หุ้นไทยลบสถิติ10ปี มูลค่าซื้อขายรวม 3.7 หมื่นล.


ผู้จัดการรายวัน(4 กรกฎาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

กระทิงห้อไม่หยุด หุ้นไทยบูมสนั่น ดัชนีหุ้นวานนี้วิ่งขวิดเกือบชน 500 จุด มูลค่า วานนี้พุ่งสูงสุดในรอบ 9 ปี 6 เดือน ถึง 3.7 หมื่นล้านบาท หุ้นกลุ่มแบงก์เทรดสนั่น ขณะที่ทักษิณ-สมคิด ประสานเสียง ดัชนี 500 จุด ที่หลายค่ายคาดการณ์จะเห็นสิ้นปีนี้ ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งขึ้นมากช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา จนขณะนี้ถือว่าไทยเป็นผู้นำอาเซียนแล้ว โดยเฉพาะเทียบกับ ที่เคยพุ่งถึง 1,700 จุด ก่อนวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ขณะที่คาดกระทิงยังเดินหน้า แต่จะปรับฐานเป็นระยะๆ ก่อนทะลุ 550 จุด ด้านขุนคลังกำชับ ก.ล.ต.-ตลาดหลักทรัพย์จับตาหุ้นปั่นผสมโรงกระทิงดุ

กระทิงวิ่งห้อไม่หยุดตั้งแต่เริ่มเปิดตลาดฯ วานนี้ (3 ก.ค.) วันที่ 2 ของการซื้อขายช่วง ครึ่งหลังปีแพะของตลาดหุ้นไทย นักลงทุนทั้งไทย-ฝรั่งผมทอง-ผมดำ รุมกระหน่ำ ส่งผลมูลค่าซื้อขายรวม 37,119.30 ล้านบาท พุ่งสูงสุดในรอบ 114 เดือน จากวันที่ 6 ม.ค. 2537 อยู่ที่ 3.88 หมื่นล้านบาท ดัชนีขึ้นไปยืนสูงสุด 492.96 จุด ก่อนปิดตลาดฯ 489.80 จุด เพิ่มขึ้น 12.07 จุด เพิ่ม 2.53%

นักลงทุนทั้งไทย-ฝรั่ง ยังคงพุ่งเป้าหุ้น ปตท. (PTT) ที่ปัจจัยพื้นฐานยังแกร่ง รวมถึงอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) ที่คาดจบสวย กลุ่มสื่อสารแบงก์ยังแรง ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศยังซื้อสุทธิวานนี้เพิ่มอีก 1,720.62 ล้านบาท ทักษิณยันกระทิงยังห่าง 1,700 จุด

พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าววานนี้ว่า ทุกวันนี้เงินต่างประเทศเข้าตลาด หุ้นไทยมาก ต้องยอมรับว่าดัชนีของไทยค่อนข้างต่ำ จากเดิมที่เคยขึ้นถึง 1,700 จุด ซึ่งเป็น สถิติสูงสุดของตลาดหุ้นไทยในรอบเกือบ 29 ปี ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 วันนี้เหลือแค่ 400 กว่าจุด แต่ต่างชาติมองว่า ศักยภาพของไทยในอนาคตดีมาก และมองเสถียรภาพค่าเงินบาทว่า มีแนวโน้มจะแข็งขึ้นมากกว่าอ่อนลง เพราะฉะนั้นนักลงทุนทั้งหลาย จะหันมาลงทุนในไทย

"วันนี้ บริษัทใหญ่ๆ ที่เป็นนักลงทุนที่มาพบผม ทุกคนพูดตรงกันว่า เหตุการณ์วันนี้ กับ 3 ปีที่แล้ว คนละเรื่องกัน ความเชื่อมั่นมีมากขึ้น เพราะฉะนั้น ผมจะต้องพยายามเร่งให้มีบริษัทดีๆ เข้าไปในตลาดหลักทรัพย์ให้มาก โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้ดึงเงินตรงนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายกรัฐมนตรีกล่าว

กรณีดอกเบี้ยไทยแท้จริง ที่ปัจจุบันค่อนข้างต่ำแล้ว และเป็นลบ ซึ่งเป็นผลให้ผู้ออมเงินหันมาลงทุนหุ้นไทยขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ถ้าลดมากกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ คงไม่เกิดประโยชน์อะไร ต่อไปธนาคารคงต้องปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อนำเงินส่วนที่เหลือทำให้เศรษฐกิจเข้มแข็ง ธนาคารจะได้เข้มแข็งตาม

