|
เช็กบิลเมียสุวัจน์-บิ๊กปตท.ลอยตัวLPGเอื้อสิงคโปร์
ผู้จัดการรายวัน(4 กรกฎาคม 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
กมธ.ปราบปราบการทุจริตเตรียมสอบ "พูนภิรมย์-บิ๊กปตท." กรณีลอยตัวแอลพีจี แบข้อมูลมัดก๊าซในไทยไม่ได้ขาดแคลนตามที่อ้าง แฉเกมนี้ ปตท.มีแต่ได้ แถมกลุ่มทุนผู้ถือหุ้นสิงคโปร์ฟันกำไรอื้อจวก"สมัคร" รู้เห็น ปชป.จี้รัฐบาลลากคอพวกกักตุน สงสัยรัฐอุ้ม ปตท.ชดเชยส่วนต่างนำเข้าก๊าซ แต่สต๊อกก๊าซเหลือกว่าแสนตัน เสนอ 3 ทางเลือกแก้วิกฤติ "ปตท."อ้างขาดทุนสะสม 6,000 ล้าน เหตุคิดค่าก๊าซ 8.50 บ./กก.ไม่ได้ครอบคลุมการลงทุนปีละหมื่นล้าน คาดปี 54 จะเริ่มรับรู้รายได้ ช็อก!ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศทำสถิติสูงสุด ลิตรละ 44.24 บาท ซ้ำร้าย ราคาน้ำมันตลาดโลกทำนิวไฮทะลุ146ดอลลาร์
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานีจำหน่ายก๊าซหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ต่างหยุดให้บริการ โดยอ้างเหตุผลว่า ก๊าซหมด จนทำให้เกิดความปั่นป่วนและสร้างผลกระทบต่อประชาชนที่ต้องตระเวนหาปั๊มเพื่อเติมก๊าซ และก่อนหน้าที่จะเกิดปัญหาดังกล่าว นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีได้ออกมาประกาศการลอยตัวราคาก๊าซนั้น
วานนี้ (3 ก.ค.)ที่รัฐสภา นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ แถลงว่า กมธ.จะเชิญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ) ปลัดกระทรวงพลังงาน ผู้บริการระดับสูงบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เอกชน กรมศุลกากร กรมสรรพกร กระทรวงพาณิชย์ที่ควบคุมเรื่องก๊าซ ให้ข้อมูลกรณีที่ปล่อยให้ ก๊าซธรรมชาติแอลพีจี ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงของรถขาดตลาด โดยอ้างว่า เรือขนส่งมีปัญหาทั้งที่มีผู้บริหารใหญ่ในบริษัทปตท.เป็นหุ้นส่วนด้วย
ทั้งนี้ จะทำการตรวจสอบไล่ตั้งแต่การสำรวจปริมาณการผลิตแหล่งก๊าซที่บริเวณอ่าวไทย บริษัทผู้จำหน่ายไปถึงการจัดส่งไปที่ปั้มก๊าซต่างๆทั่วประเทศว่าเป็นอย่างไร ทำไมถึงปล่อยให้ขาดตลาดได้
" ก๊าซในเมืองไทยยังเพียงพอ แต่อย่าไปสร้างเงื่อนไข เพราะบริษัทปตท.กำไรคนเดียว ส่วนคนอื่นเจ็งทั้งประเทศ และให้ต่างชาติฟันกำไร 4-5 หมื่นล้านบาทต่อไป เพราะจากข้อมูลเบื้องต้นระหว่างกระทรวงพลังงาน และ บริษัท ปตท.ตัวเลขการผลิตไม่ตรงกัน " นายชาญชัยกล่าวและยืนยันว่า "ขณะนี้ไม่จำเป็นต้องประกาศลอยตัวก๊าซ เพราะจะทำให้กลุ่มทุนในบริษัทปตท. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนจากธนาคารจากสิงคโปร์ จะได้กำไร 27% " นายชาญชัยกล่าว และระบุถึงผู้นำรัฐบาลว่า
เรื่องนี้นายสมัคร นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่ประกาศการลอยตัวราคาก๊าซครั้งนี้ คงมีส่วนรู้เห็นด้วยและจะทำหนังสือให้ชี้แจง เพราะเชื่อว่าคงไม่มาชี้แจง เพราะการพูดในรายการสนทนาประสาสมัคร เป็นการพูดไม่จบทำให้คนแตกตื่น เปรียบเสมือนโยนหินถามทางสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนล่วงหน้า
