เกียรติชัย สันติชัยอนันต์ ซึ่งตามตัวไม่ค่อยพบแล้วในขณะนี้เคยให้สัมภาษณ์ทางหนังสือพิมพ์เมื่อหลายปีก่อน
ขณะที่กำลังรุ่งโรจน์ในวงการค้าเพชรพลอยเมืองไทยว่า เขาโตมาจาก
เด็กยากจนที่ไม่มีอะไรเลย เรียนจบเพียงชั้นประถม อาศัยรับจ้างรดผักและขนผักส่งตลาดให้แก่ชาวสวนย่านฝั่งธนฯเลี้ยงชีพต่อสู้ชีวิตมาอย่างลำเค็ญ
ก่อนที่จะได้เข้ามาฝึกงานในร้านรับเจียระไนเพชรพลอยย่านสีลมแล้วกระโดดเข้าสู่วงการค้าเพชรพลอยเอาที่จันทบุรี
กลับมากรุงเทพอีกครั้งก็กลายเป็นเจ้าของร้านค้าเพชรเสียเองเมื่อปี 2516
ชีวิตของเขามีทั้งความอุตสาหะวิริยะและโชคช่วย เขาพูดกับคนรู้จักเสมอว่าถ้าเรื่องดูเพชรพลอยว่าปลอมหรือไม่ปลอม
น้ำดีหรือไม่ดี และเจียระไนอย่างไรให้ได้ราคาดีนั้นเขาเป็นมือหนึ่ง นั่นเกิดจากความอุตสาหะวิริยะของเขา
แต่ที่เขาตั้งตัวได้จริงๆนั้นเพราะเพชรเม็ดเดียวแท้ๆ ที่เขาซื้อมาจากจันทบุรีเมื่อนำมาเจียระไนแล้วขายได้ตั้งหลายแสนบาท
ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปในชั่วพริบตา
เกียรติชัย สันติชัยอนันต์ ดังเป็นพลุแตกอีกครั้งเมื่อ K.C.GEM. ของเขาคว้ารางวัลชนะเลิศประกวดทับทิมสยามที่จัดขึ้นเมื่อ
10 ปีก่อน และก็เป็นบันไดอีกขั้นหนึ่งของเขาที่รุ่งโรจน์ขึ้นมา เขากลายเป็นผู้ส่งออกทับทิมสยามรายใหญ่ที่สุดของเมืองไทยในเวลาต่อมา
บทบาทชีวิตของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจาก "ไอ้ตี๋" ลูกชายของ
บักเพ้ง แซ่เฮ้ง ที่วิ่งหัวซุกหัวซุนขึ้นล่องกรุงเทพฯ-เมืองจันทน์ กลายมาเป็นคุณเกียรติชัย
สันติชัยอนันต์ เสี่ยหนุ่มวัย 30 เศษๆ ที่นักล่าเพชรที่เป็นผู้ซื้อและผู้ขายต้องวิ่งเข้าหา
การแต่งองค์ทรงเครื่องของเขาก็ได้รับเจียระไนตามไปด้วยเช่นเดียวกับเพชรพลอยที่ยังอยู่ใต้ดินที่เขาได้มา
เพื่อให้ขายได้มีราคามากขึ้น เขาต้องผูกเนคไทใส่เสื้อนอกให้สมกับเป็นนายทุนค้าเพชรรับซื้อส่งเจียระไนเพื่อนำออกขาย
มีโชว์รูมเป็นของตัวเองใหญ่โตที่กลางย่านธุรกิจเมืองไทย จากที่เคยหมุนเงินเป็นแสนก็มาเป็นเงินล้าน
และเป็นสิบล้านร้อยล้านสูงขึ้นเรื่อยๆ
ความร่ำรวยและโด่งดังของเขานั้นได้นำพาให้รู้จักกับเหมสุดา รักตะวัต นางนพมาศและดาวธรรมศาสตร์ยุค
2514-2515 บุตรสาว ร้อยตรีสะอาดวิบูลย์ศรี รักตะวัต ครอบครัวที่เติบโตมาจากชีวิตข้าราชการเป็นครูบาอาจารย์
ซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนภายใต้วัฒนธรรมอีกแบบหนึ่งที่ต่างกับเกียรติชัยเกือบจะสิ้นเชิง
และทั้งสองก็ได้แต่งงานกันในเวลาต่อมา แม้จะเป็นที่รู้ระแคะระคายในหมู่พรรคพวกเพื่อนฝูงของเหมสุดาเหมือนกัน
ว่าเกียรติชัยนั้นเคยแต่งงานมาแล้วกับสาวชาวจีนและมีลูกชายด้วยกันคนหนึ่ง
แต่ก็ไม่มีใครยืนยันว่าเธอจะรู้เรื่องนี้ด้วยหรือไม่?
