ปรากฎการณ์ทางเศรษฐกิจปี 51 ตลาดพังระเนระนาด


ผู้จัดการรายวัน(21 กรกฎาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

ภาคเอกชน ชี้ปัจจัยลบรุมเร้า เศรษฐกิจพ่นพิษ น้ำมันแพง กำลังซื้อหด การเมืองไม่นิ่ง กระทบ อุตสาหกรรมช็อกติดลบครั้งแรกในรอบหลายปี ตลาดนมพร้อมดื่ม เสื้อผ้าเด็ก ชุดชั้นใน เดี้ยง ความถี่ในการซื้อลดลงอัตโนมัติ ด้านธุรกิจขายตรงการเติบโตชะลอตัวลง อุปโภคบริโภคของกินของใช้ยังส่อเค้าแย่ โตได้ 5% ทุกค่ายเฮโล

สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็เกิดขึ้นได้ในปีนี้ โดยเฉพาะมูลค่าตลาดรวมของหลายตลาดที่ตกลง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกในรอบหลายปีที่เคยเกิดขึ้นเลยก็ว่าได้ของแต่ละตลาด

นายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้จัดการทั่วไปสายงานการตลาด บริษัท กรีนสปอต (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดนมมูลค่า 35,000 ล้านบาท ในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม หรือระหว่าง 5 เดือนที่ผ่านมา ในแง่ปริมาณติดลบ 1-2% ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นสำหรับตลาดนมโดยรวม เนื่องจากได้รับผลพวงจากเศรษฐกิจ และกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลให้ความถี่ในการดื่มนมของคนไทยลดลง ทั้งนี้พบว่าตลาดนมถั่วเหลืองมูลค่า 7,800 ล้านบาท ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานี้ ตลาดมีอัตราการเติบโตที่ลดลงเช่นกัน จากปกติตลาดมีโตเป็นตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่องมาหลายปี แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่ตลาดมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว

นางกาญจนา ตั้งเสรีสุขสันต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์เด็ก บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เด็ดอองฟองต์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเสื้อผ้าเด็กในช่วงครึ่งปีแรกมูลค่า 1,100 ล้านบาท ติดลบ 5% ซึ่งเป็นภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในตลาดเสื้อผ้าเด็ก หรือตั้งแต่บริษัทดำเนินธุรกิจเสื้อผ้าเด็กอองฟองต์ในรอบเกือบ 20 ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดทรงตัว เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี กำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลง พฤติกรรมพ่อแม่มีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย จึงลดปริมาณการซื้อเสื้อผ้าจาก 5 ชิ้น เหลือ 3 ชิ้น

ชุดชั้นในไม่โตในรอบ 10 ปี

นายอำนวย บำรุงวงศ์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในวาโก้ เปิดเผยว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง กระทบต่อกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลให้ตลาดชุดชั้นในมูลค่า 12,000 - 14,000 ล้านบาทในปีนี้ไม่เติบโตครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยพบว่าอัตราการซื้อต่อชิ้นต่อครั้งลดลง ส่งผลให้ผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาของบริษัทมีอัตราการเติบโตเพียง 2-3% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งเติบโต 10% หรือต่ำกว่าเกือบ 7%

"ปีนี้ตลาดชุดชั้นในแง่มูลค่าอาจจะลดลง โดยเฉพาะตลาดระดับกลางลงล่าง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสินค้าจากจีนเข้ามาตีตลาดชุดชั้นในดังกล่าว ส่วนในแง่ของปริมาณก็ไม่มีอัตราการเติบโต อย่างไรก็ตามปัจจุบันตลาดชุดชั้นในตัวเลขในเชิงปริมาณระดับกลางลงล่างยังมีสัดส่วนมากกว่า 4 เท่า เมื่อเทียบกับชุดในระดับพรีเมียม"

อุตฯขายตรงโตเป็นตัวเลขหลักเดียว

แพทย์หญิงนลินี ไพบูลย์ นายกสมาคมการขายตรงไทย กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจขายตรงครึ่งปีหลังนี้ว่า มีปัจจัยลบที่น่ากังวลหลายประการ ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน และราคาสินค้ามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นมีโอกาสที่กำลังการซื้อของผู้บริโภคจะซึมถึง 2 เท่าตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งนับว่าเป็นวิกฤติในรอบหลายปีที่ผ่านมา และมองว่าภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ถือว่าแย่ และน่ากลัวกว่าการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540

สำหรับภาวะที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทุกอุตฯ ได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด โดยในธุรกิจขายตรงก็ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็กสายป่านไม่ยาวจะยิ่งแย่ คาดว่าทั้งปีธุรกิจขายโดยรวมเติบโต 6-7% จากมูลค่า 45,000 ล้านบาท จากเดิมคาดว่าตลาดจะเติบโต 10%

อุปโภคบริโภคก็พลอยย่ำแย่ได้ด้วย

ขณะที่ตลาดอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นของกินและของใช้ในชีวิตประจำวัน ยังพลอยได้รับผลกระทบ เพราะผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยนนายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค ปีนี้ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตได้ถึง 5% ก็ถือว่าเก่งแล้ว เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดมีอัตราการเติบโต 6-7% โดยพบว่า ตลาดโคโลญจ์หดตัวลง 5% ขณะที่ ตลาดรวมโรลออน มีมูลค่า 1,014 ล้านบาทก็หดตัวลง 5% เนื่องจากผู้บริโภคลดความถี่ในการใช้ลง

ส่วนภาคบันเทิง ที่ว่ากันว่าเติบโตดี ไม่มีผลกระทบ ก็ยังโดนหางเลข โดยเฉพาะ ตลาดหนังไทย ที่ตกลงกว่า 10% และไม่มีเรื่องใดที่มีรายได้เกิน 100 ล้านบาทเลยในช่วงครึ่งปีแรกนี้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.