" ผมยืนยันว่า หากมีการตรวจสอบอย่างละเอียดจะพบการทุจริตและโกงทุกขั้นตอน ผมจะใช้เวทีสภาฯแฉ ซึ่งจะใช้เวลาตรวจสอบ 1-2 เดือน "นายชาญชัยกล่าวให้คำมั่น
จี้รบ.ลากคอคนกักตุน สงสัย!!ปตท.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคในฐานะรมว.พลังงานเงา กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เงา ได้หยิบยกปัญหาการขาดแคลนก๊าซแอลพีจีขึ้นมาพิจารณา โดยเห็นว่านโยบายของรัฐบาลในขณะนี้ในเรื่องแอลพีจีมีความสับสน ไม่เป็นเอกภาพ ในที่สุดนำไปสู่ความปั่นป่วนมาก ซึ่งในขณะที่นายกฯ บอกว่าจะขึ้นราคาแน่ในวันที่ 1 ก.ค. รมว.คลังบอกว่าอาจจะขึ้นปลายเดือน ส่วน รมว.พลังงานบอกว่ายังไม่มีความคิดที่จะขึ้นราคา ซึ่งนำไปสู่ความสับสนมาก เพราะนอกจากทำให้ตลาดปั่นป่วนแล้ว ก็มีการเก็งกำไร และการแก้ปัญหาล่าช้ามาก ขณะนี้ต้องยอมรับความจริงว่า บางปั๊มเปิดเช้าแต่พอเที่ยงก๊าซหมด และรัฐบาลก็ยังไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด และจะลุกลามไปถึงแก๊สหุงต้มด้วย
นายจุรินทร์ตั้งข้อสงสัยว่า "ก๊าซแอลพีจีในประเทศไทยเชื่อว่าไม่ขาดแคลน แต่ขาดตลาด จึงเป็นไปได้ที่จะมีการกักตุน" ดังนั้น รัฐบาลต้องเข้าไปตรวจสอบว่า คนกักตุนคือใคร ปตท.หรือผู้ค้าตามมาตรา 7 เพราะเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ปตท.บอกว่าปริมาณก๊าซแอลพีจีขาดแคลน และต้องนำเข้าจำนวน 22,000 ตัน แต่เมื่อดูตัวเลขสิ้นเดือนเมษายนที่นำเข้ามาแล้ว ปรากฏว่าสต็อกก๊าซมีเหลือถึง 110,000 ตัน ตัวเลขนี้จึงเห็นชัดว่า ก๊าซแอลพีจีไม่ได้ขาด เพราะนำเข้ามาแล้ว แต่รัฐบาลกลับไปจัดเงินชดเชยให้แก่ปตท.ถึง 323 ล้านบาท จึงอยากให้รัฐบาลไปเร่งตรวจสอบตัวเลขนี้ด้วยว่า "จริงหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แสดงว่าปตท.สร้างสถานการณ์ว่าก๊าซแอลพีจีมีไม่พอ และต้องนำเข้า และยังได้รับเงินชดเชย จึงนำไปสู่การเรียกร้องจะขึ้นราคา"นายจุรินทร์กล่าว พร้อมนำข้อเสนอของที่ประชุมครม.เงาในการแก้ไขปัญหา ได้แก่
1.อยากเห็นการเริ่มแก้ไขปัญหาให้ทันกับสภาพความเดือดร้อนของประชาชน 2. ถ้าแก๊สขาดตลาด ในระยะสั้นก็ไม่ควรนำเข้าก๊าซแอลพีจี เพราะถ้านำเข้ารัฐบาลจะต้องไปชดเชยให้แก่ปตท.ตันละประมาณ 500-600 เหรียญสหรัฐ แต่ควรใช้วิธีการไปเอาก๊าซแอลพีจีที่มีอยู่ในโรงกลั้น 5-6 โรง มาป้อนตลาดแทน แล้วให้โรงกลั้นนั้นไปใช้น้ำมันเตาแทน ส่วนช่องว่างของราคาก๊าซแอลพีจีและน้ำมันเตานั้น รัฐบาลก็ต้องเข้าไปชดเชย ถือว่าถูกกว่าการชดเชยการนำเข้าก๊าซประมาณ 1 เท่าตัว
และ 3. รัฐบาลควรชะลอการขึ้นราคาแอลพีจีในภาคขนส่งไปก่อน จนกว่าก๊าซเอ็นจีวีจะพร้อม 100 % โดยเฉพาะปั๊มที่มีเป้าหมายจะสร้าง 350 ปั๊มภายในปีนี้ แต่ปตท.กลับระบุว่า สร้างได้เพียง 250 ปั๊มเท่านั้น รวมไปถึงการกระจายก๊าซเอ็นจีวีไปยังสถานีต่างๆ สิ่งเหล่านี้ควรมีความพร้อม 100 % ก่อนจะมาปรับราคา
