กรพจน์ อัศวินวิจิตร ติวเข้มงานการเมือง


นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2534)



กลับสู่หน้าหลัก

นักธุรกิจหนุ่มวัย 30 กว่าปีคนนี้ไม่ได้หายหน้าค่าตาไปไหน แต่กำลังขะมักเข้มฝึกฝนบทเรียนทางการเมืองอย่างหนักในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ และ 1 ใน 25 ของคณะกรรมาธิการพิจารณาแปรญัตติร่างรัฐธรรมนูญที่มีโอสถ โกศิน เป็นประธานฯ

นอกจากนี้ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมาธิการในอีกหลายชุด ได้แก่ กรรมาธิการพิจารณาภาษีมูลค่าเพิ่ม กรรมาธิการวิทยาศาสตร์ฯ และกรรมาธิการพิจารณา พ.ร.บ. SIB เป็นต้น

เขาเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงทางการเมืองที่มีอนาคตสดใสมากเสียยิ่งกว่านักการเมืองหน้าเก่า ๆ ทั้งหลายในเวลานี้ กับทั้งยังแซงโค้งเพื่อนร่วมรุ่น-ชินเวศ สารสาส ที่เคยมีข่าวว่าจะไปสวมเสื้อพรรคความหวังใหม่ไปไกลสิบ

กรพจน์ในตอนนี้ สนุกสนานกับการทำงานการเมืองอย่างมาก ๆ พ่อของเขา-อวย-ชัย อัศวินวิจิตร ก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของครอบครัวคนจีนที่มาอยู่ในเมืองไทยซึ่งเมื่อมีเงินแล้วก็ต้องมีเกียรติ อยากจะเห็นลูกหลานเป็นใหญ่เป็นโตในวงราชการเป็นข้าราชบริพารเพื่อเป็นเกียรติยสแก่วงศ์ตระกูล

ดังนั้น สำหรับคนอายุขนาดนี้เมื่อมาถึงระดับนี้ได้นับว่าเก่งมาก มาได้เร็วมาก นี่เป็นคำบอกเล่าจากคนใกล้ชิด

งานการเมืองมากมายขนาดนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลธุรกิจ

กรพจน์เตรียมรับสถานการณ์นี้ไว้แล้วด้วยการพยายามหามืออาชีพเข้ามาบริหารงานในบริษัทต่าง ๆ แทน กิตติพงษ์ จินตวรารักษ์ ดูแลที่ทีเอสไลฟ์วันชัยดูแลที่ธนพล และพี่ชายคนโตของเขา-จริพงษ์ดูแลแสงทองค้าข้าว

นอกจากกิจการหลัก ๆ เหล่านี้แล้ว กรพจน์ยังมีธุรกิจเกี่ยวกับโทรคมนาคมอีกอย่างหนึ่ง ดำเนินการมาเป็นเวลานานแล้วแต่เป็นแบบซุ่มเงียบ ธุรกิจที่ว่าคือบริาท ไซเทค (ประเทศไทย) จำกัดและบริษัท ไซเทคอินเตอร์เทรด จำกัด เป็นผู้นำเข้าและเป็นเอเยนต์ขายโทรศัพท์ยี่ห้อนิตสุโกะ (MITSUKO) จากประเทศญี่ปุ่น มันเป็นระบบโทรศัพท์อิเล็กทรอนิกส์และโทรสารสมบูรณ์แบบในตัว

กรพจน์รู้และเห็นมานานแล้วว่าธุรกิจสำคัญในเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาตัวเองเพื่อการที่จะเป็นประเทศ NICs ให้ได้นั้นระบบโทรคมนาคมสำคัญที่สุด

การคาดหมายของเขาถูกต้อง กลุ่มชินวัตรและ บ.สามารถคอมมูนิเคชั่น ซึ่งเมื่อก่อนล้วนเป็นบริษัทเล็ก ๆ เงียบ ๆ แต่เวลาผ่านไปเพียง 2-3 ปีก็พุ่งแรงแซงหน้าธุรกิจอื่น ๆ ไปมาก

กรพจน์เองก็เอาไซเทคฯ มาจับมือกับอีริคสันเสนอตัวเข้าประมูลในโครงการโทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย แต่ใช้ชื่อใหม่ตั้งขึ้นเป็นบริษัทใหม่คือ GENERAL COMMUNICATION NETWORK/GCN ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนกับชินเวศ-คู่หูของเขาที่เวลานี้ได้เข้ามาเป็นเลขาฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ความเคลื่อนไหวล่าสุดคือ การเสนอตัวเข้าประมูลชิงโครงการโทรศัพท์ 1 ล้านเลขหมายในเขตภูมิภาคที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการประกาศออกมาให้แน่ชัดว่าจะต้องทำการทบทวนเพื่อขออนุมัติใหม่ หรือจะประกาศเรียกประมูลเมื่อไหร่

