ณัชชัย ถาวรธวัช ลูกไม้หล่นไม่เคยไกลต้น


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2532)



กลับสู่หน้าหลัก

ถ้าพูดถึง ณัชชัย ถาวรธวัช ในวงกว้างอาจจะไม่ค่อยมีใครรู้จักเขาเลยก็ได้ แต่ถ้าว่ากันเฉพาะในวงการนายหน้าซื้อขายที่ดินซึ่งเป็นธุรกิจที่กำลังบูมเป็นผีพุ่งใต้อยู่ใในปัจจุบัน เขาก็คือบุคคลที่อยู่ในบัญชีรายชื่อของบรรดานายหน้าทั้งหลาย และสำหรับนายหน้าหรือนักค้าที่ดินที่เคยติดต่อกับเขามาบ้างแล้ว บางคนอาจจะรู้จักเขาดีเกินกว่าคำอธิบายขนอง "ผู้จัดการ" ในบรรทัดต่อไปนี้เสียอีก

ณัชชัยก็เหมือนกับก็คนหนุ่มไฟแรงทั่วๆไปที่หัวใจของเขารุ่มร้อนไปด้วยความใฝ่ฝันทะเยอทะยาน ปีนี้เขาพึ่งจะอายุ 30 ขวบปีพอดี

ในสายตาของนายหน้าค้าที่ดินมือใหม่ ย่อมรู้จักเขาในฐานะลูกชายนายห้างใหญ่ ธวัชชัย ถาวรธวัช อดีตเจ้าของทรัสต์หรือบริษัทเงินทุน รวมไปถึงกิจการลิสซิ่งซึ่งหลายแห่งร่ำรวยมหาศาล แม้กิจการเหล่านั้นจะถูกโอนมาเป็นของรัฐภายใต้ชื่อโครงการ 4 เมษา อันอื้อฉาวยาวนานกว่ากึ่ง

ทศวรรต มาแล้วบางส่วนก็ตามแต่ฐานะของผู้อยู่เบื้องหลังของหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้ตกต่ำไปอย่างที่คิด

"บางคนกล่าวหาว่าเขาล้มบนฟูก แต่สำหรับผมผมเชื่อว่าเขาไม่ได้ล้มเสียด้วยซ้ำ" คนใกล้ชิดตระกูล "ถาวรธวัช" คนหนึ่งกล่าวกับ "ผู้จัดการ"

ณัชชัยไม่ชอบเปิดตัวต่อสื่อมวลชนเท่าใดนัก "ผู้จัดการ" ติดต่อสัมภาษณ์เขาหลายครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธมาอย่างสุภาพว่าเขายังไม่พร้อม ไม่เฉพาะกับสื่อมวลชนเท่านั้น เขาไม่ค่อยจะยุ่งเกี่ยวกับใครที่อยู่นอกเส้นทางธุรกิจของเขา

แม้แต่คนที่ใกล้ชิดกับณัชชัยมากๆ ก็ยังบอกว่าไม่กล้าที่จะยืนยันว่าเขารู้จักกับณัชชัยดีพอ!

"รู้จักก็เหมือนไม่รู้จัก ไม่มีใครรู้จักตัวของเขาจริงๆ ในเรื่องส่วนตัวของเขาบางคนบอกว่านอกจากความเป็นลูกนายห้างแล้ว เขายังเป็นหนุ่มนักเรียนนอกที่มีดีกรีจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ซึ่งบางคนก็ได้ยินมาว่าเขาจบทางด้านวิศวกร นั่นมักจะได้ยินในขณะที่สนทนาเรื่องการก่อสร้าง แต่บางคนที่อยู่ในแวดวงการเงิน ซึ่งเขามีชื่อเป็นกรรมการบริษัทเงินทุนสินวัฒนาด้วยก็มักจะได้ยินว่าณัชชัยจบมาทางด้านเศรษฐศาสตร์"คนที่คุ้นเคยกับณัชชัยเล่าให้ฟัง

นั่นก็ยังไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจนัก สิ่งที่น่าจับตามองสำหรับคนหนุ่มคนนี้อยู่ที่บทบาทของเขาซึ่งกำลังจะนำตัวเองสู่ "วงจรอำนาจเพื่อธุรกิจ" โดยการสนับสนุนส่งเสริมเป็นอย่างดีจากผู้เป็นพ่อ

เช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อที่เดินมาได้เกินกว่าครึ่งแล้ว จะเรียกว่าเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวที่พอจะสานต่อจากผู้เป็นพ่อจนกว่าจะถึงเป้าหมายก็คงไม่ผิดนัก

แต่คนชื่อ ณัชชัย ถาวรธวัช จะแบกรับภารกิจไปสิ้นสุด ณ จุดใดนั้นเวลาย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์โดยเฉพาะการผลักดันโครงการ "ตึกทอง" ซึ่งกำลังกลายเป็น "ตึกตะกั่ว" ลงไปทุกขณะให้กลับกลายขึ้นมาเป็นตึกทองกันอีกครั้ง