ปตท.กินรวบตลาดเอ็นจีวีอนาคต
ในฟากของพล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ก.ค.นี้กระทรวงพลังงานจะประกาศให้เป็นเดือนดีเดย์ของการเดินหน้าส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในรถยนต์(เอ็นจีวี) หลังจากที่การบริการทั้งด้านจำนวนปั๊มและปริมาณก๊าซมีเพียงพอมากขึ้น ภายใต้นโยบาย " เอ็นจีวี ทั่วถึง ทั่วไทยปี 2552 " โดยการส่งเสริมจะคงราคาเอ็นจีวี 8.50 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)ไปถึงสิ้นปี และในปี 2552 ปรับขึ้นเป็น 12 บาทต่อกก. ปี 2553 ปรับขึ้นเป็น 13 บาทต่อกก. และหลังจากนั้นจะมีการปล่อยลอยตัวแต่ไม่เกิน 50% ของราคาน้ำมันดีเซลเพื่อเป็นทางเลือกลดภาระน้ำมันแพงระยะยาว
ทั้งนี้ จากการติดตามในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ติดตั้งเอ็นจีวี แล้วจำนวน 84,161 คัน เป็นรถเบนซิน 67,833 คัน รถดีเซล 13,247 คัน และรถที่ผลิตจากโรงงาน 3,081 คัน มีปริมาณการใช้เอ็นจีวี เพิ่มขึ้นเป็น 2,013 ตันต่อวัน (72 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน) ขณะที่กำลังผลิตก๊าซเอ็นจีวีที่พร้อมจ่ายเข้าระบบ วันนี้มีถึง 2,455 ตันต่อวัน และสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 5,465 ตันต่อวัน ขณะที่ปตท.สร้างปั๊มให้บริการแล้ว 214 สถานี จากเดิมต้นปีมีเพียง 166 สถานี และภายในเดือนก.ค.นี้ จะมีสถานีเอ็นจีวี เพิ่มเป็น 245 สถานี และสิ้นปีเพิ่มเป็น 355 สถานี พร้อมเพิ่มรถขนส่งก๊าซปี 2552 เป็น 3 เท่าจากปัจจุบันหรือ เป็น 933 คัน พร้อมขยายจำนวนอู่ติดตั้งและดัดแปลงเอ็นจีวีที่ได้มาตรฐานปัจจุบันมีจำนวน 114 สถานี
หลอกล่อ!ค่าติดตั้งอาจลดลงหมื่นบาท
"ขณะนี้มีบริษัทที่เตรียมเปิดการผลิตถังเอ็นจีวีในไทยปีหน้า การผลิตมีมากกว่า 2 แสนถัง ซึ่งเกินความต้องการ ราคาก็จะต่ำลงมาได้เมื่อรวมค่าติดตั้งประมาณ 1 หมื่นบาทต่อถัง ทุกอย่างก็ถือว่าพร้อมจึงอยากเชิญชวนให้ผู้ใช้รถเปลี่ยนใจจากใช้แอลพีจีมาใช้เอ็นจีวี เพราะราคาจะมีต่ำกว่าและปลอดภัยกว่า"รมว.พลังงานกล่าว
ยันเปิดทางให้รายอื่นทำแล้ว
นายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์บมจ.ปตท. กล่าวว่า ภายในปี 2554 รัฐบาลวางเป้าหมายการใช้เอ็นจีวี เพื่อทดแทนน้ำมัน 20% ดังนั้น คาดว่าปี 2551 จะมีรถยนต์มาติดตั้งเอ็นจีวี ประมาณ 1.2 แสนคัน ปี52 อีก 1.8 แสนคัน และเป้าหมายปี54 คาดว่าจะมีทั้งสิ้น 3.3 แสนคัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ปตท.ลงทุนไปแล้ว 9,000 ล้านบาทและคาดว่าเฉลี่ยจะต้องลงทุนเพิ่มอีก 1 0,000 ล้านบาทต่อปีรวมการลงทุนในปี2553 จำนวน 43,000 ล้านบาท
