บุญทักษ์ฉลุยซีอีโอTMB


ผู้จัดการรายวัน(4 กรกฎาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

บอร์ดแบงก์ทหารไทยมีมติเป็นเอกฉันท์ตั้ง "บุญทักษ์ หวังเจริญ" นั่งเก้าอี้ CEO 14 ก.ค. นี้ โดยมีวาระ 4 ปีครึ่ง พร้อมวัดผลการดำเนินงาน มี.ค. 52 เปิดช่อง CEO ใหม่จัดทีมใหม่ได้ตามเหมาะสม ส่วนภาระกิจเร่งด่วนคือการวางแผนงานเพื่อขึ้นแท่นเป็นธนาคารชั้นนำ ขณะที่ "สุภัค ศิวะรักษ์" ไขก๊อกก่อนกำหนด 14 ก.ค.นี้เช่นกัน

นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยว่า ที่คณะกรรมการธนาคาร ครั้งพิเศษ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2551 ได้มีมติรับทราบการลาออกจากการเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและการเป็นกรรมการธนาคารของนายสุภัค ศิวะรักษ์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2551 พร้อมทั้งอนุมัติแต่งตั้งนายบุญทักษ์ หวังเจริญ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO)โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2551

สำหรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการนั้น คงจะต้องมีการหารือกันอีกครั้งว่าจะยังคงให้มีตำแหน่งนี้หรือไม่ เนื่องจากโดยหลักสากลของอเมริกานั้นจะใช้แค่ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารเท่านั้นหรือเลือกตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมาใช้ อีกทั้งข้อกำหนดของธนาคารก็มีกรรมการได้ 12 คน ซึ่งปัจจุบันก็มีกรรมการจากคลังแล้ว 5 คน และจากกลุ่มไอเอ็นจีอีก 5 คน จากผู้บัญชาการทหารบกอีก 1 คน และ CEO อีก 1 คน รวมเป็น 12 คน จึงไม่สามารถตั้งกรรมการผู้จัดการได้อีกแล้ว

"ขอปฏิเสธข่าวความเห็นที่ไม่ตรงกันของการเลือกนายบุญทักษ์มาดำรงตำแหน่งดังกล่าวระหว่างกระทรวงการคลังและไอเอ็นจี เพราะการแต่งตั้งนี้เป็นเรื่องที่ตกลงด้วยความเห็นพ้องต้องกัน และคณะกรรมการของแบงก์เห็นชอบเป็นเอกฉันท์ที่ให้แต่งตั้งนายบุญทักษ์มาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการหารือกับตัวแทนของไอเอ็นจี กระทรวงการคลังและตัวแทนและฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทุกฝ่ายก็มีความเห็นทางเดียวกันตลอด โดยการเลือกคุณบุญทักษ์นี้ไม่ได้เป็นความเห็นของผู้ถือหุ้นฝ่ายได้ฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นความคิดเห็นที่ทำร่วมกัน ส่วนของคุณสุภัคก็ถือว่าได้ทำงานอย่าเข้มแข็งมาโดยตลอด ทั้งการดำเนินการจนได้ไอเอ็นจีมาเป็นผู้ถือหุ้นและร่วมวางนโยบายและผลักดันแบงก์จนสำเร็จ "

ทั้งนี้ วาระในการทำงานของนายบุญทักษ์ คือ 4 ปีครึ่ง และจะมีการวัดผลการทำงานในเดือนมีนาคม 2552 โดยธนาคารได้มีดัชนีชี้วัดที่กำหนดไว้ในการวัดผลการทำงาน (KPI) ของนายบุญทักษ์ 4 ด้าน คือ 1. ด้านผลกำไร 2. งบการเงิน 3. ทุน และ 4.ราคาหุ้น ซึ่งหากไม่สามารถงานทำได้ตามดัชนีชี้วัดก็จะไม่มีการจ่ายโบนัส ส่วนเกณฑ์การวัดความสำเร็จของงานนั้นนายชวนชัย อัชนันท์ ประธานคณะกรรมการสรรหาจะเป็นผู้กำหนดเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนค่าตอบแทนของนายบุญทักษ์เป็นไปตามที่คณะกรรมการสรรหากำหนด ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้

ในส่วนของทีมงานทางคณะกรรมการก็ให้อำนาจในการแต่งตั้งเป็นของ CEO เป็นผู้คัดสรรและนำเสนอคณะกรรมการให้รับอนุมัติต่อไป และธนาคารคาดหวังว่าการแต่งตั้งนายบุญทักษ์จะนำธนาคารไปสู่ความเป็นสากล เพราะนายบุญทักษ์เป็นผู้ที่มีประสบการณ์เคยกำกับดูแลสายงานบรรษัทธุรกิจ สายงานธุรกิจลูกค้า และผู้ประกอบการ รวมถึงสายงานธุรกิจตลาดทุน โดยภาระกิจเร่งด่วนต่อไปนี้ก็คือการทำแผนธุรกิจใหม่ร่วมกัน พร้อมสร้างทีมงานที่ครบถ้วน เพื่อให้ธนาคารเป็นธนาคารชั้นนำ และขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว

ส่วนการลาออกของนายสุภัค ซึ่งจะมีผลในวันที่ 14 ก.ค.เป็นต้นไปถือว่าเป็นการออกก่อนครบกำหนด ซึ่งธนาคารก็จะมีการชดเชยตามสัญญาที่ได้กำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มทำงาน ซึ่งธนาคารไม่สามารถจะเปิดเผยได้ แต่อย่างไรก็ตามทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายแรงงาน

ด้านนายชวนชัย อัชนันท์ ในฐานะกรรมการสรรหา ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า คณะกรรมการสรรหาคัดเลือกนายบุญทักษ์โดยดูจากวิสัยทัศน์ที่นายบุญทักษ์ยอมรับคำท้าทายในการบริหารธนาคาร อีกทั้งคณะกรรมการต้องการบุคคลมาทำงานโดยเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในแวดวงธนาคาร และเป็นผู้ที่มีวัยวุฒิเหมาะสม และคิดว่าธนาคารก็ไม่ได้อยู่ในสภาพแย่จนไม่สามารถทำอะไรได้ ซึ่งทางธนาคารก็จะมีการกำหนดนโยบายในการทำงานร่วมกับนายบุญทักษ์ต่อไป

"เราต้องการคนที่คร่ำหวอดในวงการแบงก์ และไม่แก่มาก เดี๋ยวจะทำงานไม่ไหว และที่ตัดสินใจเลือกคุณบุญทักษ์เพราะว่าเขายอมรับคำท้าทาย ซึ่งความท้าทายของแบงก์เราก็คือผลการดำเนินงาน 12 เดือนที่ผ่านมาไม่ดีเลย ไม่ตั้ง CEO มานานตั้ง 6 เดือน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก และเราต้องการหาคนที่เหมาะสมและเขารับคำท้าที่จะทำงานให้".


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.