|
พลังงานสั่งเดินหน้าโซฮอล์อี 85 มึนจัดรีดกองทุนหนุนคนใช้ก๊าซ
ผู้จัดการรายวัน(24 กรกฎาคม 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
“พูนภิรมย์” ลั่นเดินหน้าแก๊สโซฮอล์ อี85 นายกฯเตรียมนั่งหัวโต๊ะประชุมกพช.สัปดาห์หน้ากำหนดเป็นวาระเอทานอลแห่งชาติ ยันเป็นทางเลือกของประชาชนแถมเป็นโอกาสสร้างตลาดใหม่ของค่ายรถที่ไม่ได้กระทบตลาดเก่าแต่อย่างใด ด้านการเช็คสต็อกปั๊มน้ำมันทั่วประเทศเที่ยงคืนวันที่ 24 ก.ค.เพื่อลดราคาขายปลีกน้ำมันหลังรัฐลดภาษีสรรพสามิตมีผล 25 ก.ค.นี้พร้อมแล้ว ส่วนการนำเข้าดีเซลจากรัสเซียยังไม่มีความคืบหน้า เล็งดึงเงินกองทุนอนุรักษ์ฯส่งเสริมรถบ้านติด NGV ดบ. 0% ด้านน้ำมันโลกราคาต่ำกว่า 127 ดอลลาร์แล้ว
พล.โท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีที่ค่ายรถบางแห่งโดยเฉพาะโตโยต้าออกมาวิพากษ์ถึงนโยบายส่งเสริมแก๊สโซฮอล์อี 85 ว่า สัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเป็นประธานซึ่งจะมีวาระเอทานอลแห่งชาติเข้าพิจารณาโดยยังยืนยันที่จะเดินหน้าแผนส่งเสริมแก๊สโซฮอล์อี 85 เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนและน่าจะเป็นโอกาสที่ดีของค่ายรถยนต์ที่จะมีตลาดใหม่ในอนาคต ขณะที่ตลาดเก่าก็ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดเนื่องจากภาษีสรรพสามิตรถยนต์ก็ไม่ได้พิเศษเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงอื่นๆ ทั้ง ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) รวมไปถึงรถยนต์ประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากลหรืออีโคคาร์
“ตลาดรถยนต์ในไทยทำกันมานานนับ 10 ปีแล้วมีการส่งออกอย่างมาก และการส่งเสริมอี 85 ก็จะต้องมีรถยนต์ Flexible Fuel Vehicles (FFV) มารองรับน่าจะเป็นโอกาสดีของตลาดรถยนต์มากกว่าผลเสียและเห็นว่าค่ายรถเองก็ต้องปรับตัวตามสภาพเพราะกรอบที่รัฐบาลพิจารณานั้นเน้นการดูแลทุกข์สุขของประชาชนนโยบายที่ออกหลีกไม่พ้นที่จะมีทั้งจุดเด่นและด้อยแต่เรามองประโยชน์พี่น้องประชาชนเพราะสรรพสามิตอี 85 เองก็จะต่ำทำให้ราคาถูก ก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร “รมว.พลังงานกล่าว
รมว.พลังงาน กล่าวว่า การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนครั้งที่ 26 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานระหว่าง 4-8 ส.ค.นี้ไทยโดยกระทรวงพลังงานจะได้ใช้เวทีดังกล่าวผลักดันเรื่องพลังงานทดแทนเป็นวาระแห่งอาเซียน( ASEAN AGENDA) ซึ่งยอมรับว่าแต่ละชาติโดดเด่นไม่เหมือนกันโดยไทยโดดเด่นในเรื่องของเอทานอลซึ่งมีปริมาณที่มากพอจนทำให้เกิดการส่งเสริมอี 85 เป็นต้น
อย่างไรก็ตามขณะนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับลดลงอย่างมากซึ่งถือเป็นข่าวดี ประกอบกับนโยบายรัฐบาลได้ประกาศลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะมีผลวันที่ 25 ก.ค.นี้นั้นได้มีการประสานงานทุกฝ่ายรวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกแห่งในการดูแลการตรวจเช็คสต็อกน้ำมันที่จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 24 ก.ค.ซึ่งขณะนั้นปั๊มน้ำมันทั่วประเทศก็จะต้องหยุดบริการชั่วคราวถึงตี 5 ก็จะเป็นราคาที่ปรับลดการขายปลีกแต่จะมีการลดลงเป็น 2 เด้งจากผลพวงราคาน้ำมันตลาดโลกลดหรือไม่รัฐไม่ต้องการให้มองรวมกันคงจะต้องแยกส่วน
