หน่วยงานวิจัยและวิเคราะห์หลักทรัพย์เป็นงานสำคัญถึงขนาดกล่าวได้ว่าเป็นหัวใจของบริษัทหลักทรัพย์เลยทีเดียว
ก็ว่าได้มีหน่วยงานวิจัยที่ค่อนข้างสมบูรณ์ก็คือว่า มีข้อได้เปรียบในการให้บริการลูกค้าไปกว่าครึ่งค่อนแล้ว
โดยเฉพาะหารมีลูกค้าชาวต่างชาติจำนวนมากแล้วละก็หน่วยงานนี้จะยิ่งทวีความสำคัญและเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งทีเดียว
ในบรรดาบริษัทหลักทรัพย์ที่มีลูกค้าชาวต่างประเทศอยู่เป็นจำนวนมากนั้น เจ.เอฟ.ธนาคารก็เป็นบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งที่มีลูกค้าชาวต่างชาติมากถึง
75 % โดยแบ่งออกเป็นชาวยุโรป ประมาณ 40 % ซึ่งส่วนมากเป็นชาวอังกฤษ จากสหรัฐฯ
20 % และอีก 40 %ที่เหลือเป็นชาวเอเชีย โดยเป็นชาวฮ่องกง โตเกียวและสิงคโปร์
ลูกค้าเหล่านี้ก็ส่งผ่านมาจากเครือข่ายของบริษัทจาร์ดีนเฟลมมิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเจ.เอฟ.ธนาคมนั่นเอง
หน่วยงานวิจัยฯของเจ.เอฟ.ธนาคมอยู่ภายใต้การรับผิดชอบของทิม แมคเคนนา เจ้าหน้าที่วิเคราะห์หลักทรัพย์ของจาร์ดีนเฟลมมิ่งในฮ่องกง
ซึ่งเข้ามาร่วมงานกับเจ.เอฟ.ตั้งแต่แรกตั้งบริษัทเมื่อปลายปี 2531
ทิมเป็นชาวสหรัฐฯจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนนีย เขาอยากจะไปเรียนต่อทางด้านกฎหมาย
แต่กลับต้องไปเป็นทหารตามโปรแกรมอาร์ทีซี (RESERVE TRAINING OFFICER COURSE)
3 ปี โดยทำหน้าที่ทางด้านข้อมูลสื่อสาร เขาเดินทางไปทั่วทั้งในเอเชีย ตะวันออกกลางและยุโรป
หลังออกจากการเป็นทหารแล้วเขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะเข้าโรงเรียกฎหมาย และเดินทางมายังฮ่องกงเพื่อร่วมงานกับบริษัทจาร์ดีน
เฟลมมิ่งเมื่อปี 2529
ทิมรับผิดชอบดูแลข้อมูลข่าวสารการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในตลาด 2 แห่งคือ
มะนิลา และกรุงเทพฯ เขาได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ "วันจันทร์ทมิฬ"
เมื่อ 19 ตุลาคม 2530 ซึ่งดัชนีหุ้นทั้งที่กรุงเทพฯและมะนิลาตกกราวรูดกว่า
50 % แต่ตลาดทั้งสองแห่งฟื้นตัวแล้ว โดยที่กรุงเทพฯนั้นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯเพิ่มขึ้นถึง
4 เท่าตัวซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ดีกว่าฟิลิปปินส์อย่างมาก
เมื่อย้ายเข้ามาร่วมงานกับเจ.เอฟ. ทิมยังคงรับผิดชอบในการวิเคราะห์หุ้นและภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรรัพย์ฯเขาทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลข่าวสารของธุรกิจในไทย
เขียนรายงานตลาดหุ้น วิเคราะห์หุ้นแต่ละตัวและแต่ละประเภท ข้อมูลเหล่านี้จะตีพิมพ์เผยแพร่ต่อลูกค้าในรูปของจดหมายข่าว
ออกเดือนละ 2 ฉบับเป็นภาษาอังกฤษ โดยส่วนหนึ่งจะส่งไปให้บริษัทแม่ในฮ่องกง
เพื่อเผยแพร่ให้กับลูกค้าตามเครือข่ายของจาร์ดีน เฟลมมิ่งในทั่วโลก
ททิมกล่าวถึงการวิเคราะห์หุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ในไทยว่าติดจะมีลักษณะอนุรักษ์ค่อนข้างสูง
เมื่อเปรียบเทียบกับตัวแททนของบริษัทค้าหลักทรัพย์ต่างชาติที่เข้ามาวิเคราะห์หุ้นให้กับนักลงทุนชาวต่างชาติ
ทิมเห็นว่าบริษัทเหล่านี้ค่อนข้างจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องการวิเคราะห์หลักทรัพย์
แม้แต่ในส่วนของเจ.เอฟ.ธนาคมที่เขารับผิดชอบอยู่นั้น เขายังต้องเก็บข้อมูลสัมภาษณ์พูดคุยกับบริษาทหลายแห่งที่จดทะเบียนในตลากหลักทรัพย์ฯด้วยตัวเอง
หน่วยวิเคราะห์ของทิมมีกำลังคนประมาณ 6 คนซึ่งในอนาคตคงต้องมีการขยายเพิ่มขึ้นเป็นแน่เพราะนอกจากจะรับผิดชอบการวิเคราะห์หุ้นดูสภาพตลาดแล้ว
เขายังได้รับผิดชอบงานด้านการรับประกันและจัดจำหน่ายหุ้น อันเป็นตลาดที่มีอนาคตการขยายตัวเติบโตได้อีกมาก
และงานด้านนี้ก็ต้องอาศัยฐานข้อมูลและการสนับสนุนจากหน่วยวิเคราะห์หุ้น
หุ้นตัวแรกที่เจ.เอฟ.ธนาคมรับประกันและจัดจำหน่ายคือโรงแรมโอเรียนเต็ล โดยขายให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
