|
แมนูไลฟ์ปีแรกเกินเป้า-มั่นใจ4-5ปีพลิกทำกำไร
ผู้จัดการรายวัน(17 มิถุนายน 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
บลจ.แมนูไลฟ์ปลื้มผลงานรอบ 1 ปีลูกค้าตอบรับเกินเป้า โชว์สินทรัพย์ขยับแตะ 2.9 พันล้าน มั่นใจอีก 4-5 ปีคืนทุน ลุ้นหากภาวะตลาดเอื้ออาจถึงจุดหมายเร็วขึ้น เผยหลังจากนี้ ต้องปรับตัวรับการแข่งขันอีกมาก โดยเฉพาะการบริการและระบบไอที ชื่นชมลูกค้าเข้าใจการลงทุนเป็นอย่างดี ไม่ตระหนกแม้กองทุนติดลบ เตรียมเข็นเอฟไอเอฟ เพิ่มทางเลือกอีก 2 กอง ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้น เชียร์หุ้นแบงก์-อสังหาฯ เล็งหดเป้าดัชนีสิ้นปีลงจาก 940 จุด
นายอลัน แคม กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยในโอกาสที่บลจ.แมนูไลฟ์ครบรอบการดำเนินงาน 1 ปีว่า ตั้งแต่บริษัทเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2550 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยในปีแรกนั้นบริษัทสามารถระดมทุนได้เกินเป้าหมาย ด้วยสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจัดการที่เพิ่มขึ้นเป็น 2,522 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1,200 ล้านบาท และล่าสุดเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2,900 ล้านบาทในปัจจุบัน
ทั้งนี้ หลังจากดำเนินงานมาเป็นเวลา 1 ปี บริษัทยังขาดทุนอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจในช่วงแรกที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 7 ปี อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าอีก 4-5 ปีหลังจากนี้ บริษัทจะสามารถคืนทุนได้ แต่หากภาวะตลาดโดยรวมหลังจากนี้ดีขึ้น ก็คาดว่าบริษัทจะสามารถคืนทุนได้เร็วมากขึ้น ซึ่งในปีนี้เองค่อนข้างทำงานลำบาก เนื่องจากการลงทุนทั้งในประเทศและนอกประเทศไม่ค่อยดีมากนัก ส่งผลให้ผู้ลงทุนมีความกังวลพอสมควร แต่เราก็เชื่อว่าผู้จัดการกองทุนของแมนูไลฟ์เองมีฝีมือและเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการกองทุนดีพอสมควร
"เราค่อนข้างพอใจกับผลงานในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทั่งในแง่ของทีมงานที่ร่วมมือกันและการตอบรับของลูกค้า โดยในส่วนของลูกค้าเองก็เป็นลูกค้าที่ค่อนข้างมีความรู้และความเข้าใจการลงทุนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะภาวะตลาดผันผวนที่อาจจะทำให้ขาดทุนบ้าง เขาก็เข้าใจ แต่ก็ต้องการคำปรึกษาในช่วงที่ตลาดเป็นเช่นนี้ ซึ่งเราถือว่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับเรา"นายอลันกล่าว
นายอลันกล่าวว่า หลังจากนี้ ยังมีอีกหลายอย่างที่แมนูไลฟ์ต้องปรับตัว ทั้งด้านการบริการ การอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าผ่านช่องทางด้านไอที ซึ่งเราเองคงไปตามบลจ. อื่นไม่ได้ นอกจากนั้น ในแง่ของความร่วมมือกับบริษัทประกันชีวิตในเครือของแมนูไลฟ์คงจะมีมากขึ้น แต่ต้องรอให้ทางบริษัทประกันเองมีความพร้อมก่อน ทั้งนี้ แมนูไลฟ์ในต่างประเทศโดยเฉพาะในอินโดนีเซีย จะทำงานไปพร้อมกันระหว่างกองทุนรวมกับประกัน
สำหรับแผนงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเปิดขายกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) อีกประมาณ 2 กองทุน แต่กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาว่าการลงทุนในสินทรัพย์ไหนจะเหมาะและตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ซึ่งกองทุนในต่างประเทศของแมนูไลฟ์เองมีการลงทุนในสินทรัพย์ที่ค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในธุรกิจเฮลล์แคร์ การลงทุนในป่าไม้ การลงทุนในละตินอเมริกา ซึ่งการลงทุนเหล่านี้ต้องดูว่าลูกค้าสนใจหรือไม่
"ลูกค้าของเราชอบกองทุนที่มีประวัติการลงทุนระยะยาว มีข้อมูลบอกว่าเราซื้อแพงไหม หรือเราชอบเทรดหุ้นหรือเปล่า แล้วหากองทุนที่ตรงกับรูปแบบการลงทุนของลูกค้า เพราะการออกกองทุนไม่ใช่ว่าออกมาตามความชอบของเรา แต่ต้องดูด้วยว่านักลงทุนของเรารับได้ไหม การลงทุนในฮ่องกงหรือในเวียดนามเองเราก็มี ซึ่งตลาดเวียดนามเองที่ตกลงมาถึง 55% แล้วถือว่าน่าสนใจ แต่ต้องดูความต้องการของลูกค้าเราด้วย"นายอลันลก่าว
ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ แนะนำว่า ยังไม่เหมาะที่จะเล่นหุ้น ถึงแม้ P/E จะต่ำ ราคาตกลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ แต่ความผันผวนที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องทำให้คนไม่กล้าลงทุน โดยกองทุนหุ้นของบริษัทเองก็ค่อนข้างอยู่นิ่ง
หุ้นกลุ่มแบงก์-อสังหาฯเนื้อหอม
นายพนุกร จันทรประภาพ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บลจ.แมนูไลฟ์ กล่าวถึงการลงทุนในตลาดหุ้นของบริษัทว่า ในช่วงที่ดัชนีหุ้นไทยหลุด 800 จุด บริษัทได้เข้าไปทยอยซื้อลงทุนเพิ่มบ้าง เพราะหุ้นหลายตัวราคาปรับลดลงมาค่อนข้างเยอะ และบางตัวเองราคาก็ปรับลดลงมาเยอะเกิดไปด้วย ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลของนักลงทุนต่างชาติที่ยังไม่มั่นใจการลงทุนในประเทศไทย โดยปัจจุบันกองทุนหุ้นของบริษัทเอง มีสัดส่วนการถือครองเงินสดประมาณ 5%
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงสำหรับการลงทุนในปีนี้ ยังเป็นเรื่องของการเมืองในประเทศ เพราะเป็นปัจจัยที่คาดเดาไม่ได้ ซึ่งเราเองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้่เช่นกัน แต่เราก็พยายามเลือกหุ้นรายตัวที่ไม่กระทบทั้งจากภาวะเงินเฟ้อและการเมือง ทั้งนี้ มองว่าหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และหุ้นกลุ่มธนาคาร เป็นกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนถ้าถือลงทุนในระยะยาว เพราะ 2 ธุรกิจนี้ราคาปรับตัวลงมาค่อนข้างเยอะ โดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจ คือ กลุ่มที่มีออฟฟิตให้เช่า กลุ่มที่ทำบ้านเดี๋ยว รวมถึงกลุ่มก่อสร้างที่ได้อานิสงส์จากค่าการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น
ส่วนแนวโน้มการลงทุนเชื่อว่าระยะสั้นจะยังผันผวนต่อ เพราะนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับลดลงไปถึงระดับ 750 จุด แต่หลังจากนั้นเชื่อว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาและดันดัชนีปรับตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นทั้งปีใหม่จากคาดการ์เดิมที่ 940 จุด โดยปัจจัยที่ต้องจับตาดูคือ เรื่องของภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศ เงินเฟ้อและการเมืองในประเทศ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|