การที่รัฐบาลจะตั้งกองทุนวายุภักษ์ เพราะต้องการให้รัฐบาล ภาคเอกชน และภาคประชาชน ผลักดันเศรษฐกิจร่วมกัน เพื่อให้เศรษฐกิจไทยแข็งแรงมากขึ้น โดยเฉพาะ "โครงการผู้ว่าฯซีอีโอ" ที่จะเริ่ม ต.ค. ก็เพื่อยกระดับทุกจังหวัด

"ในอดีต เราเอาเงินออกจากระบบ ทำให้คนเก่งๆ มีความสามารถออกจากชนบทด้วย แต่วันนี้ เราเอาเงินกลับไปให้ชนบทอีก หลายคนที่มีความรู้ ความสามารถ ก็จะกลับไปชนบท เพื่อพัฒนาให้ชนบทแข็งแรงขึ้น" นายกรัฐมนตรีกล่าว

คลังกำชับ ก.ล.ต.-ตลท. กันปั่นหุ้น

ด้านรัฐมนตรีคลังกำชับ ก.ล.ต. ติดตามสถานการณ์ตลาดหุ้นใกล้ชิด อย่าให้เกิดการปั่นราคาหุ้นเด็ดขาด พร้อมเตือนรายย่อยระวังการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้

ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีคลัง ในฐานะประธานบอร์ด ก.ล.ต. เปิดเผยว่าเขาสั่งการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เร่งติดตามสถานการณ์การลงทุนตลาดหลักทรัพย์ใกล้ชิด รวมทั้งกำชับไม่ให้เกิดการปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทยเด็ดขาด

เขาเชื่อว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ส่วนหนึ่งเพื่อผสมโรงเก็งกำไรแน่นอน ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องดูแลเรื่องนี้ใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม ส่วนนักลงทุน โดยเฉพาะรายย่อย ที่ลงทุนตลาดหลักทรัพย์ขณะนี้ ต้องลงทุนอย่างระมัดระวังและรอบคอบ รวมทั้งต้องไม่เล่นตามกระแสมากเกินไป รัฐมนตรีคลังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานให้ทราบว่า มีเงินจากต่างประเทศไหลเข้ามาก ส่วนหนึ่งลงทุนตลาดหลักทรัพย์ ที่เหลือลงทุนด้านอื่นๆ เพื่อหากำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ยของไทย

หุ้นไทยยังไม่ร้อนเกินไป

ร.อ.สุชาติกล่าวว่า ปัจจุบัน สถานการณ์ตลาดหลักทรัพย์ไทยถือว่าดีมาก แต่ไม่ร้อนแรงเกินไป ขณะเดียวกัน บริษัทจดทะเบียนต่างๆ ผลกำไรดี ถือเป็นส่วนหนึ่ง ทำให้ซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยกันมากช่วงนี้ ซึ่งขณะนี้ ดัชนีหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นจนใกล้ 500 จุดแล้ว เป็นผลจากความมั่นใจของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจ ไทย

"ผมมั่นใจว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้นขณะนี้นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักลงทุนมั่นใจในการบริหารของกระทรวงการคลัง ที่ทำให้สถานการณ์การคลังนิ่ง เงียบ และดีขึ้น ซึ่งดัชนีปรับตัวถึง 500 จุดได้แน่ เพราะนักลงทุนมั่นใจ แต่หากไปทำอะไรที่หวือหวา ทำให้สถานการณ์การคลังไม่นิ่ง ทุกอย่างจะไม่ดี และทำให้นักลงทุนไม่ไว้ใจได้ นักลงทุนเข้ามานำเงินมาเป็นหมื่นล้านบาท ก็เพื่อนำมาลงทุน ไม่ได้นำมาโยนเล่น เมื่อได้กำไรจากตลาดหุ้น ก็นำไปจับจ่ายใช้สอย จะทำให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ"" ร.อ.สุชาติกล่าว

ร.อ.สุชาติกล่าวด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการให้เร่งนำรัฐวิสาหกิจกระจายหุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์ให้มาก ซึ่งหากดำเนินการได้เร็ว จะถือว่าเป็นผลดี แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผน โดยหากรัฐวิสาหกิจใด พร้อมกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ก็สามารถทำได้ทันที แปรรูปรัฐวิสาหกิจ

