SAM เร่งส่งออกเหล็กปีนี้เพิ่มเป็น15%หวังลดความเสี่ยงเชื่อโกยรายได้6พันล.


ผู้จัดการรายวัน(28 กรกฎาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

SAM เร่งเพิ่มตลาดส่งออกเหล็กเป็น 15% ปีนี้ ลดความเสี่ยงหลังตลาดในประเทศผันผวนหนัก เหตุปัญหาการเมืองส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจซบ ปีนี้โกยรายได้ 5-6 พันล้านบาท อานิสงส์ราคาเหล็กขยับขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ส่งผลกรอสและเน็ทมาร์จิ้นพุ่ง เน้นเจาะตลาดในยุโรปเพิ่ม หลังพบความต้องการสูงและยกเลิกมาตรการแอนตี้ ดัมปิ้ง เมินราคาหุ้นเทรดต่ำกว่าราคา BOOK VALUE ซึ่งอยู่ที่2.30 บาท

นายพัชวัฎ คุณชยางกูร รองประธานกรรมการและผู้จัดการ บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) จำกัด(มหาชน) (SAM) เปิดเผยว่าจากปริมาณยอดขายและกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ ตัวเลขกรอส มาร์จิ้นของบริษัทมีเพิ่มจาก 9% เป็น 18% และเน็ทมาร์จิ้นเพิ่มจาก 3-4% เป็นสูงกว่า 10% อัน เป็นผลจากคาคาจำหน่ายพุ่งสูงต่อเนื่องจากต้นปี 50

นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นการส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่ม หลังจากปี 50 บริษัทส่ง ออกไม่ถึง 5% คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 200-300 ล้านบาท แต่ปีนี้จะเพิ่มการส่งออกเป็นเกือบ 15% คิด เป็นเม็ดเงินเกือบ 1 พันล้านบาท

" เราต้องส่งออกเพิ่ม เพื่อป้องกันความเสี่ยงของตลาดในประเทศ ที่ขณะนี้ได้รับผลกระทบจาก ปัญหาการเมือง ทำให้เกิดความผันผวน และความต้องการในประเทศที่แท้จริงลดลง รวมทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มชะลอตัว ขณะที่ตลาดต่างประเทศตลาดแน่นอนและพบว่ายังมีความต้องการท่อ เหล็ก รวมทั้งหาตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วย " นายพัชวัฎ กล่าว

โดยตลาดส่งออกที่สำคัญคือยุโรป ซึ่งบริษัทจะเจรจาหาตลาดส่งออกในยุโรปเพิ่ม หลังจากยกเลิกมาตรการแอนตี้ ดัมปิ้ง เพราะความต้องการสูง รวมทั้งสหรัฐ ฯ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในตลาดเอเชียใต้หรือประเทศใกล้เคียง

อย่างไรก็ดี ในส่วนของต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทนั้น พบว่าปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นตามราคาของเหล็กรีดร้อน ที่บริษัทต้องสั่งซื้อจากบมจ.สหวิริยา สตีล อินดัสตรีส์ จำกัด ( มหาชน) และ บมจ.จี สตีล จำกัด (มหาชน) ซึ่งหลังจากราคาเหล็กพุ่งต่อเนื่องมาจากตั้งแต่ปลายปี 50 และบริษัทสามารถปรับราคาขายได้ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ด้วยการผลักภาระให้กับลูกค้าหรือผู้บริโภค

สำหรับปีนี้ SAM ยอมรับว่าเป็นปีที่ดีของผู้ประกอบการธุรกิจเหล็ก เพราะได้รับอานิสงส์ จากราคาเหล็กในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทเชื่อว่ายอดขายปีนี้โตได้ตามเป้าหมาย และแนวโน้มครึ่งปีหลังก็ยังจะไปได้ดี เพราะราคาน้ำมันและเหล็กในตลาดโลกยังคงสูงและแนวโน้มลดลงค่อนข้างยากในระยะนี้

โดย SAM จึงมั่นใจว่าราคาจำหน่ายในต่างประเทศจะไม่ต่ำลง และคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 5-6 พันล้านบาท หรือประมาณ 40-50% จากปีก่อนเนื่องจากราคาเหล็กปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องรวมทั้งปริมาณการส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มสูง โดยปีที่แล้ว SAM ทำยอดขายไว้ที่ 3,900 ล้านบาท

นายพัชวัฎกล่าวถึงราคาหุ้น ซึ่งขณะนี้เทรดกันที่ราคาหุ้นละ 1 บาทกว่า ซึ่งต่ำกว่าราคา BOOK VALUE อยู่ที่ 2.30 บาทว่า ไม่ได้สนใจนัก เพราะเชื่อว่าเป็นไปตามภาวะตลาด และในส่วนของการ กระจายให้ผู้ถือหุ้นรายย่อย (free float) นั้นอยู่ที่ 30% ถือว่าเพียงพอ พร้อมเมินการแตกพาร์เพราะยังไม่มีนโยบายในขณะนี้

โดยไตรมาสแรกปีนี้บริษัทมีผลกำไรสุทธิ 74.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ มีผลขาดทุนสุทธิ 54.88 ล้านบาท หรือพลิกจากขาดทุนเป็นมีกำไร 129.52 ล้านบาทหรือ 236.01% และมีราย ได้ไตรมาสดังกล่าวเกือบ 1,500 ล้านบาท จากปริมาณการจำหน่ายท่อเหล็กทุกประเภทโดยรวม เพิ่มขึ้นประมาณ 38.64 %และ ราคาจำหน่ายเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 8.41 % ขณะที่ต้นทุน ขายก็เพิ่มขึ้นตามปริมาณการขายและราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักเพิ่มขึ้น ประมาณ 22.59% ในขณะที่ราคาแร่สังกะสีลดลง ร้อยละ 41.80 ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้นจาก อัตราเงินเฟ้อและค่าขนส่งเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีตัวเลขขาดทุนอยู่ประมาณ 70 ล้านบาท และจะล้างขาดทุนได้หมด ในปีนี้ เพราะปัจจุบันบริษัทมีกำไรสะสมอยู่ประมาณ 210 ล้านบาท และผลงานของบริษัทดีขึ้นตั้งแต่ ปลายปีที่ผ่านมา และหลังจากSAM เข้าซื้อกิจการกับ บริษัท อินเตอร์ สตีล อินดัสทรี จำกัดเมื่อปลายปี 49 เพราะต้องการเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ขึ้นแท่นผู้ผลิตท่อเหล็กที่ใหญ่ที่สุดของไทย ด้วยกำลังผลิตกว่า 2 หมื่นท่อต่อเดือน ทั้งท่อดำ ท่อชุบซิลิโคนและท่อประปา รวมทั้งท่อในการก่อสร้าง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.