การล้มของเกียรติชัย"ล้มด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ"


นิตยสารผู้จัดการ( กุมภาพันธ์ 2533)



กลับสู่หน้าหลัก

เกียรติชัย สันติชัยอนันต์ ซึ่งตามตัวไม่ค่อยพบแล้วในขณะนี้เคยให้สัมภาษณ์ทางหนังสือพิมพ์เมื่อหลายปีก่อน ขณะที่กำลังรุ่งโรจน์ในวงการค้าเพชรพลอยเมืองไทยว่า เขาโตมาจาก เด็กยากจนที่ไม่มีอะไรเลย เรียนจบเพียงชั้นประถม อาศัยรับจ้างรดผักและขนผักส่งตลาดให้แก่ชาวสวนย่านฝั่งธนฯเลี้ยงชีพต่อสู้ชีวิตมาอย่างลำเค็ญ ก่อนที่จะได้เข้ามาฝึกงานในร้านรับเจียระไนเพชรพลอยย่านสีลมแล้วกระโดดเข้าสู่วงการค้าเพชรพลอยเอาที่จันทบุรี กลับมากรุงเทพอีกครั้งก็กลายเป็นเจ้าของร้านค้าเพชรเสียเองเมื่อปี 2516

ชีวิตของเขามีทั้งความอุตสาหะวิริยะและโชคช่วย เขาพูดกับคนรู้จักเสมอว่าถ้าเรื่องดูเพชรพลอยว่าปลอมหรือไม่ปลอม น้ำดีหรือไม่ดี และเจียระไนอย่างไรให้ได้ราคาดีนั้นเขาเป็นมือหนึ่ง นั่นเกิดจากความอุตสาหะวิริยะของเขา แต่ที่เขาตั้งตัวได้จริงๆนั้นเพราะเพชรเม็ดเดียวแท้ๆ ที่เขาซื้อมาจากจันทบุรีเมื่อนำมาเจียระไนแล้วขายได้ตั้งหลายแสนบาท ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปในชั่วพริบตา

เกียรติชัย สันติชัยอนันต์ ดังเป็นพลุแตกอีกครั้งเมื่อ K.C.GEM. ของเขาคว้ารางวัลชนะเลิศประกวดทับทิมสยามที่จัดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน และก็เป็นบันไดอีกขั้นหนึ่งของเขาที่รุ่งโรจน์ขึ้นมา เขากลายเป็นผู้ส่งออกทับทิมสยามรายใหญ่ที่สุดของเมืองไทยในเวลาต่อมา

บทบาทชีวิตของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจาก "ไอ้ตี๋" ลูกชายของ บักเพ้ง แซ่เฮ้ง ที่วิ่งหัวซุกหัวซุนขึ้นล่องกรุงเทพฯ-เมืองจันทน์ กลายมาเป็นคุณเกียรติชัย สันติชัยอนันต์ เสี่ยหนุ่มวัย 30 เศษๆ ที่นักล่าเพชรที่เป็นผู้ซื้อและผู้ขายต้องวิ่งเข้าหา

การแต่งองค์ทรงเครื่องของเขาก็ได้รับเจียระไนตามไปด้วยเช่นเดียวกับเพชรพลอยที่ยังอยู่ใต้ดินที่เขาได้มา เพื่อให้ขายได้มีราคามากขึ้น เขาต้องผูกเนคไทใส่เสื้อนอกให้สมกับเป็นนายทุนค้าเพชรรับซื้อส่งเจียระไนเพื่อนำออกขาย มีโชว์รูมเป็นของตัวเองใหญ่โตที่กลางย่านธุรกิจเมืองไทย จากที่เคยหมุนเงินเป็นแสนก็มาเป็นเงินล้าน และเป็นสิบล้านร้อยล้านสูงขึ้นเรื่อยๆ

ความร่ำรวยและโด่งดังของเขานั้นได้นำพาให้รู้จักกับเหมสุดา รักตะวัต นางนพมาศและดาวธรรมศาสตร์ยุค 2514-2515 บุตรสาว ร้อยตรีสะอาดวิบูลย์ศรี รักตะวัต ครอบครัวที่เติบโตมาจากชีวิตข้าราชการเป็นครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนภายใต้วัฒนธรรมอีกแบบหนึ่งที่ต่างกับเกียรติชัยเกือบจะสิ้นเชิง

และทั้งสองก็ได้แต่งงานกันในเวลาต่อมา แม้จะเป็นที่รู้ระแคะระคายในหมู่พรรคพวกเพื่อนฝูงของเหมสุดาเหมือนกัน ว่าเกียรติชัยนั้นเคยแต่งงานมาแล้วกับสาวชาวจีนและมีลูกชายด้วยกันคนหนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครยืนยันว่าเธอจะรู้เรื่องนี้ด้วยหรือไม่?