"ราคาเอ็นจีวีขณะนี้ อยู่ที่ 8.50 บาทต่อกก.ช่วงนั้นรัฐต้องการส่งเสริมให้คนมาใช้เพื่อรองรับน้ำมันแพงและแอลพีจีที่เริ่มตรึงตัวจนนำเข้าในปัจจุบันโดยราคาดังกล่าวไม่ได้สะท้อนต้นทุนเพราะไม่ได้รวมกับการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ส่วนนี้ปตท.ต้องรับภาระไว้ 5 บาทต่อกก. อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ปิดกั้นรายอื่น โดยปตท.ได้ส่งก๊าซให้รายอื่นๆที่สนใจด้วยการให้ค่าการตลาด 2 บาทต่อกก. แต่รายอื่นเองก็มองว่าไม่คุ้มทุนเช่นกัน เว้นแต่มีบางรายที่มีระบบขนส่งมากๆ ได้รับซื้อไปแล้ว 4-5 รายแล้วไปสร้างปั๊มเอง และล่าสุดซัสโก้ และทีพีไอก็กำลังดูที่จะเปลี่ยนหัวจ่ายแอลพีจีเป็นเอ็นจีวีแทน"นายณัฐชาติกล่าว
อ้างขาดทุนสะสมแล้ว 6,000 ล้าน
ทั้งนี้ อนาคตหากราคาสะท้อนความจริงมากขึ้น ค่าการตลาดดังกล่าวก็จะสามารปรับเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นอนาคตก็จะจูงใจให้เอกชนอื่นๆมาสร้างปั๊มและปตท.จำหน่ายก๊าซผ่านได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม จากราคาที่ไม่ได้สะท้อนการลงทุนจึงทำให้ปตท.แบกรับภาระขาดทุนสะสมรวมแล้ว 6,000 ล้านบาทโดยคาดว่าปี 2554 จึงจะเห็นรายรับที่เริ่มเป็นบวก
แอลเอ็นจีนำเข้ายังไม่ยุติ
ดร.จิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าเช่นกัน แต่จะปรับขึ้นไม่มากนัก เพราะมีการอิงราคาน้ำมันประมาณ 30-40 % เท่านั้น ส่วนเรื่องการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ใน 1-2 เดือนนี้ การเจรจากับประเทศกาตาร์เพื่อซื้อก๊าซฯ เพิ่มจาก 1 ล้านตัน เป็น 2 ล้านตันต่อปีก็จะเสร็จสิ้น ส่วนที่เหลือจะนำเข้าอีก 3-5 ตัน/ปี ในขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับรายอื่นๆ อยู่ เช่น ประเทศอินโดนีเซีย และออสเตรเลีย ซึ่งมั่นใจจะไม่มีปัญหา
เอ็นจีวีอาจกระทบยอดขายน้ำมัน
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าแอลพีจี กล่าวว่า ราคาแอลพีจีที่ถูกและสะดวกคาดว่ายังคงจูงใจให้คนหันมาใช้อยู่เช่นเดิม เพราะการติดตั้งเอ็นจีวีช่วงครึ่งปีหลัง คงมีส่วนหนึ่งหันไปติดตั้งแต่อีกส่วนอาจจะยังไม่กล้าตัดสินใจเพราะลงทุนสูงกว่า แต่อนาคตเมื่อความพร้อมมากขึ้นรถคงหันไปใช้เอ็นจีวี เพิ่มได้แต่คาดว่าต้องใช้เวลา 2-3 ปี ดังนั้นหากมองระยะยาวการใช้เอ็นจีวีน่าจะกระทบยอดจำหน่ายน้ำมัน ส่วนยอดขายแอลพีจีสัดส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครัวเรือน และอุตสาหกรรมเช่นเดิม
"ยืนยันว่า ก๊าซครัวเรือนไม่ได้ขาดแคลน ดังนั้นไม่ต้องการให้ตระหนก แต่ยอมรับว่ามีการจำกัดการจ่ายก๊าซฯจากโรงบรรจุ เพราะบางทีลูกค้าที่เคยนำถังไปบรรจุเท่าใดก็มีการเพิ่มมากกว่าปกติ เพราะกลัวจะขาด"นายชิษณุพงศ์กล่าว
ช็อกซ้ำ! ดีเซลทุบสถิติสูงสุดอีกแล้ว
