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด สนใจที่ดินบริเวณบางพลี เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ บริษัทร่วมทุนระหว่างนักลงทุน เกาหลี ฮ่องกง และไทย สนใจสนามกอล์ฟ เวิลด์เทรด นครนายก พื้นที่สนามกอล์ฟ กว่า 600 ไร่ และ พื้นที่รอบๆสนามกอล์ฟอีกกว่า 200 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมดมากว่า 800 ไร่ คิดเป็นมูลค่า 200-230 ล้านบาท

รวมถึงมีนักลงทุนและนักการเมืองสนใจสนามกอล์ฟเซ็นจูรี่ ปาร์ค ซึ่งอดีตเป็นของกลุ่มบ้านฉาง กรุ๊ป จำนวน 3-4 ราย พื้นที่กว่า 900 ไร่ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท และยังมีพื้นที่อีกหลายแปลงที่อยู่ระหว่าเจรจา เช่น พัฒนาการ พื้นที่ 20-30 ไร่ มูลค่า 70 ล้านบาทเศษ เชียงใหม่ ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา

สำหรับผลการดำเนินงานด้านการขายทรัพย์สินรอการขายของบบส.ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้นั้น (ม.ค.-พ.ค.) มียอดอนุมัติขาย 2,222 ล้านบาท มากกว่าเป้ายอดขายในช่วงครึ่งปีแรกที่ตั้งไว้ 1,430 ล้านบาท และตั้งเป้าขายทั้งปีไว้ที่ 3,800 ล้านบาท



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.