|
คิดให้ดีก่อนใช้ตังค์
นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
ด้วยสภาพเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จีอี มันนี่ ได้ประเมินสถานการณ์ตั้งแต่ปลายปี 2550 กำลังซื้อของผู้บริโภคจะลดน้อยถอยลงและส่งผลให้เกิดการหยุดชำระหนี้ได้ จนทำให้จีอี มันนี่ คลอดโครงการ "คิดให้ดี ใช้ให้เป็น"
แม้ว่าจีอี มันนี่ จะมีลูกค้าที่อยู่ภายใต้การดูแลถึง 4 ล้านรายในปัจจุบันก็ตาม แต่นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ลูกค้าประมาณ 1 หมื่นราย ได้ส่งสัญญาณเริ่มผ่อนชำระไม่ไหว จนทำให้ต้องเข้าให้ความช่วยเหลือด้วยการขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ออกไป
และด้วยจำนวนฐานลูกค้า 4 ล้านราย ที่มาจากการให้บริการหลายประเภทของจีอี มันนี่ คือ สินเชื่อเพื่อการซื้อสินค้าแบบผ่อนชำระ และสินเชื่อส่วนบุคคล (บัตรเฟิร์สช้อยส์และบัตรเพาเวอร์บาย) และธุรกิจร่วมทุนในบัตรเครดิต อาทิ บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด บัตรเครดิตเซ็นทรัล มาสเตอร์การ์ด บัตรเครดิตโรบันสัน วีซ่า และบัตรเครดิตเทสโก้ วีซ่า
การร่วมมือกับพันธมิตรที่หลากหลาย ข้อดี ทำให้จีอี มันนี่ ขยายลูกค้าได้ในวงกว้าง และหลากหลายประเภทมากขึ้น ผลที่ได้ รายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่ในด้านลบเมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้ใช้บัตรได้รับผลกระทบด้านการเงินก็ส่งผลกระเทือนต่อจีอี มันนี่ และพันธมิตรเช่นเดียวกัน
สิ่งสำคัญที่จีอี มันนี่ ไม่อยากเห็นที่สุดก็คือตัวเลขการค้างชำระบัตรเครดิต หรือยอดค้างผ่อนชำระสินค้าที่จะกลายเป็น NPL ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ หรือมีตัวเลขเอ็นพีแอลไม่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม
โครงการ "คิดให้ดี ใช้ให้เป็น" จึงเริ่มขึ้น มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้บริโภคคิดอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าและโครงการนี้ จีอี มันนี่ได้ใช้เงินเพื่อให้ความรู้ 10 ล้านบาท มีกำหนดระยะเวลา 90 วัน หรือเป็นเวลา 3 เดือน เริ่มจากเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนนี้
จีอี มันนี่ได้ออกแบบตราสัญลักษณ์ 5 เหลี่ยม 5 สี ที่มีพันธมิตร 5 รายร่วมมือ เซ็นทรัล สีแดง เฟิร์สช้อยส์ สีฟ้า จีอี มันนี่ สีน้ำเงิน เทสโก้ สีเขียว และบัตรกรุงศรี สีเหลือง
ซึ่งตราสัญลักษณ์นี้ คิดให้ดี ใช้ให้เป็น จะอยู่บนสิ่งพิมพ์กว่า 12 ล้านชิ้น อาทิ ใบปลิว ใบแจ้งยอดบัญชีรายเดือน ซองจดหมาย ป้ายประชาสัมพันธ์
จีอี มันนี่ ยังได้จัดทำคู่มือ ชื่อว่า รอบรู้เรื่องหนี้ ออกมาจำนวนหนึ่งที่มีรายละเอียดจำนวน 13 หน้า ที่บอกถึงการนำเงินไปใช้อะไร? ความรู้เรื่องบัตรเครดิต หรือการคิดอัตราดอกเบี้ย
วิธีการรณรงค์ของจีอี มันนี่ เปรียบเสมือนเป็นการป้องกันไว้ตั้งแต่เริ่มแรก ดีกว่าต้องมาแก้ไขปัญหาภายหลัง ซึ่งอาจยุ่งยากซับซ้อนกว่า และสิ่งสำคัญ ภาพลักษณ์ เป็นสิ่งที่จีอี มันนี่ ให้ความสำคัญมากขึ้น หลังจากพบว่า ผู้บริโภคต้องการความเป็นธรรม การดูแลตรงไปตรงมา เพราะข่าวคราวที่เกิดกับผู้ใช้บัตรที่ค้างชำระหนี้ จนเกิดการทวงหนี้ที่ใช้วาจาไม่สุภาพและใช้กำลัง
ด้วยสภาพแวดล้อมหลายๆ อย่าง ทำให้จีอี่ มันนี่ได้ปรับลดการเติบโตลงเหลือ 10 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 30-40 เปอร์เซ็นต์
ตัวเลขการเติบโตที่เหลือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นเป้าหมาย ที่ลดลงกว่าครึ่งหนึ่งในระยะหลายๆ ปีที่ผ่านมา และพิริยะ วิเศษจินดา กรรมการผู้จัดการใหญ่ จีอี มันนี่ ยอมรับว่า ปีนี้เป็นปีที่ลูกค้ามีความลำบากในการดำเนินชีวิตค่อนข้างมาก
ส่วนโครงการ "คิดให้ดี ใช้ให้เป็น" จะประสบความสำเร็จอย่างไร ต้องรอดูผลอีก 2 เดือนนับจากนี้ โดยพิริยะบอกว่าเป็นโครงการที่มีขอบเขตกว้างไกลกว่าคำว่า CSR หลายเท่านัก
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|