ถ้าพูดถึง ณัชชัย ถาวรธวัช ในวงกว้างอาจจะไม่ค่อยมีใครรู้จักเขาเลยก็ได้ แต่ถ้าว่ากันเฉพาะในวงการนายหน้าซื้อขายที่ดินซึ่งเป็นธุรกิจที่กำลังบูมเป็นผีพุ่งใต้อยู่ใในปัจจุบัน
เขาก็คือบุคคลที่อยู่ในบัญชีรายชื่อของบรรดานายหน้าทั้งหลาย และสำหรับนายหน้าหรือนักค้าที่ดินที่เคยติดต่อกับเขามาบ้างแล้ว
บางคนอาจจะรู้จักเขาดีเกินกว่าคำอธิบายขนอง "ผู้จัดการ" ในบรรทัดต่อไปนี้เสียอีก
ณัชชัยก็เหมือนกับก็คนหนุ่มไฟแรงทั่วๆไปที่หัวใจของเขารุ่มร้อนไปด้วยความใฝ่ฝันทะเยอทะยาน
ปีนี้เขาพึ่งจะอายุ 30 ขวบปีพอดี
ในสายตาของนายหน้าค้าที่ดินมือใหม่ ย่อมรู้จักเขาในฐานะลูกชายนายห้างใหญ่
ธวัชชัย ถาวรธวัช อดีตเจ้าของทรัสต์หรือบริษัทเงินทุน รวมไปถึงกิจการลิสซิ่งซึ่งหลายแห่งร่ำรวยมหาศาล
แม้กิจการเหล่านั้นจะถูกโอนมาเป็นของรัฐภายใต้ชื่อโครงการ 4 เมษา อันอื้อฉาวยาวนานกว่ากึ่ง
ทศวรรต มาแล้วบางส่วนก็ตามแต่ฐานะของผู้อยู่เบื้องหลังของหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้ตกต่ำไปอย่างที่คิด
"บางคนกล่าวหาว่าเขาล้มบนฟูก แต่สำหรับผมผมเชื่อว่าเขาไม่ได้ล้มเสียด้วยซ้ำ"
คนใกล้ชิดตระกูล "ถาวรธวัช" คนหนึ่งกล่าวกับ "ผู้จัดการ"
ณัชชัยไม่ชอบเปิดตัวต่อสื่อมวลชนเท่าใดนัก "ผู้จัดการ" ติดต่อสัมภาษณ์เขาหลายครั้ง
แต่ก็ถูกปฏิเสธมาอย่างสุภาพว่าเขายังไม่พร้อม ไม่เฉพาะกับสื่อมวลชนเท่านั้น
เขาไม่ค่อยจะยุ่งเกี่ยวกับใครที่อยู่นอกเส้นทางธุรกิจของเขา
แม้แต่คนที่ใกล้ชิดกับณัชชัยมากๆ ก็ยังบอกว่าไม่กล้าที่จะยืนยันว่าเขารู้จักกับณัชชัยดีพอ!
"รู้จักก็เหมือนไม่รู้จัก ไม่มีใครรู้จักตัวของเขาจริงๆ ในเรื่องส่วนตัวของเขาบางคนบอกว่านอกจากความเป็นลูกนายห้างแล้ว
เขายังเป็นหนุ่มนักเรียนนอกที่มีดีกรีจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ซึ่งบางคนก็ได้ยินมาว่าเขาจบทางด้านวิศวกร
นั่นมักจะได้ยินในขณะที่สนทนาเรื่องการก่อสร้าง แต่บางคนที่อยู่ในแวดวงการเงิน
ซึ่งเขามีชื่อเป็นกรรมการบริษัทเงินทุนสินวัฒนาด้วยก็มักจะได้ยินว่าณัชชัยจบมาทางด้านเศรษฐศาสตร์"คนที่คุ้นเคยกับณัชชัยเล่าให้ฟัง
นั่นก็ยังไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจนัก สิ่งที่น่าจับตามองสำหรับคนหนุ่มคนนี้อยู่ที่บทบาทของเขาซึ่งกำลังจะนำตัวเองสู่
"วงจรอำนาจเพื่อธุรกิจ" โดยการสนับสนุนส่งเสริมเป็นอย่างดีจากผู้เป็นพ่อ
เช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อที่เดินมาได้เกินกว่าครึ่งแล้ว จะเรียกว่าเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวที่พอจะสานต่อจากผู้เป็นพ่อจนกว่าจะถึงเป้าหมายก็คงไม่ผิดนัก
แต่คนชื่อ ณัชชัย ถาวรธวัช จะแบกรับภารกิจไปสิ้นสุด ณ จุดใดนั้นเวลาย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์โดยเฉพาะการผลักดันโครงการ
"ตึกทอง" ซึ่งกำลังกลายเป็น "ตึกตะกั่ว" ลงไปทุกขณะให้กลับกลายขึ้นมาเป็นตึกทองกันอีกครั้ง
ธวัชชัย ถาวรธวัช ผู้เป็นพ่อเติบโตมาจากการค้าขายกระเบื้องดินเผามุงหลังคา