รายงานข่าวสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) แจ้งว่า วานนี้(3 ก.ค.) บางจาก ไออาร์พีซี ซัสโก้ ปิโตรนาส แจ้งนำปรับราคาน้ำมันทุกชนิดทั้งเบนซิน และดีเซล 60 สตางค์/ลิตร มีผลวันนี้ (4 ก.ค.) ทำให้เบนซิน 95 อยู่ที่ 43.09 บาท เบนซิน 91 ลิตรละ 42.79 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 39.19 บาท แก๊ซโซฮอล์ 91 ลิตรละ 38.39 บาท ดีเซล 44.04 บาท ด้านเชลล์และเอสโซ่ได้ประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกเบนซิน 60 สตางค์/ลิตร และดีเซล 80 สตางค์/ลิตร ทำให้ดีเซลของเชลล์ คาลเท็กซ์ และเอสโซ่สูงกว่าผู้ค้าน้ำมันรายอื่น มาอยู่ที่ลิตรละ 44.24 บาท ซึ่งถือเป็นทำลายสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง คาดว่าผู้ค้าน้ำมันรายอื่นปรับขึ้นราคาตาม
น้ำมันโลกทำนิวไฮทะลุ146ดอลลาร์
สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งทะยานทะลุระดับ 145 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และโดยเฉพาะน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของลอนดอนนั้น วิ่งขึ้นเลยหลัก 146 ดอลลาร์ด้วยซ้ำเมื่อวานนี้(3 ก.ค.) ท่ามกลางแรงซื้อที่คึกคักก่อนหน้าช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันชาติ 4 ก.ค.ของสหรัฐฯ
ตลาดมีความคาดหมายกันมากว่า ปัจจัยหลายอย่างผสมผสานกัน ตั้งแต่เรื่องเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนตัว, ปริมาณน้ำมันในคลังเก็บทั่วสหรัฐฯลดต่ำลง, ไปจนถึงความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน จะผลักดันให้ราคาน้ำมันไปถึงระดับ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ ก่อนปิดการซื้อขายวานนี้ สมตามคำทำนายตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนของวาณิชธนกิจ มอร์แกนสแตนลีย์ ที่ว่า จะได้เห็นราคา 150 ดอลลาร์กันภายในวันชาติสหรัฐฯปีนี้
เมื่อวานนี้ ณ 12.16 น.เวลาจีเอ็มที (เวลามาตรฐานกรีนิช ตรงกับ 19.12 น.เวลาเมืองไทย) สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ ยืนอยู่ที่ 145.34 ดอลลาร์ สูงขึ้นกว่าราคาปิดวันพุธ(2) 1.78 ดอลลาร์ แม้จะถอยลงจากราคาสถิติสูงสุดซึ่งทำไว้วานนี้ที่ 145.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของลอนดอน ในช่วงเดียวกันยืนอยู่ที่ 146.09 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากตอนปิดวันพุธ 1.83 ดอลลาร์ แต่ไหลลงจากสถิติสูงสุดซึ่งวิ่งขึ้นไปถึง 146.69 ดอลลาร์
อันที่จริง ค่าเงินดอลลาร์ได้แข็งขึ้นบ้างเมื่อเทียบกับเงินยูโร ภายหลังจากธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ลงมติวานนี้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไป 0.25% เป็น 4.25% ทว่าการขยับขึ้นครั้งแรกในรอบเวลากว่าปีของอีซีบี กลับถูกตลาดมองว่าเป็นไปตามคาดหมาย แถม ฌอง-โคลด ตริเชต์ ประธานอีซีบียังแถลงในเวลาต่อมาโดยมีท่าทีว่าคงจะยังไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีก กระนั้นก็ตาม เนื่องจากดอลลาร์ทรุดมาหลายวัน แม้ดีดขึ้นมาได้บ้าง ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับอ่อนตัว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|