รวมทั้งหุ้นของโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน เป็นผู้ร่วมรับประกันและจัดจำหน่ายหุ้นเอสแอนด์พีด้วย
นอกจากนนี้ในบรรดาบริษัทวิเคราะห์หลักทรัพย์ด้วยกันโดยเฉพาะบริษัทที่ทำข้อมูลการวิเคราะห์เพื่อสนองความต้องการของลูกค้ายชาวต่างชาติ
ซึ่งก็มีอยู่ไม่กี่แห่งซึ่งมือวิเคราะห์เหล่านี้ก็ล้วนแต่รู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีนั้น
เขากล่าวว่ายังไม่มีบริษัทไหนวิเคราะห์หุ้นได้ดีที่สุด แต่ละบริษัทย่อมเห็นว่าข้อวิเคราะห์ของตนใช้ได้
อย่างไรก็ดี การดูว่าข้อวิเคราะห์ของใครสมบูรณ์ที่สุดนั้น คงต้องดูจากหลายปัจจัยประกอบ
และไม่แน่ว่าจะสามารถตัดสินได้ด้วยว่าอันไหนดีกว่าอันไหน เพราะหากเป็นลูกค้าประเภทเก็งกำไรย่อมต้องการข่าวและวิเคราะห์เชิงเทคนิคขณะที่นักลงทุนชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะเป็นประเภทลงทุนระยะยาว
คือ 1 ปีขึ้นไป พวกเขาย่อมต้องการข้อมูลพื้นฐานและข้อวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน
ในฐานะที่เป็นนักวิเคราะห์หุ้น ทิมได้ให้ความเห็นกว้าง ๆ เกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ไทยว่าเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนชาวต่างชาติมากเมื่อเทียบกับตลาดในเกาหลีและไต้หวัน
ซึ่งยังไม่เปิดให้กับการลงทุนของชาวต่างชาติมากเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยก็ยังจัดอยู่อันดับ
4 รองจากฮ่องกง สิงคโปร์และมาเลเซีย
ทิมกล่าวถึงผลกระทบจากวิกฤติการณ์ในจีนซึ่งเป็นการบ้านที่เขาได้ทำไว้ก่อนจะเดินทางไปพักร้อนที่เพนซิลวาเนียบ้านเกิดว่าในแง่ทั่ว
ๆ ไปนั้น เขาคิดว่าเป็นเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นในจีนนั้นจะมีผลกระทบในแง่บวกอย่างมากมายมหาศาลต่อไทย
สิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างเห็นได้ชัดคือ คงจะมีการเพิ่มปริมาณการลงทุนโดยตรงของชาวต่างชาติมากขึ้น
มีการสั่งซื้อสินค้าบางประเภทเช่น สิ่งทอและเสื้อผ้าเพิ่มมากขึ้นแทนที่จากเดิมที่เคยสั่งซื้อจากจีนและต้องประสบปัญหาความล่าช้าทางด้านการผลิตการขนส่งและการจ่ายเงิน
อย่างไรก็ตาม ข้อคาดหมายเหล่านี้ยังไม่เป็นจริงในเบื้องต้นคงต้องรอให้เหตุการณ์ต่างๆคลี่คลายสงบลงอีกระยะหนึ่งก่อน
แม้กระทั่งในตลาดหุ้นเองนั้น ก็เริ่มมีความเชื่อทั่วไปประการหนึ่งว่าจะมีเงินทุนจำนวนหนึ่งโยกย้าายจากฮ่องกง
ซึ่งได้รับผลกระทบด้านลบอย่างนักและทันท่วงทีจากเหตุการณ์ในจีน เข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย
แต่จนแล้วจนรอดเงินทุนจำนวนนั้นก็ยังไม่เข้ามา ทว่าความเชื่อและความจริงที่มีอยู่ก็มีผลทำให้ราคาหุ้นในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหววูบวาบอยู่ไม่น้อย
ผลกระทบอีกข้อหนึ่งอันเป็นข้อวิเคราะห์ที่ค่อนข้างจะสอดคล้องกับนักวิเคราะห์อีกหลายคนคือ
การแก้ปัญหาอินโดจีนที่จวนเจียนจะบรรลุในอีก 1-2 เดือนข้างหน้านี้คงต้องล่าช้าออกไปอย่างไม่มีกำหนด
เพราะคงจะต้องมีการรีรอดูท่าทีของจีนระยะหนึ่งก่อน จีนจะเอาอย่างไรต่อปัญหาเรื่องนี้ในฐานะที่จีนเป็นตัวแปร
ที่มีบทบาทสำคัญมากผู้หนึ่งในการแก้ไขปัญหา
ในส่วนของเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อนำหุ้นเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นั้น เจ.เอฟ.ธนาคมก็เป็นบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งที่เสนอโครงการรับประกันและจัดจำหน่ายหุ้น
แต่อย่างไรก็ดี ทิมยังเห็นว่าบรรดารัฐวิสาหกิจใหญ่ ๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการบินไทย
ไทยออยล์ และองค์การโทรศัพท์ฯ คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะผลักดันได้สำเร็จ
เผลอ ๆ อาจจะไม่ใช่ในปีนี้ด้วยซ้ำ
ข้อวิเคราะห์เหล่านี้จะอธิบายแนวโน้มได้มากน้อยเพียงใดคงต้องรอดูกันต่อไป
ทั้งนี้ ธุรกิจการวิเคราะห์หลักทรัพย์ยังเป็นน้องใหม่ในวงการที่ต้องอาศัยเวลาเพื่อพัฒนาตนเองอีกมาก...กว่าจะไปถึงความสมบูรณ์ที่สุด!