จากชายฝั่งทะเลตะวันออกเขารุกคืบเขามาเมืองกรุงขายกระเบื้องมุงหลังคาโบสถ์ให้แก่วัดต่างๆ
จนประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่กลายมาเป็นเจ้าของทรัสต์
เขาสะสมทุนจากการขายกระเบื้องมาเล่นที่ดินแบบซื้อมาขายไป ก่อนที่จะนำตัวเองเข้าสู่ธุรกิจการพัฒนาที่ดิน
กล่าวกันว่าหมู่บ้านเสนานิเวศน์ที่กลายมาเป็นหมู่บ้านเจ้าปัญหา คนซื้อไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ซื้อ
กว่าจะรู้ว่าไม่มีกรรมสิทธิ์ก็กินเวลาไปกว่า 20 ปีซะแล้ว นั่นก็ธวัชชัยมีส่วนผลักดันเสนอโครงการต่อกลุ่มรัตนรักษ์ด้วยคนหนึ่ง
กลุ่มรัตนรักษ์เป็นคนออกเงิน ธวัชชัยเป็นคนคุมโครงการเป็นจังหวะก้าวเข้ามาสู่วงการธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นพร้อมๆกับการสะสมทุน
ทั้งจากการบริหารโครงการและจับที่ดินแบบซื้อมาขายไป ในช่วงเดียวกันเขาก็ก้าวขึ้นสู่การเป็นเจ้าของกิจการเงินทุนได้อย่างรวดเร็ว
ธวัชชัยรวบรวมสมัครพรรคพวกบางส่วนที่เคยทำโครงการหมู่บ้านเสนานิเวศน์มาด้วยกันมาทำโครงการ
"ตึกทอง" ตั้งบริษัทสุขุมวิทคอนโดมิเนียมดึงกลุ่ม ศรีเฟื่องฟุ้งเข้ามาร่วมด้วย
ซึ่งเป็นประตูที่สำคัญอีกครื้งหนึ่งที่เปิดตัวเข้าสู่จอห์นนี่มาร์และนักลงทุนจากจีนแดง
ซึ่งต่อเนื่องมาเป็นหนี้ธนาคารสยาม 200 กว่าล้านในปัจจุบัน
ธวัชชัยพยายามปีนป่ายเข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจเพื่อธุรกิจ แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ลึกที่สุดก็เพียงข้าราชการประจำระดับผู้อำนวยการกองในบางกระทรวงทบวงกรมเท่านั้น
โดยเฉพาะในกระทรวงการคลังและแบงก์ชาติ ส่วนศูนย์อำนาจทางการเมืองเรียกว่าเขายังเข้าไม่ถึงด้วยตัวของเขาเองสักที
"อย่างมากก็ขอความช่วยเหลือโดยผ่านคนอื่นอีกต่อหนึ่งโดยเฉพาะในช่วงเกิดวิกฤติการณ์ทรัสต์
เริ่มตั้งแต่การปิดราชาเงินทุน มาถึงปิดทรัสต์ในกลุ่มของสุพจน์ เดชกุญธร
และกำลังจะต่อเนื่องมาถึงเขา ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับกลุ่มสากลเคหะของตระกูลตุณวัฒนจิต
กลุ่มส่งเสริมเงินทุนไทยของตระกูลปัจฉิมสวัสดิ์-สุวรรณภาศรี และกลุ่มเอราวัณทรัสต์ของตระกูลจิรชนานนท์
ยิ่งทำให้เขาเห็นถึงความสำคัญของการเข้าสู่วงจรอำนาจเพื่อธุรกิจของเขาอย่างมาก"คนในวงการเงินคนหนึ่งเล่าให้"ผู้จัดการ"ฟัง
บางคนวิเคราะห์สาเหตุที่ธวัชชัยเข้าไม่ถึงศูนย์กลางอำนาจด้วยตัวเองนั้น
เป็นเพราะสายสัมพันธ์ที่เขาเดินผ่านนั้นมักไม่จีรัง เขาคบกับใครได้ไม่นานทั้งๆที่เขาคบกับใครได้ไม่นานทั้งๆที่เขาเองก็เป็นคนนอบน้อมถ่อมตน
เรื่องการให้บริการผู้หลักผู้ใหญ่ของเขาคนในวงการรู้จักดีว่าประทับใจขนาดไหน
"บางทีผู้หลักผู้ใหญ่ไปเที่ยวถึงฮ่องกง เขาก็ยังสู้อุตส่าห์บินไปให้บริการ
แต่การต้องผ่านหลายทอดหลายต่อนั้นทำให้เขาสิ้นเปลืองมาก และอ่อนล้าไปในที่สุด
สายสัมพันธ์ถึงหลุดไปในบางครั้ง" คนในวงการคนเดิมกล่าว
แต่บางคนที่คบกับเขามาก็บอกว่า เขาเหนียวมากจนต้องมีเรื่องบาดหมางกัน!