ทั้งนี้แม้ว่ารัฐบาลจะมีการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันและส่งผลให้แก๊สโซฮอล์ทุกประเภท ทั้ง 95, 91 อี 20 และอี 85 จะลดราคาลง 3.88 บาทต่อลิตร ไบโอดีเซล บี 2 ลดลง 2.712 บาทต่อลิตร และไบโอดีเซล บี 5 ลดลง 2.47 บาทต่อลิตรในวันที่ 25 ก.ค.นั้นแต่นโยบายการลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนเพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมาอุดหนุนดีเซล 90 สตางค์ต่อลิตรจะมีผลสิ้นเดือนนี้ทำให้หากไม่ดำเนินการต่อดีเซลจะต้องปรับขึ้นทันที 90 สตางค์ต่อลิตรนั้นรมว.พลังงานยอมรับว่ากำลังพิจารณาอยู่คงไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้
ยันนำเข้าดีเซลรัสเซียยังไม่คืบหน้า
สำหรับการนำเข้าน้ำมันดีเซลจากรัสเซียนั้นการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ล่าสุดก็ยังไม่ได้ชัดเจนซึ่งหากมีนโยบายมาทางกระทรวงพลังงานคงไม่ขัดข้องและหลายหน่วยงานเองก็สนใจเพราะราคาต่ำถึง 8 บาทต่อลิตรซึ่งได้มีการชี้แจงแล้วในครม.ว่าปัจจุบันก็มีการใช้น้ำมันม่วงที่มีกำมะถันสูงอยู่แล้วแต่จะต้องทำเฉพาะกลุ่มผ่านเจ้าภาพที่ชัดเจน ซึ่งสามารถใช้สารมาร์คเกอร์เพื่อแยกประเภทได้และผ่านสหกรณ์ที่จะจำเป็นต้องใช้เบื้องต้นนายกรัฐมนตรีต้องการนำมาใช้กับสหกรณ์การเกษตร รถบรรทุก หรือประมงแต่ทั้งหมดยืนยันว่ายังไม่มีเจ้าภาพและความชัดเจน
“การประชุม ครม. เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้แจ้งให้ทราบว่าประเทศไทยเคยใช้น้ำมันกำมะถันสูงมาก่อนที่จะมาใช้น้ำมันกำมะถันต่ำในปัจจุบัน แต่ต้องมีข้อยกเว้นว่าการนำเข้ามาเป็นเรื่องเฉพาะกิจ จะต้องมีหน่วยงานเจ้าของกระทรวงที่เกี่ยวข้องรองรับน้ำมันกำมะถันสูงเป็นโครงการของรัฐบาล บริหารจัดการให้ชัดเจนอย่างไร เพื่อป้องกันน้ำมันมาปลอมปนใช้กับภาคอื่น ๆ ซึ่ง ครม. และรัฐมนตรีหลายคนให้ความสนใจที่จะนำน้ำมันกำมะถันสูงมาบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน”รมว.พลังงานกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้จะนำเข้าน้ำมันราคาถูกจากรัสเซีย แต่กระทรวงพลังงานยังไม่ยกเลิกแผนงานเดิมที่ประกาศบังคับใช้น้ำมันกำมะถันต่ำมาตรฐานยูโร 4 ที่จะเริ่มใช้ในอัตราร้อยละ 0.005 ในน้ำมันดีเซล เริ่ม 1 ม.ค. 2555 เป็นต้นไป โดยขณะนี้หลายโรงกลั่นปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ เช่น ไทยออยล์ และบางจาก เริ่มผลิตน้ำมันมาตรฐาน ยูโร 4 แล้ว
ส่วนนโยบายการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีภาคขนส่งและรถยนต์นั้นรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการดำเนินการซึ่งข้อสรุปทั้งหมดคงจะได้ข้อยุติภายในไม่เกิน 1 สัปดาห์หลังจากนั้นจะได้มีการนำเข้าพิจารณาในคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ต่อไป
หนุนรถบ้านติด NGV เล็ง ดบ.0%