การที่เกียรติชัยได้เหมสุดามาร่วมครอบครัวร่วมธุรกิจด้วยกันยิ่งเป็นจุดเสริมส่งให้ธุรกิจของเขาแข็งแกร่งเติบใหญ่มากขึ้น
อย่างน้อยที่สุดเหมสุดาก็มีพื้นความรู้ระดับปริญญาตรี ที่ทำให้เธอมองธุรกิจค้าเพชรพลอยในมุมกว้างและลึกมากขึ้น
ทั้งเธอเองก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงระดับดาวธรรมศาสตร์ ซึ่งก็เท่ากับเป็นการเสริมด้านการประชาสัมพันธ์ให้แก่เกียรติชัยไปในตัวอีกด้วย
เหมสุดาเข้ามาช่วยดูแลทั้งทางด้านการเงินและการตลาดที่ K.C. GEM. และเธอก็ได้ชักชวนพรรคพวกเพื่อนฝูงเข้ามาช่วยกันหลายแรงในด้านการประชาสัมพันธ์
เพื่อให้งานด้านการตลาดเป็นระบบ
เกียรติชัยเสี่ยหนุ่มผู้โชคดีก็มีพลังใจมากขึ้นในการทำมาค้าขาย คนใกล้ชิดกับคนทั้งสองเล่าให้
"ผู้จัดการ" ฟังว่าเกียรติชัยเป็นคนที่ยกย่องภรรยาของเขามากๆ ถ้าถามเขาเรื่องการตัดสินใจต่างๆ
เขาจะบอกว่าต้องถามภรรยาของเขาเสียก่อนเสมอ ว่ากันว่า "THE LOVER"
ซึ่งเป็นสาขาแรกของ K.C.GEM. นั้นก็ตั้งชื่อขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักระหว่างเขาและเธอเมื่อปี
2519
ทั้งสองครองรักด้วยกันมาอย่างราบรื่นจนมีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคน
เกียรติชัยโดยนิสัยดั้งเดิมของเขาแล้วเป็นคนประหยัดอย่างเอาการทีเดียว
คนที่รู้จักเขาในยุคเริ่มต้นบอกว่า เวลามาทำงานเขาต้องเอาข้าวใส่ปิ่นโตมากินที่ทำงานด้วยทุกวัน
แต่ต่อมาระยะหลังๆ เมื่อเขาต้องออกสังคมมากขึ้นตามระดับความรวยและความมีชื่อของเขา
ทำให้เขาต้องใช้เงินมือเติบอย่างน่าใจหาย
"เพื่อชื่อเสียงเพื่อสังคมเขาเป็นคนที่จ่ายมากเหมือนไม่เสียดาย แต่กับธุรกิจและคนใกล้ชิดเขาก็ยังไม่ละทิ้งความเป็นพ่อค้าจีนที่โตมาจากความแร้นเค้นเหมือนเดิม"
คนที่เคยทำงานกับเกียรติชัยเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟัง
ในนาม K.C. GEM. และ THE LOVER เมื่อ 7-8 ปีก่อนจะมีงานโชว์เพชรโชว์พลอยอยู่เป็นประจำและก็เป็นงานที่หรูและดังมากๆ
เรียกว่าเป็นงานชุมนุมคุณหญิงคุณนายและสาวไฮโซของกรุงเทพฯทีเดียว ซึ่งในประเด็นนี้พ่อค้าเพชรบางคนก็บอกว่ามันเป็นงานที่จัดขึ้นมาเกินความจำเป็นต่อธุรกิจ
เพราะตลาดเพชรพลอยจริงๆ แล้วคือชาวต่างประเทศ แต่เกียรติชัยก็จ่ายไม่อั้นจากงานที่ว่ากันว่าเกิดขึ้นจากการวางแผนของเหมสุดาและพรรคพวก
ชีวิตที่เขาได้เข้ามาสัมผัสกับวงสังคมชั้นสูงมากๆ ทำให้ทัศนคติของเกียรติชัยเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าเสียดาย
ข่าวการมีสัมพันธ์กับหญิงสาวมากหน้าของเขามีขึ้นเป็นระยะๆ เพื่อนภรรยาของเขาเองเล่าให้
"ผู้จัดการ" ฟังว่ามาระยะหลังๆ เขาเป็นคนที่มีรักค่อนข้างฟุ่มเฟือยเกินไป
และก็เป็นคนที่ชอบผู้หญิงที่มีชื่อเสียงระดับดารา ลงว่าเกียรติชัยได้ชอบใครแล้วเขาจะมีความพยายามสูงมาก
แม้กับผู้หญิงบางคนจะถอดรหัสจากดวงตาของเขาออกมาไม่ค่อยดีนัก
