นักธุรกิจหนุ่มวัย 30 กว่าปีคนนี้ไม่ได้หายหน้าค่าตาไปไหน แต่กำลังขะมักเข้มฝึกฝนบทเรียนทางการเมืองอย่างหนักในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ
และ 1 ใน 25 ของคณะกรรมาธิการพิจารณาแปรญัตติร่างรัฐธรรมนูญที่มีโอสถ โกศิน
เป็นประธานฯ
นอกจากนี้ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมาธิการในอีกหลายชุด ได้แก่ กรรมาธิการพิจารณาภาษีมูลค่าเพิ่ม
กรรมาธิการวิทยาศาสตร์ฯ และกรรมาธิการพิจารณา พ.ร.บ. SIB เป็นต้น
เขาเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงทางการเมืองที่มีอนาคตสดใสมากเสียยิ่งกว่านักการเมืองหน้าเก่า
ๆ ทั้งหลายในเวลานี้ กับทั้งยังแซงโค้งเพื่อนร่วมรุ่น-ชินเวศ สารสาส ที่เคยมีข่าวว่าจะไปสวมเสื้อพรรคความหวังใหม่ไปไกลสิบ
กรพจน์ในตอนนี้ สนุกสนานกับการทำงานการเมืองอย่างมาก ๆ พ่อของเขา-อวย-ชัย
อัศวินวิจิตร ก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของครอบครัวคนจีนที่มาอยู่ในเมืองไทยซึ่งเมื่อมีเงินแล้วก็ต้องมีเกียรติ
อยากจะเห็นลูกหลานเป็นใหญ่เป็นโตในวงราชการเป็นข้าราชบริพารเพื่อเป็นเกียรติยสแก่วงศ์ตระกูล
ดังนั้น สำหรับคนอายุขนาดนี้เมื่อมาถึงระดับนี้ได้นับว่าเก่งมาก มาได้เร็วมาก
นี่เป็นคำบอกเล่าจากคนใกล้ชิด
งานการเมืองมากมายขนาดนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลธุรกิจ
กรพจน์เตรียมรับสถานการณ์นี้ไว้แล้วด้วยการพยายามหามืออาชีพเข้ามาบริหารงานในบริษัทต่าง
ๆ แทน กิตติพงษ์ จินตวรารักษ์ ดูแลที่ทีเอสไลฟ์วันชัยดูแลที่ธนพล และพี่ชายคนโตของเขา-จริพงษ์ดูแลแสงทองค้าข้าว
นอกจากกิจการหลัก ๆ เหล่านี้แล้ว กรพจน์ยังมีธุรกิจเกี่ยวกับโทรคมนาคมอีกอย่างหนึ่ง
ดำเนินการมาเป็นเวลานานแล้วแต่เป็นแบบซุ่มเงียบ ธุรกิจที่ว่าคือบริาท ไซเทค
(ประเทศไทย) จำกัดและบริษัท ไซเทคอินเตอร์เทรด จำกัด เป็นผู้นำเข้าและเป็นเอเยนต์ขายโทรศัพท์ยี่ห้อนิตสุโกะ
(MITSUKO) จากประเทศญี่ปุ่น มันเป็นระบบโทรศัพท์อิเล็กทรอนิกส์และโทรสารสมบูรณ์แบบในตัว
กรพจน์รู้และเห็นมานานแล้วว่าธุรกิจสำคัญในเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาตัวเองเพื่อการที่จะเป็นประเทศ
NICs ให้ได้นั้นระบบโทรคมนาคมสำคัญที่สุด
การคาดหมายของเขาถูกต้อง กลุ่มชินวัตรและ บ.สามารถคอมมูนิเคชั่น ซึ่งเมื่อก่อนล้วนเป็นบริษัทเล็ก
ๆ เงียบ ๆ แต่เวลาผ่านไปเพียง 2-3 ปีก็พุ่งแรงแซงหน้าธุรกิจอื่น ๆ ไปมาก
กรพจน์เองก็เอาไซเทคฯ มาจับมือกับอีริคสันเสนอตัวเข้าประมูลในโครงการโทรศัพท์
3 ล้านเลขหมาย แต่ใช้ชื่อใหม่ตั้งขึ้นเป็นบริษัทใหม่คือ GENERAL COMMUNICATION
NETWORK/GCN ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนกับชินเวศ-คู่หูของเขาที่เวลานี้ได้เข้ามาเป็นเลขาฯ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ความเคลื่อนไหวล่าสุดคือ การเสนอตัวเข้าประมูลชิงโครงการโทรศัพท์ 1 ล้านเลขหมายในเขตภูมิภาคที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการประกาศออกมาให้แน่ชัดว่าจะต้องทำการทบทวนเพื่อขออนุมัติใหม่
หรือจะประกาศเรียกประมูลเมื่อไหร่
ความสัมพันธ์ที่มีมาครั้งเก่าก่อนกับอีริคสัน ทั้งคู่อาจจะจับมือเข้าร่วมประมูลในงานนี้และร่วมมือกันในอีกหลาย