การที่เกียรติชัยได้เหมสุดามาร่วมครอบครัวร่วมธุรกิจด้วยกันยิ่งเป็นจุดเสริมส่งให้ธุรกิจของเขาแข็งแกร่งเติบใหญ่มากขึ้น

อย่างน้อยที่สุดเหมสุดาก็มีพื้นความรู้ระดับปริญญาตรี ที่ทำให้เธอมองธุรกิจค้าเพชรพลอยในมุมกว้างและลึกมากขึ้น ทั้งเธอเองก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงระดับดาวธรรมศาสตร์ ซึ่งก็เท่ากับเป็นการเสริมด้านการประชาสัมพันธ์ให้แก่เกียรติชัยไปในตัวอีกด้วย

เหมสุดาเข้ามาช่วยดูแลทั้งทางด้านการเงินและการตลาดที่ K.C. GEM. และเธอก็ได้ชักชวนพรรคพวกเพื่อนฝูงเข้ามาช่วยกันหลายแรงในด้านการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้งานด้านการตลาดเป็นระบบ

เกียรติชัยเสี่ยหนุ่มผู้โชคดีก็มีพลังใจมากขึ้นในการทำมาค้าขาย คนใกล้ชิดกับคนทั้งสองเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่าเกียรติชัยเป็นคนที่ยกย่องภรรยาของเขามากๆ ถ้าถามเขาเรื่องการตัดสินใจต่างๆ เขาจะบอกว่าต้องถามภรรยาของเขาเสียก่อนเสมอ ว่ากันว่า "THE LOVER" ซึ่งเป็นสาขาแรกของ K.C.GEM. นั้นก็ตั้งชื่อขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักระหว่างเขาและเธอเมื่อปี 2519

ทั้งสองครองรักด้วยกันมาอย่างราบรื่นจนมีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคน

เกียรติชัยโดยนิสัยดั้งเดิมของเขาแล้วเป็นคนประหยัดอย่างเอาการทีเดียว คนที่รู้จักเขาในยุคเริ่มต้นบอกว่า เวลามาทำงานเขาต้องเอาข้าวใส่ปิ่นโตมากินที่ทำงานด้วยทุกวัน แต่ต่อมาระยะหลังๆ เมื่อเขาต้องออกสังคมมากขึ้นตามระดับความรวยและความมีชื่อของเขา ทำให้เขาต้องใช้เงินมือเติบอย่างน่าใจหาย

"เพื่อชื่อเสียงเพื่อสังคมเขาเป็นคนที่จ่ายมากเหมือนไม่เสียดาย แต่กับธุรกิจและคนใกล้ชิดเขาก็ยังไม่ละทิ้งความเป็นพ่อค้าจีนที่โตมาจากความแร้นเค้นเหมือนเดิม" คนที่เคยทำงานกับเกียรติชัยเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟัง

ในนาม K.C. GEM. และ THE LOVER เมื่อ 7-8 ปีก่อนจะมีงานโชว์เพชรโชว์พลอยอยู่เป็นประจำและก็เป็นงานที่หรูและดังมากๆ เรียกว่าเป็นงานชุมนุมคุณหญิงคุณนายและสาวไฮโซของกรุงเทพฯทีเดียว ซึ่งในประเด็นนี้พ่อค้าเพชรบางคนก็บอกว่ามันเป็นงานที่จัดขึ้นมาเกินความจำเป็นต่อธุรกิจ เพราะตลาดเพชรพลอยจริงๆ แล้วคือชาวต่างประเทศ แต่เกียรติชัยก็จ่ายไม่อั้นจากงานที่ว่ากันว่าเกิดขึ้นจากการวางแผนของเหมสุดาและพรรคพวก

ชีวิตที่เขาได้เข้ามาสัมผัสกับวงสังคมชั้นสูงมากๆ ทำให้ทัศนคติของเกียรติชัยเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าเสียดาย ข่าวการมีสัมพันธ์กับหญิงสาวมากหน้าของเขามีขึ้นเป็นระยะๆ เพื่อนภรรยาของเขาเองเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่ามาระยะหลังๆ เขาเป็นคนที่มีรักค่อนข้างฟุ่มเฟือยเกินไป และก็เป็นคนที่ชอบผู้หญิงที่มีชื่อเสียงระดับดารา ลงว่าเกียรติชัยได้ชอบใครแล้วเขาจะมีความพยายามสูงมาก แม้กับผู้หญิงบางคนจะถอดรหัสจากดวงตาของเขาออกมาไม่ค่อยดีนัก