ความระหองระแหงระหว่างเกียรติชัยและเหมสุดาก็เริ่มขึ้น ณ จุดนี้และเพิ่มอุณหภูมิขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งมันส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจของเขาในขณะที่คู่แข่งในวงการวิ่งตามเขาเข้ามาติดๆ
แม้ธุรกิจการค้าเพชรพลอยจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่ K.C. GEM. กับ THE LOVER กลับซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด
และว่ากันว่าติดขัดถึงเรื่องการหมุนเงินของเขาด้วย คดีการฟ้องชำระหนี้ของบริษัท
24 พับลิคเคชั่นต่อเกียรติชัยจำนวนไม่กี่หมื่นบาท เป็นตัวอย่างที่ฟ้องถึงประเด็นนี้ชัดเจน
ข่าวล่าสุดที่พรรคพวกของทั้งสองได้รับก็คือเกียรติชัยกับเหมสุดาได้หย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากันเสียแล้ว
คนใกล้ชิดของเกียรติชัยเล่าให้ฟังว่ามันเป็นช่วงที่ตกต่ำอย่างที่สุดของเกียรติชัย
เขาแทบจะเสียสติเมื่อเหมสุดาตัดสินใจจากเขาไป ความกลุ้มใจยิ่งทำให้เกียรติชัยจมดิ่งชีวิตของตัวเองมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน เที่ยวเตร่ และผู้หญิงเขาหาทางออกให้กับตัวเองเหมือนพระเอกในหนังน้ำเน่าอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
การใช้จ่ายเพื่อสังคม การประหยัดในสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติและเรื่องผู้หญิงเป็นเหตุบั่นทอนความอ่อนแอของธุรกิจของเกียรติชัยตลอดมาอย่างต่อเนื่อง
แล้วก็มาถึงจุดที่คนในวงการเชื่อกันว่าเป็นที่มาจุดจบของ K.C. GEM. และ
THE LOVER และก็เป็นจุดดับของเกียรติชัย สันติชัยอนันต์ โดยตรง คือ กรณีข่าวการปลอมเพชรในมงกุฎของนางสาวไทยในยุคทวีพร
คลังพลอย เป็นนางสาวไทยซึ่งเป็นมกุฎที่ผลิตโดย THE LOVER ซึ่งแม้จะไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่ามันมีการปลอมแปลงอยู่ในขบวนการไหน
ระหว่างการผลิตไปจนถึงตกไปอยู่ในมือของนางสาวไทยและผลที่เกิดขึ้นโดยตรงนั้นคือ
K.G. GEM. และ THE LOVER ประสบปัญหาถึงขั้นต้องปิดกิจการลงอย่างสนิทเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ทั้งๆ ที่มันเป็นปีที่ธุรกิจเพชรพลอยกำลัง
บูมอยู่แท้ๆ
K.C. GEM. และ THE LOVER ต้องปิดกิจการลงด้วยตัวเลขหนี้สินทางบัญชีกว่า
100 ล้านบาท ซึ่งกว่า 80% ของจำนวนหนี้ทั้งหมดนั้นเป็นเช็คล้วนๆ ยิ่งเท่ากับเป็นการปิดกั้นการออกทำมาหากินอย่างเปิดเผยของเกียรติชัย
จึงน่าเสียดายที่ "ผู้จัดการ" ได้พยายามติดต่อเกียรติชัยทั้งโดยตรงและผ่านพรรคพวกเพื่อนสนิทของเขาหลายคนก็ไม่อาจจะได้คุยกับเขาได้
เพื่อเขาจะได้วิเคราะห์บทบาทของตัวเองให้ได้ชัดเจนมากขึ้นกว่านี้
สำหรับ "ผู้จัดการ" แล้วการลืมสำรวจตัวเองในคราวที่กำลังบินสู่ที่สูง
เป็นบทเรียนที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักธุรกิจที่ร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็วซึ่งมีมากในช่วงธุรกิจกำลังบูมอย่างเช่นปัจจุบัน
ถ้าเราเจอกับเกียรติชัยเราก็จะขอบคุณเขาที่ช่วยเขียนบทเรียนบทนี้ขึ้นมาได้ชัดเจนและบอกเขาว่า
คนหนุ่มวัยเพิ่ง 40 เศษอย่างเขายังสามารถจะแก้ตัวได้หากได้สำรวจตรวจสอบตัวเองบ้าง