พีเจ้นติดลมตลาดภูธรโหมหนัก เพิ่มช่องทาง-เปิดตัวสินค้าใหม่สู้


ผู้จัดการรายวัน(30 กรกฎาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

พีเจ้น อัดฉีด 30 ล้านบาท รุกตลาดผลิตภัณฑ์เด็กครึ่งปีหลัง ชูแผนบุกภูธรหนักปีที่ 2 หลังพบตลาดใหญ่ อัตราการเกิดสูง เร่งการสร้างแบรนด์ติดลมบนคุณแม่มือใหม่ รุกตลาดขวดนมครั้งแรกรอบหลายปี จัดเซกเมนต์ใหม่ พร้อมขนสินค้านำเข้า 20 รายการ กระตุ้นยอดขายโต 12% กวาด 355-360 ล้านบาทสิ้นปีนี้

นายนิรามัย ลักษณานันท์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท มุ่งพัฒนามาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กตราพีเจ้น เปิดเผยว่า แผนการตลาดบริษัทจะรุกขยายตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ อีกทั้งอัตราการเกิดของเด็กคิดเป็นสัดส่วนถึง 80% เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ สัดส่วน 20% เท่านั้น โดยบริษัทมุ่งเน้นสร้างแบรนด์ให้มากขึ้น จากเดิมเน้นสร้างยอดขายเป็นหลัก ผ่านการจัดกิจกรรมการตลาด ควบคู่กับจัดโปรโมชัน ณ จุดขาย ตลอดจนการเพิ่มสินค้ากลุ่มใหม่ๆ เจาะกลุ่มเป้าหมายคุณแม่ที่เพิ่งตั้งครรภ์หรือมีลูกคนแรกเป็นหลัก

ล่าสุดบริษัทได้จัดกิจกรรม 4 ภาค ได้แก่ โรบินสัน ศรีราชา โรบินสัน จ.เชียงใหม่ เดอะมอลล์ จ.นครราชสีมา และเซ็นทรัล จ.ภูเก็ต บนพื้นที่ 250 ตร.ม. โดยการให้ข้อมูลและความบันเทิงแก่คุณแม่ ทั้งนี้คาดว่างานดังกล่าวจะมีคุณแม่เข้ามาร่วมงาน 700 คน และจากการดำเนินการตลาดในเชิงรุกทั้งปีตั้งเป้ายอดขายในตลาดต่างจังหวัดเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก หลังจากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ยอดขายเติบโต 7-8% เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ เติบโต 20% ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้า 3 ปี สัดส่วนรายได้ตลาดต่างจังหวัดจะเพิ่มจาก 30% เป็น 50% และกรุงเทพฯ เหลือ 70% เป็น 50%

“หากเราขยายฐานลูกค้าตลาดต่างจังหวัดเป็นไปตามเป้าหมาย บริษัทจัดทัพสินค้าใหม่ โดยนำสินค้าที่ไม่ได้มีการทำตลาดอย่างจริงเข้ามารุกตลาดต่างจังหวัดเพิ่มเติม อาทิ กลุ่มเบบี้ไวพส์ และผลิตภัณฑ์ถนอมผิวสำหรับเด็ก อาทิ แชมพู สบู่ โลชั่น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้บริโภค”

นายนิรามัย กล่าวว่า ส่วนแผนการทำตลาดในกรุงเทพฯ บริษัทยังคงตอกย้ำแบรนด์โพซิชันนิง ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการของเด็กและทารก และเตรียมเปิดตัวไลน์สินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น 20 รายการ ตลอดจนการขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ การแจกสินค้าตัวอย่าง โดยวางงบการตลาดโดยรวม 30 ล้านบาท เพื่อรุกตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง แบ่งเป็น อะโบฟเดอะไลน์ 60% และบีโลว์เดอะไลน์ 40% ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างและสร้างประสบการณ์ตรงให้กับกลุ่มเป้าหมาย ส่วนปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนที่จะปรับราคาสินค้า แม้ว่าต้นทุนการผลิตจะปรับเพิ่มขึ้น

ล่าสุดบริษัทได้เพิ่มไลน์เครื่องจักรผลิตขวดนมเพิ่ม รองรับการส่งออก 70% และภายในประเทศ 30% พร้อมกันนี้ได้จัดโปรดักส์ไลน์แต่ละเซกเมนต์ให้มีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อรุกตลาดหนักครั้งแรกรอบหลายปี จากเดิมเซกเมนต์สแตนดาร์และพรีเมียมไม่มีความแตกต่างกันมากนัก เนื่องจากบริษัทต้องการรุกตลาดทั้งสองเซกเมนต์ โดยตลาดพรีเมียมการซื้อไลเซนส์ซี่ลิขสิทธิ์จากซานริโอ ด้วยการออกคอลเลกชันคิดตี้ทั้งหมด 8 ลาย และสร้างความต่างนำจุดขวดนมนวัตกรรมใหม่ Mini Peristaltic วางราคา 150 บาท เมื่อเทียบกับสินค้าเดิม 97 บาท พร้อมกันนี้ยังรุกขยายฐานลูกค้าเบบี้ไวพส์กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานอย่างต่อเนื่อง

แนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เซกเมนต์พรีเมียมมีอัตราการเติบโตสวนกระแสตลาด โดยพบว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมากลุ่มสินค้าพรีเมียมเติบโต 20% ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับอีโคโนมี ต้นทุนการผลิตสินค้าปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สินค้าต้องจำหน่ายในราคาถูก ส่งผลกระทบผู้ประกอบการอย่างมาก อีกทั้งการแข่งขันยังมีความรุนแรง อย่างไรก็ตามแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่บริษัทมั่นใจว่าสิ้นปีนี้ผลประกอบการเติบโต 12% หรือมีรายได้ 355 -360 ล้านบาท จากเมื่อปีที่ผ่านมีรายได้ 350 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโตกว่า 10% โดยรายได้หลักมาจาก จุดนม ขวดนม เบบี้ไวพส์ สินค้านำเข้า เป็นต้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.