ความสัมพันธ์ที่มีมาครั้งเก่าก่อนกับอีริคสัน ทั้งคู่อาจจะจับมือเข้าร่วมประมูลในงานนี้และร่วมมือกันในอีกหลาย ๆ งานข้างหน้า

ทั้งนี้รอล์ฟ แบ็คสตร็อม กรรมการผู้จัดการอีริคสัน (ประเทศไทย) เคยเปิดเผยกับ "ผู้จัดการ" ว่ามีความเป็นไปได้อย่างมาก ๆ ที่อีริคสันจะมีพาร์ทเนอร์ไทยรายใหม่ หลังจากที่สุปรีดิ์ ศรีผดุงถอนตัวออกไป

คงไม่ต้องเดาว่า พาร์ทเนอร์รายใหม่ของอีริคสันจะไม่หนี GCN เป็นแน่

คอนเนกชั่นที่ชักนำให้กรพจน์มีโอกาสฝึกฝนบทเรียนทางการเมืองครั้งนี้คือบุญชนะอัตถากร - คนที่เมื่อมีการยึดอำนาจทางการเมืองโดยกลุ่มทหารทีไรมักมีข่าวว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีทุกครั้งไป

บุญชนะเป็นผู้ถือหุ้นบ.ไทยเศรษฐกิจประกันชีวิต จำกัด ในสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งมาเป็นเวลานานก่อนที่ตระกูลอัศวินวิจิรจะเข้ามาซื้อกิจการบริษัทนี้ และยังเป็นอาจารย์ของกรพจน์สมัยที่เรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย

นอกจากนี้บุญชนะสมัยที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาลถนอม กิตติขจร ก็เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีเชิงอุปถัมภ์กับอวยชัย ในฐานะที่อวยชัยเป็นพ่อค้าข้าวส่งออกรายใหญ่ที่ต้องพึ่งพากฎระเบียบของกระทรวงพาณิชย์เป็นสำคัญ

เมื่อกรพจน์จะเข้ามาซื้อกิจการทีเอสไลฟ์ เขาได้มาขอคำแนะนำจากบุญชนะและยังเชิญให้รับเป็นประธานกรรมการบริษัทต่อไปอีกด้วย

ลูกชายบุญชนะเองก็เป็นผู้ถือหุ้นและนั่งเป็นกรรมการที่นี้ด้วย

บุญชนะได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ที่เคารพนับถือของกลุ่มทหารอยู่ไม่น้อยผู้ที่เคยคลุกคลีกับบุญชนะให้ความเห็นว่า "เพราะอาจารย์เป็นนักวิชาการที่ค่อนข้างจะโปรสถาบันทหาร พูดง่าย ๆ คือเป็นนักวิชาการที่มีหัวเอียงไปทางขวา เป็นภาพพจน์ที่ทหารต้องการอย่างมาก ๆ"

ด้วยเหตุนี้เมื่อทหารปฏิวัติต้องมีข่าวว่าบุญชนะจะมาเป็นนายกฯทุกครั้ง

ไม้เว้นแม้แต่คราวที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติกระทำการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และบุญชนะมีอายุ 81 ปีแล้วก็ตาม

ทว่าบุญชนะก็ไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ได้รับแต่งตั้งเป็นประานที่ปรึกษาในการร่างรัฐธรรมนูญ

นี่คือที่มาที่กรพจน์ได้เข้าไปนั่งร่วมพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญด้วยในครั้งนี้

หากจะมองช่องทางการเมืองต่อไปในอนาคตของกรพจน์ ลู่ทางดูจะแจ่มใสดีอยู่

ตระกูลอัศวินวิจิตรเป็นพ่อค้าข้าวรุ่นเก่าแก่ บริษัทแสงทองค้าข้าวเป็น 1 ใน 10 ของพ่อค้าข้าวรายใหญ่ในเวลานี้ ทำธุรกิจมานานหลายสิบปี รู้จักมักคุ้นพ่อค้าข้าว พวกโรงสีรุ่นเก่า ๆ มากมาย ในต่างจังหวัดนั้นคนกลุ่มนี้ค่อนข้างมีอิทธิพลด้วยอำนาจของความมั่นคั่งทางการเงิน

หากจะหาเสียงลงเลือกตั้งกันจริง ๆ มีหวังว่ากรพจน์จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของนักการเมืองเดิม

บุคลิกที่นอบน้อม เข้าหาผู้ใหญ่เก่ง รู้จังหวะสิ่งที่ควรพูดไม่ควรพูด เหล่านี้เป็นคุณสมบัติที่ดีของกรพจน์ เป็นสิ่งที่จะส่งเสริมให้เขารุ่งเรืองในเส้นทางการเมืองได้ในอนาคต นอกเหนือจากคอนเนกชั่นแข็งปั๋งและรากฐานทางธุรกิจที่เข้มแข็ง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.