รัฐมนตรีคลังกล่าวถึงการเร่งแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการให้บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งที่ปัจจัยพื้นฐานดีเข้า ไปตลาดหุ้นให้มากขึ้น โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังถือหุ้น เพื่อให้สามารถนำเงินในระบบใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประกอบกับแผนนำรัฐวิสาหกิจกระจายหุ้น ภายในปีนี้ ล่าช้ามาเป็นเวลานานแล้ว เพราะเวลานี้ เป็นช่วงเหมาะมาก เพราะภาวการณ์ลงทุนตลาดหุ้นคึกคักมากกว่าที่คาด อีกทั้งนายกรัฐมนตรีอยากจะเร่งให้เสร็จโดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ตามแผน ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นที่ดีขึ้นขณะนี้ จะส่งผลให้เร่งแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ที่วางแผนจะนำ เข้าแปรรูปและกระจายหุ้นเพิ่มในตลาดหลักทรัพย์ 4 แห่ง ได้แก่ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย บริษัท ทศท คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย รมว.คลัง กล่าวว่า 4 แห่งนี้ พร้อมเมื่อไรให้แปรรูป-กระจายหุ้นเพิ่มได้ทันที

ร.อ.สุชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า "ผมมั่นใจว่า การที่นักลงทุน โดยเฉพาะชาวต่างชาติ นำเงินเข้ามาลงทุนในไทย เป็นเพราะมีความมั่นใจศักยภาพ ในตัวของ รมว.คลังคนนี้ และตอนนี้หุ้นอยู่ในราคาต่ำมาก แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และไม่ได้กลัวการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งตอนนี้ มีเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมาก กว่า 2 หมื่นล้านบาทแล้ว เนื่องจากตลาดหุ้นมีพื้นฐานดี และถือว่าไม่ร้อนแรงเกินไป แต่เงินที่ไหลเข้ามาลงทุนระยะสั้นอาจจะเป็น hot money (เงินร้อน) ได้" รมว.คลังกล่าว

ด้านนายทนง พิทยะ ประธานกรรมการบริษัท การบินไทย กล่าวว่าการขายหุ้นเพิ่มทุนการบินไทย ขึ้นกับที่ปรึกษาการเงิน ซึ่งพร้อมเมื่อไร ก็ดำเนินการได้เมื่อนั้น แต่บริษัทเตรียมพร้อมตลอดเวลา

"ที่บอกกันว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ดีในการขายหุ้นนั้น ต้องศึกษาก่อนเพราะหุ้นบางตัวก็ดี แต่บาง ตัวก็ไม่ดี ซึ่งหุ้นของเราอาจไม่ดีก็ได้ ทั้งหมด ต้องขึ้นอยู่กับที่ปรึกษาทางการเงิน"

กระทิงเต็มตัวแล้ว-มาร์เกตแคป 2.7 ล้านล้าน

ทางด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยขณะนี้ เข้าสู่ภาวะกระทิงเต็มตัวแล้ว ซึ่งความเป็นจริงตลาดหุ้นไทย ควรจะขึ้นมาอยู่ที่ 500 จุด ตั้งแต่ปีก่อน แต่บังเอิญโดนแรงกดดันปัจจัยภายนอก ทำให้ระดับดัชนีต่ำกว่าความเป็นจริง

ส่วนมูลค่าซื้อขายช่วงนี้ แม้ค่อนข้างมาก แต่ถือว่าเหมาะสมกับขนาดตลาดฯ ที่มีมูลค่าตลาด (มาร์เกตแคป) เพิ่มขึ้นเป็น 2.7 ล้านล้านบาทแล้วขณะนี้

สำหรับการไหลเข้าออกของเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ เขาถือเป็นการเคลื่อนไหว ตามปกติ พราะมีทั้งซื้อและขายสุทธิสลับกัน เพียงแต่เมื่อดูภาพรวม ซื้อสุทธิมากกว่าทำให้ดูว่า เงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ซึ่งส่วนตัวเลขการซื้อขายนักลงทุนต่างชาติ ตลาดหลักทรัพย์เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้นักลงทุนทราบตลอดเวลาอยู่แล้ว