แหล่งข่าวจากสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการส่งเสริมการติดตั้งอุปกรณ์การใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ในรถยนต์บ้านโดยนำเงินกองทุนเพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมาสนับสนุนที่จะไม่คิดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าวจะต้องมีการแก้ไขระเบียบใหม่เพราะตามระเบียบเดิมต้องนำไปใช้เพื่อการอนุรักษ์พลังงานเป็นหลัก
“กำลังเป็นแนวคิดว่าจะทำอย่างไรในการส่งเสริมให้รถบ้านมีทางเลือกหลังที่รัฐมีนโยบายจะปรับราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีภาคขนส่งและอุตสาหกรรม ขณะที่แท็กซี่นั้นปตท.มีวงเงินสนับสนุนการติดตั้งอยู่แล้ว ซึ่งหากว่าดำเนินการได้ยากก็อาจจะใช้ทางเลือกการนำเงินส่วนนี้ของปตท.มาเกลี่ยส่งเสริมรถบ้านด้วย”แหล่งข่าว กล่าว
น้ำมันโลกต่ำกว่า 127 ดอลลาร์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ลดลงมาอีกเมื่อวานนี้(23) ต่อเนื่องจากวันอังคาร(22) จนอยู่ในระดับต่ำกว่า 127 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากทราบแน่ชัดว่าเส้นทางของพายุเฮอร์ริเคน "ดอลลี" จะไม่เข้าถล่มฐานขุดเจาะและกลั่นน้ำมันในย่านอ่าวเม็กซิโก ขณะเดียวกัน พวกนักวิเคราะห์ก็มองกันว่า ราคายังน่าจะไหลรูดลงกว่านี้อีก
ตอนปิดตลาดวันอังคาร สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ เพื่อการส่งมอบเดือนสิงหาคม ซึ่งซื้อขายกันวันนั้นเป็นวันสุดท้าย ได้ตกลงมา 3.09 ดอลลาร์ อยู่ที่ 127.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาของน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของลอนดอน ก็ถอยลงมา 3.23 ดอลลาร์ ยืนที่ 129.38 ดอลลาร์
ต่อมาวานนี้ ราคาน้ำมันดิบโลกยังคงรูดต่อ โดยเมื่อถึง 12.55 น.เวลาจีเอ็มที (ตรงกับ 19.55 น.เวลาประเทศไทย) ไลต์สวีตครูด เพื่อการส่งมอบเดือนกันยายน ได้ติดลบไป 1.63 ดอลลาร์ อยู่ที่ 126.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากมีช่วงหนึ่งทรุดลงถึง 125.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อันเป็นระดับต่ำสุดที่สุดนับแต่วันที่ 5 มิถุนายน ขณะที่ เบรนต์ก็เซลงมา 1.64 ดอลลาร์ ยืนที่ 127.91 ดอลลาร์
นอกจากเรื่องพายุแล้ว ปัจจัยอื่นที่ทำให้ราคาน้ำมันตกยังคงมีเรื่องเงินดอลลาร์ได้กลับแข็งขึ้น โดยวานนี้มีช่วงหนึ่งค่าดอลลาร์อยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับเงินเยน ขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยยืนพื้นเรื่องที่ราคาน้ำมันแพง กำลังทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯและความต้องการใช้พลังงานของอเมริกาลดฮวบ
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคบางราย เช่น ทีมนักวิเคราะห์ของ เอ็มเอฟ โกลบอล ชี้ว่าจากการเคลื่อนไหวของราคาเช่นนี้ ทำให้ตลาดในขณะนี้น่าจะอยู่ในทิศทางลดต่ำต่อไปอีก โดยแนวต้านแนวต่อไปน่าจะอยู่ที่ระดับราคา 120 ถึง 122 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แต่ถึงแม้ราคาน้ำมันได้ถอยลงมามากแล้ว จากที่ทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดล่าสุดที่ 147.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ทว่าคำนวณเฉพาะในปี 2008 น้ำมันก็ยังคงพุ่งสูงขึ้นไปเกือบ 30% อยู่ดี
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|