ๆ งานข้างหน้า
ทั้งนี้รอล์ฟ แบ็คสตร็อม กรรมการผู้จัดการอีริคสัน (ประเทศไทย) เคยเปิดเผยกับ
"ผู้จัดการ" ว่ามีความเป็นไปได้อย่างมาก ๆ ที่อีริคสันจะมีพาร์ทเนอร์ไทยรายใหม่
หลังจากที่สุปรีดิ์ ศรีผดุงถอนตัวออกไป
คงไม่ต้องเดาว่า พาร์ทเนอร์รายใหม่ของอีริคสันจะไม่หนี GCN เป็นแน่
คอนเนกชั่นที่ชักนำให้กรพจน์มีโอกาสฝึกฝนบทเรียนทางการเมืองครั้งนี้คือบุญชนะอัตถากร
- คนที่เมื่อมีการยึดอำนาจทางการเมืองโดยกลุ่มทหารทีไรมักมีข่าวว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีทุกครั้งไป
บุญชนะเป็นผู้ถือหุ้นบ.ไทยเศรษฐกิจประกันชีวิต จำกัด ในสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งมาเป็นเวลานานก่อนที่ตระกูลอัศวินวิจิรจะเข้ามาซื้อกิจการบริษัทนี้
และยังเป็นอาจารย์ของกรพจน์สมัยที่เรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย
นอกจากนี้บุญชนะสมัยที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาลถนอม กิตติขจร
ก็เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีเชิงอุปถัมภ์กับอวยชัย ในฐานะที่อวยชัยเป็นพ่อค้าข้าวส่งออกรายใหญ่ที่ต้องพึ่งพากฎระเบียบของกระทรวงพาณิชย์เป็นสำคัญ
เมื่อกรพจน์จะเข้ามาซื้อกิจการทีเอสไลฟ์ เขาได้มาขอคำแนะนำจากบุญชนะและยังเชิญให้รับเป็นประธานกรรมการบริษัทต่อไปอีกด้วย
ลูกชายบุญชนะเองก็เป็นผู้ถือหุ้นและนั่งเป็นกรรมการที่นี้ด้วย
บุญชนะได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ที่เคารพนับถือของกลุ่มทหารอยู่ไม่น้อยผู้ที่เคยคลุกคลีกับบุญชนะให้ความเห็นว่า
"เพราะอาจารย์เป็นนักวิชาการที่ค่อนข้างจะโปรสถาบันทหาร พูดง่าย ๆ คือเป็นนักวิชาการที่มีหัวเอียงไปทางขวา
เป็นภาพพจน์ที่ทหารต้องการอย่างมาก ๆ"
ด้วยเหตุนี้เมื่อทหารปฏิวัติต้องมีข่าวว่าบุญชนะจะมาเป็นนายกฯทุกครั้ง
ไม้เว้นแม้แต่คราวที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติกระทำการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
และบุญชนะมีอายุ 81 ปีแล้วก็ตาม
ทว่าบุญชนะก็ไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ได้รับแต่งตั้งเป็นประานที่ปรึกษาในการร่างรัฐธรรมนูญ
นี่คือที่มาที่กรพจน์ได้เข้าไปนั่งร่วมพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญด้วยในครั้งนี้
หากจะมองช่องทางการเมืองต่อไปในอนาคตของกรพจน์ ลู่ทางดูจะแจ่มใสดีอยู่
ตระกูลอัศวินวิจิตรเป็นพ่อค้าข้าวรุ่นเก่าแก่ บริษัทแสงทองค้าข้าวเป็น
1 ใน 10 ของพ่อค้าข้าวรายใหญ่ในเวลานี้ ทำธุรกิจมานานหลายสิบปี รู้จักมักคุ้นพ่อค้าข้าว
พวกโรงสีรุ่นเก่า ๆ มากมาย ในต่างจังหวัดนั้นคนกลุ่มนี้ค่อนข้างมีอิทธิพลด้วยอำนาจของความมั่นคั่งทางการเงิน
หากจะหาเสียงลงเลือกตั้งกันจริง ๆ มีหวังว่ากรพจน์จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของนักการเมืองเดิม
บุคลิกที่นอบน้อม เข้าหาผู้ใหญ่เก่ง รู้จังหวะสิ่งที่ควรพูดไม่ควรพูด เหล่านี้เป็นคุณสมบัติที่ดีของกรพจน์
เป็นสิ่งที่จะส่งเสริมให้เขารุ่งเรืองในเส้นทางการเมืองได้ในอนาคต นอกเหนือจากคอนเนกชั่นแข็งปั๋งและรากฐานทางธุรกิจที่เข้มแข็ง