ระยะสั้นปรับฐาน

นายชวลิต ธนะชานันท์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่าระยะยาว ตลาดหุ้น ไทยยังมีแนวโน้มดี และดัชนีหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แต่ระยะสั้น เขายอมรับว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นร้อนแรงมาก เสี่ยงต่อการปรับฐาน ทำให้นักลงทุนที่ต้องการลงทุนขณะนี้ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง ควรวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานหุ้นที่จะลงทุนให้ดี ไม่ใช่ ไล่ซื้อ โดยไม่สนใจว่าราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนแล้ว

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ เป็นผลจากการขยาย ตัวเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง และการปรับลดดอกเบี้ยระลอกใหม่ธนาคารพาณิชย์ไทยทำให้โยกย้าย เงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น

ก.ล.ต.หมาเฝ้าบ้าน

อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลตลาดหุ้น จับตาการซื้อขายหุ้นใกล้ชิด ว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นต่างๆ ผิดปกติ หรือไม่

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในเครือกลุ่มกิมเอ็งจากสิงคโปร์ กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนหลายด้านพร้อมๆ กัน ซึ่งความเป็นจริง ตลาดหุ้นไทยควรจะปรับตัวเพิ่มขึ้นใกล้เคียงระดับปัจจุบันนานแล้ว ปีนี้ บริษัทคาดดัชนีหุ้นไทยเดินหน้าชน 550 จุด

แต่ถูกปัจจัยลบ ทั้งสงครามอิรัก-มะกัน รอบ 2 และการแพร่ระบาดโรคหวัดมรณะ (ซาร์ส) สกัด เมื่อปัจจัยดังกล่าวคลี่คลาย ตลาดฯจึง ปรับตัวกลับขึ้นมาได้ค่อนข้างมาก เมื่อรวมกับแรงหนุนปรับลดดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ในไทยต่อเนื่องอีก จนกระทั่งดอกเบี้ยเงินฝากแท้จริง หลังหักเงินเฟ้อติดลบแล้วทำให้ตลาดหุ้น ไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อนแรงเหนือความคาดหมาย

กองทุนวายุภักษ์ตั้งบอร์ด 15 คน

ด้านนายนิพัทธ พุกกะณะสุต ที่ปรึกษาขุนคลังด้านนโยบายภาษีอากร เปิดเผยความคืบหน้ากองทุนวายุภักษ์ว่า จะตั้งคณะกรรมการ บริหารกองทุน 15 คน เพื่อกำหนดกรอบตั้ง กองทุนฯและรายละเอียดทั้งหมด โดยร.อ.สุชาติ เป็นประธาน

ส่วนคณะกรรมการรายอื่นๆ รวมถึงเลขาธิการ ก.ล.ต. เลขากระทรวงการคลัง เป็นต้น หลังจากประชุมกรอบรายละเอียดกองทุนฯ เรียบร้อย จะเปิดขายหน่วยลงทุนได้อย่างเร็วที่สุดกลาง ก.ย. หรือภายใน 60 วัน อย่างช้าประมาณต้น ต.ค.

สำหรับหน่วยลงทุนทั้ง 2 กอง จะขายหน่วยละ 10 บาท การลงทุนขั้นต่ำ ยังต้องพิจารณาอีกครั้งว่า จะเป็นไปตามที่วางไว้เดิม คือ 50,000 บาทกองทุนวายุภักษ์ 1 และ 5 ล้านบาท กองทุนวายุภักษ์ 2 หรือไม่

นางศรัณยา จินดาวณิค ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต.กล่าวถึงกรณีรัฐมนตรีคลังกำชับให้สำนักงานก.ล.ต.กำกับดูแลการซื้อขายในตลาดหุ้นใกล้ชิด หลังเงินต่างชาติซื้อขายหุ้นไทยคึกคักว่า เรื่องดังกล่าว เป็น นโยบายของ ก.ล.ต. ซึ่งทุกครั้งที่ประชุมระดับผู้บริหาร ก.ล.ต.ให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ ด้วยการดูแลความผิดปกติที่จะเกิดขึ้นในตลาดหุ้น