ความระหองระแหงระหว่างเกียรติชัยและเหมสุดาก็เริ่มขึ้น ณ จุดนี้และเพิ่มอุณหภูมิขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจของเขาในขณะที่คู่แข่งในวงการวิ่งตามเขาเข้ามาติดๆ แม้ธุรกิจการค้าเพชรพลอยจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่ K.C. GEM. กับ THE LOVER กลับซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด และว่ากันว่าติดขัดถึงเรื่องการหมุนเงินของเขาด้วย คดีการฟ้องชำระหนี้ของบริษัท 24 พับลิคเคชั่นต่อเกียรติชัยจำนวนไม่กี่หมื่นบาท เป็นตัวอย่างที่ฟ้องถึงประเด็นนี้ชัดเจน

ข่าวล่าสุดที่พรรคพวกของทั้งสองได้รับก็คือเกียรติชัยกับเหมสุดาได้หย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากันเสียแล้ว

คนใกล้ชิดของเกียรติชัยเล่าให้ฟังว่ามันเป็นช่วงที่ตกต่ำอย่างที่สุดของเกียรติชัย เขาแทบจะเสียสติเมื่อเหมสุดาตัดสินใจจากเขาไป ความกลุ้มใจยิ่งทำให้เกียรติชัยจมดิ่งชีวิตของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน เที่ยวเตร่ และผู้หญิงเขาหาทางออกให้กับตัวเองเหมือนพระเอกในหนังน้ำเน่าอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

การใช้จ่ายเพื่อสังคม การประหยัดในสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติและเรื่องผู้หญิงเป็นเหตุบั่นทอนความอ่อนแอของธุรกิจของเกียรติชัยตลอดมาอย่างต่อเนื่อง

แล้วก็มาถึงจุดที่คนในวงการเชื่อกันว่าเป็นที่มาจุดจบของ K.C. GEM. และ THE LOVER และก็เป็นจุดดับของเกียรติชัย สันติชัยอนันต์ โดยตรง คือ กรณีข่าวการปลอมเพชรในมงกุฎของนางสาวไทยในยุคทวีพร คลังพลอย เป็นนางสาวไทยซึ่งเป็นมกุฎที่ผลิตโดย THE LOVER ซึ่งแม้จะไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่ามันมีการปลอมแปลงอยู่ในขบวนการไหน ระหว่างการผลิตไปจนถึงตกไปอยู่ในมือของนางสาวไทยและผลที่เกิดขึ้นโดยตรงนั้นคือ K.G. GEM. และ THE LOVER ประสบปัญหาถึงขั้นต้องปิดกิจการลงอย่างสนิทเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่มันเป็นปีที่ธุรกิจเพชรพลอยกำลัง

บูมอยู่แท้ๆ

K.C. GEM. และ THE LOVER ต้องปิดกิจการลงด้วยตัวเลขหนี้สินทางบัญชีกว่า

100 ล้านบาท ซึ่งกว่า 80% ของจำนวนหนี้ทั้งหมดนั้นเป็นเช็คล้วนๆ ยิ่งเท่ากับเป็นการปิดกั้นการออกทำมาหากินอย่างเปิดเผยของเกียรติชัย

จึงน่าเสียดายที่ "ผู้จัดการ" ได้พยายามติดต่อเกียรติชัยทั้งโดยตรงและผ่านพรรคพวกเพื่อนสนิทของเขาหลายคนก็ไม่อาจจะได้คุยกับเขาได้ เพื่อเขาจะได้วิเคราะห์บทบาทของตัวเองให้ได้ชัดเจนมากขึ้นกว่านี้

สำหรับ "ผู้จัดการ" แล้วการลืมสำรวจตัวเองในคราวที่กำลังบินสู่ที่สูง เป็นบทเรียนที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักธุรกิจที่ร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็วซึ่งมีมากในช่วงธุรกิจกำลังบูมอย่างเช่นปัจจุบัน ถ้าเราเจอกับเกียรติชัยเราก็จะขอบคุณเขาที่ช่วยเขียนบทเรียนบทนี้ขึ้นมาได้ชัดเจนและบอกเขาว่า คนหนุ่มวัยเพิ่ง 40 เศษอย่างเขายังสามารถจะแก้ตัวได้หากได้สำรวจตรวจสอบตัวเองบ้าง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.