แล้วสุดท้ายบริษัทเงินทุนของเขาก็ต้องถูกยึดแล้วรวมบริษัทเป็นบรษัทเงินทุนสินวัฒนาในปัจจุบัน
โครงการตึกทองที่เขาวาดหวังจะเป็นผลงานชิ้นเอกของเขาก็ต้องล่มสลายลง แม้จะพยายามฟื้นมันขึ้นมาหลายครั้ง
แต่ก็ล้มเหลวมาตลอดระยะเวลาร่วม 5 ปีที่ผ่านมา
ธวัชชัยเงียบหายไปจากวงการ เก็บตัวอยู่เงียบๆบนตึกเงินทุนแหลมทองข้างๆโรงแรมเอเชีย
กรผลักดันฟื้นฟูตึกทองในระยะ 2 ปีมานี้ดูเขาอ่อนล้าคนที่ออกมาวิ่งพบคนนั้นคนนี้แทนเขาในปัจจุบันก็คือ
ณัชชัย ถาวรธวัช ลูกชายของเขาเอง
คนในกระทรวงการคลังและเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มคุ้นเคยลูกชายมากกว่าผู้เป็นพ่อ
ดูลูกจะมีพลังมากกว่าพ่อในการทำให้คนทั้งสองหน่วยงานนี้รู้จักเขาในเวลาอันรวดเร็ว!?
ดูเหมือนณัชชัยจะรู้จักกับพิษสงของข้าราชการประจำดีจากบทเรียนของพ่อของเขา
เขาจึงไม่ทุ่มเทมากเหมือนพ่อ และเขาไม่เข้าสู่ศูนย์อำนาจโดยอาศัยสายสัมพันธ์ของคนอื่นอีกต่อไปแล้ว
"ณัชชัยวิ่งเข้าสู่ศูนย์อำนาจโดยตรง ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับการเมืองมันเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
ซึ่งเป็นยุคที่บทบาทของข้าราชการประจำตกต่ำการเข้าศูนย์อำนาจสำหรับกลุ่มทุนก็ดูง่ายดาย
แล้วโชคดีก็เข้าข้างเขาสำหรับวันนี้" คนในวงการการเมืองวิเคราะห์ให้ฟัง
วันนี้รายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทสุขุมวิทคอนโดมิเนียมเจ้าของโครงการตึกทองจึงปรากฎชื่อของคุณหญิงบุญเรือน
ชุณหะวัณแม่บ้านนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันถืออยู่ด้วยถึง 15,000 หุ้นซึ่งพึ่งจะโอนเข้ามาเมื่อกลางปีที่ผ่านมาก่อนมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดปัจจุบันเพียงไม่กี่เดือน
"เป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงฝีมือของณัชชัยเขา" คนที่มีส่วนร่วมในโครงการตึกทองคนหนึ่งพูดถึงเขาด้วยความหวัง
นอกจากคุณหญิงบุญเรือนแล้วยังมีชื่อของ พันธ์กรอง หงส์ลดารมภ์ ภรรยาของทองฉัตร
หงส์ลดารมภ์ถืออยู่ด้วย 1,000 หุ้น ณัชชัยสามารถสร้างความสัมพันธ์ต่อผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเขาได้แนบสนิทอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่ต้องยอมรับในฝีมือของคนหนุ่มคนนี้เขาร่วมกับผู้ใหญ่กลุ่มเดียวกันนี้เปิดห้องอาหารขนาดย่อมๆขึ้นอีกแห่งเพื่อเป็นที่พบปะกันชื่อว่า
"บางพระฟาร์ม" ขายอาหารทะเลชนิดที่ยกโป๊ะมาจากบางพระเลยทีเดียว""เกือบทุกเย็นณัชชัยพร้อมด้วยพาหนะของเขา
เบนซ์ 500 เอสอีแอล.จะไปถึงห้องอาหารบางพระฟาร์ม เพื่อดูแลกิจการและให้บริการต้อนรับผู้หลักผู้ใหญ่ที่เขาเคารพนับถือกันหลายคน
และมันก็เหมือนประตูสวรรค์อันกว้างใหญ่ที่จะนำเขาสู่บันไดขั้นต่อๆไปหากรัฐบาลชุดนี้ไม่ถึงการล่มสลายไปเสียก่อน"
คนที่สังเกตการณ์การเคลื่อนไหวให้ความเห็นกับ "ผู้จัดการ"
และตึกทองที่กำลังจะกลายเป็นตึกตระกั่วลงทุกขณะก็คงจะฟื้นคืนมาเป็นตึกทองอีกครั้งจนได้ในวันหนึ่ง!