ตลาดหลักทรัพย์จะเป็นด่านแรกที่สังเกตความผิดปกติของตลาดฯ แต่ต้องยอมรับว่า ราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นหมด จึงอาจสังเกต ความผิดปกติยาก นอกจากติดตามสิ่งผิดปกติในตลาดหุ้น ก.ล.ต.ให้ความสำคัญกับการให้ความรู้นักลงทุน โดยเฉพาะช่วงที่ราคาหุ้นขึ้นแรงมากปัจจุบัน

นักลงทุนที่เพิ่งเข้ามาลงทุน ควรดูปัจจัยพื้นฐานหุ้นด้วย ไม่ใช่เห็นราคาหุ้นขึ้นก็ซื้อตามกัน ซึ่งประเด็นนี้ หารือกับโบรกเกอร์ไปแล้ว กำชับ ให้ผู้ที่ติดต่อกับนักลงทุนโดยตรง เช่น มาร์เกตติ้ง ให้คำแนะนำที่ดีกับนักลงทุน

ส่วนนักวิเคราะห์ เน้นให้ข้อมูลปัจจัย พื้นฐานของหุ้นให้มาก เพราะหากนักลงทุนเกิดความเสียหายครั้งนี้ อาจทำให้นักลงทุนไม่เข้ามาลงทุนอีก ทำให้การขยายฐานนักลงทุน โดยพยายามให้เขาเข้าใจการลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ได้ผล ผลประกอบการกลุ่มแบงก์กำไรไตรมาส 2โต 20%

บริษัทหลักทรัพย์ธนชาติวิเคราะห์คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2 กลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ 9 แห่ง กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักภาษี 1.52 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิไม่รวมธนาคาร ทหารไทย ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท ลดลง 1.7% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

ธนาคารไทยพาณิชย์ยังครองแชมป์กำไรสูงสุด 3,202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากไตรมาสก่อน เติบโต 8 เท่าจากช่วงเดียวกันปีก่อน รองลงมา คือธนาคารกรุงเทพ 2,656 ล้านบาท กสิกรไทย 2,336 ล้านบาท กรุงไทย 1,955 ล้าน บาท กรุงศรีอยุธยา 772 ล้านบาท ดีบีเอส ไทยทนุ 114 ล้านบาท เอเชีย 75 ล้านบาท และไทยธนาคาร 30 ล้านบาท

ส่วนธนาคารทหารไทย คาดว่าจะขาดทุน 6,970 ล้านบาท ซึ่งธนาคารทั้งระบบ จะตั้งสำรอง 8 พันล้านบาทไตรมาสนี้ เนื่องจากผลกระทบโรคซาร์สต่อกลุ่มธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว บันเทิง ซึ่งเป็นลูกค้าธนาคาร และการแข็งค่าเงินบาท ที่กระทบผู้ส่งออกไทย มีผลวงจำกัดต่อธนาคารพาณิชย์

ธนาคารพาณิชย์ยังมีส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิประมาณ 2% แต่เป็นไป ได้ที่ธนาคารจะลดดอกเบี้ยอีก เพื่อประโยชน์การแข่งขัน คาดว่าส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิปีนี้ จะลดเฉลี่ย 18.7% บางธนาคารอาจปรับลดอกเบี้ยขาเดียว การปรับลดดังกล่าว จะส่งผลกระทบธนาคารกลางและเล็ก

แนวโน้มการปรับลดส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ คาดจะทำให้กำไรกลุ่มธนาคารทั้งปีนี้ ลดลง 19.7% และลดลง 14.6% ปีหน้า จึงแนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ระดับปกติ เนื่องจากระยะกลาง ธนาคารยังได้รับผลกระทบ แต่ระยะยาวยังมีแนวโน้มดี

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกสิกรไทยอาจทำ ให้ผลดำเนินงานกลุ่มธนาคารพาณิชย์เปลี่ยนแปลง เนื่องจากคาดว่า จะกำไรพิเศษประมาณ 2-4 พันล้านบาทจากการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ ธปท.ที่ให้จัดเงินลงทุนในบริษัทบริหารสินทรัพย์เป็นสินเชื่อ ซึ่งจะรับรู้ไตรมาสนี้ และกำไรอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 100 ล้านบาท จากการปิดสาขาต่างประเทศ 2 แห่ง ตลอดจนกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนหลักทรัพย์อีก 100-200 ล้านบาท ทำให้ธนาคารนี้กำไร 5-7 พันล้านบาท ใกล้เคียงประมาณการกำไรทั้ง ปีนี้



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.