|
นายแบงก์คาดเฟดคงดอกเบี้ยจับตาเงินเฟ้อพุ่ง-ศก.ถดถอย
ผู้จัดการรายวัน(23 มิถุนายน 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
แบงก์ฟันธงเฟดคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2% ในการประชุมวันที่ 24-25 มิถุนายนนี้ ระบุรอดูแนวโน้มเงินเฟ้อที่อาจชะลอลงตามราคาน้ำมันในช่วงถัดไป แต่ยีงมีโอกาสที่จะปรับลดลงได้ในไตรมาสที่ 4 หากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังถดถอยลงอีก ขณะที่ทิศทางดอกเบี้ยไทยยังต้องชั่งน้ำหนักระหว่างปัจจัยภายในประเทศที่กดดันเศรษฐกิจ กับเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง
นายบันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารไทยธนาคาร กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ในวันที่ 24-25 มิถุนายน 2551 นี้ คาดว่าจะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิมที่ 2.00% เพื่อรอดูทิศทางของเงินเฟ้อว่าจะปรับขึ้นในระดับที่แรงต่อเนื่องหรือไม่ เนื่องจากคาดการณ์ว่าการราคาน้ำมันอาจจะชะลอตัวลง อาทิ หลังจากเสร็จสิ้นกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศจีน ความต้องการใช้น้ำมันก็จะชะลอตัวลง รวมถึงการที่ประเทศซาอุดิอาระเบียเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก จะทำให้ทิศทางราคาน้ำมันลดลงบ้าง
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังมีโอกาสที่จะถดถอยลงอีก จากตัวเลขการว่างงานที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาในแต่ละเดือนประกอบอีกรอบ
สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทยก็น่าจะอยู่ในทิศทางเดียวกัน คือ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)พิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป และยังมีโอกาสที่จะปรับลดได้ เนื่องจากเชื่อว่าในไตรมาสที่ 3 สถานการณ์ทางการเมืองจะมีความร้อนแรงขึ้น เพราะในช่วงดังกล่าวจะมีการตัดสินคดีความยุบพรรค 2 พรรค รวมถึงคดีความของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรก็จะเข้าสู่กระบวนการด้วย ซึ่งอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอีก
"การที่แบงก์ชาติเกริ่นว่าอาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้น น่าจะเป็นการส่งสัญญาณเพื่อชะลอการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะพุ่งแรง ซึ่งจะทำให้เกิดการกักตุนสินค้าหรือเพิ่มราคาสินค้าต่างๆได้อีกมากกว่า แต่โดยรวมแล้วน่าจะคงดอกเบี้ยเพื่อรอดูทิศทางก่อน"นายบันลือศักดิ์กล่าว
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าเฟด คงจะมีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไว้ที่ 2% และเฟดน่าที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำนี้ต่อเนื่องต่อไปอย่างน้อยก็ในช่วงไตรมาสข้างหน้า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและภาคสถาบันการเงินของสหรัฐฯที่ยังมีความอ่อนแอ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังไม่ได้เร่งตัวขึ้นมากจนน่าวิตกกังวล โดยโอกาสที่เฟดจะเร่งรีบตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะเวลาอันใกล้นี้ น่าจะมีจำกัด ถึงแม้ว่าเฟดจะออกมาแสดงความวิตกกังวลมากขึ้นต่อภาวะเงินเฟ้อ
ขณะที่การตัดสินใจทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของทางการไทย คงจะขึ้นอยู่กับการให้น้ำหนักความเสี่ยงต่อปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก โดยท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น กนง.ของไทยในที่สุดแล้วอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ธปท.ดูเงินเฟ้อก่อนชี้ขาดทิศทางดบ.
ด้านนางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การที่ ธปท.คงอัตราดอกเบี้ยนโนบายในช่วงที่ผ่านมา เพราะการขยายตัวทางเศรษฐกิจค่อนข้างอ่อนแอ แต่ถ้าเทียบกับประเทศอื่นแล้วจะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.25% นั้นถือว่าต่ำมาก ดังนั้น นโยบายอัตราดอกเบี้ยของไทยจะไปทางไหนก็ต้องดูถึงความเหมาะสมกับเศรษฐกิจในอนาคตด้วยว่าจะเป็นอย่างไร
"ที่ผ่านมามีผู้รู้บอกว่าเงินเฟ้อสูงมาจากต้นทุนสินค้าจึงไม่ควรขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่อีกคนบอกว่าเงินเฟ้อสูงแล้วแต่ทำไม ธปท.ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีก โดยการจะคุมเงินเฟ้อนั้นคงไม่ได้ปล่อยให้เงินเฟ้อสูงขึ้นต่อเนื่องจนคุมไม่ได้แล้วให้ยาแรง แต่การให้ยาทีละน้อยและคอยจับจ้องดูแลและไม่ปล่อยจนคุมไม่ได้จะดีกว่า"
นอกจากนี้ ในเดือนกรกฎาคมนี้ทาง ธปท.จะมีการทบทวนตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) หลังจากที่ราคาน้ำมันได้มีการเพิ่มสูงขึ้นกว่าประมาณการที่ทาง ธปท.ได้ประเมินไว้ว่าจะอยู่ที่ 93-112 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|