ธวัชชัย ถาวรธวัช ผู้เป็นพ่อเติบโตมาจากการค้าขายกระเบื้องดินเผามุงหลังคา จากชายฝั่งทะเลตะวันออกเขารุกคืบเขามาเมืองกรุงขายกระเบื้องมุงหลังคาโบสถ์ให้แก่วัดต่างๆ จนประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่กลายมาเป็นเจ้าของทรัสต์

เขาสะสมทุนจากการขายกระเบื้องมาเล่นที่ดินแบบซื้อมาขายไป ก่อนที่จะนำตัวเองเข้าสู่ธุรกิจการพัฒนาที่ดิน กล่าวกันว่าหมู่บ้านเสนานิเวศน์ที่กลายมาเป็นหมู่บ้านเจ้าปัญหา คนซื้อไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ซื้อ กว่าจะรู้ว่าไม่มีกรรมสิทธิ์ก็กินเวลาไปกว่า 20 ปีซะแล้ว นั่นก็ธวัชชัยมีส่วนผลักดันเสนอโครงการต่อกลุ่มรัตนรักษ์ด้วยคนหนึ่ง

กลุ่มรัตนรักษ์เป็นคนออกเงิน ธวัชชัยเป็นคนคุมโครงการเป็นจังหวะก้าวเข้ามาสู่วงการธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นพร้อมๆกับการสะสมทุน ทั้งจากการบริหารโครงการและจับที่ดินแบบซื้อมาขายไป ในช่วงเดียวกันเขาก็ก้าวขึ้นสู่การเป็นเจ้าของกิจการเงินทุนได้อย่างรวดเร็ว

ธวัชชัยรวบรวมสมัครพรรคพวกบางส่วนที่เคยทำโครงการหมู่บ้านเสนานิเวศน์มาด้วยกันมาทำโครงการ "ตึกทอง" ตั้งบริษัทสุขุมวิทคอนโดมิเนียมดึงกลุ่ม ศรีเฟื่องฟุ้งเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งเป็นประตูที่สำคัญอีกครื้งหนึ่งที่เปิดตัวเข้าสู่จอห์นนี่มาร์และนักลงทุนจากจีนแดง ซึ่งต่อเนื่องมาเป็นหนี้ธนาคารสยาม 200 กว่าล้านในปัจจุบัน

ธวัชชัยพยายามปีนป่ายเข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจเพื่อธุรกิจ แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ลึกที่สุดก็เพียงข้าราชการประจำระดับผู้อำนวยการกองในบางกระทรวงทบวงกรมเท่านั้น โดยเฉพาะในกระทรวงการคลังและแบงก์ชาติ ส่วนศูนย์อำนาจทางการเมืองเรียกว่าเขายังเข้าไม่ถึงด้วยตัวของเขาเองสักที

"อย่างมากก็ขอความช่วยเหลือโดยผ่านคนอื่นอีกต่อหนึ่งโดยเฉพาะในช่วงเกิดวิกฤติการณ์ทรัสต์ เริ่มตั้งแต่การปิดราชาเงินทุน มาถึงปิดทรัสต์ในกลุ่มของสุพจน์ เดชกุญธร และกำลังจะต่อเนื่องมาถึงเขา ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับกลุ่มสากลเคหะของตระกูลตุณวัฒนจิต กลุ่มส่งเสริมเงินทุนไทยของตระกูลปัจฉิมสวัสดิ์-สุวรรณภาศรี และกลุ่มเอราวัณทรัสต์ของตระกูลจิรชนานนท์ ยิ่งทำให้เขาเห็นถึงความสำคัญของการเข้าสู่วงจรอำนาจเพื่อธุรกิจของเขาอย่างมาก"คนในวงการเงินคนหนึ่งเล่าให้"ผู้จัดการ"ฟัง

บางคนวิเคราะห์สาเหตุที่ธวัชชัยเข้าไม่ถึงศูนย์กลางอำนาจด้วยตัวเองนั้น เป็นเพราะสายสัมพันธ์ที่เขาเดินผ่านนั้นมักไม่จีรัง เขาคบกับใครได้ไม่นานทั้งๆที่เขาคบกับใครได้ไม่นานทั้งๆที่เขาเองก็เป็นคนนอบน้อมถ่อมตน เรื่องการให้บริการผู้หลักผู้ใหญ่ของเขาคนในวงการรู้จักดีว่าประทับใจขนาดไหน

"บางทีผู้หลักผู้ใหญ่ไปเที่ยวถึงฮ่องกง เขาก็ยังสู้อุตส่าห์บินไปให้บริการ แต่การต้องผ่านหลายทอดหลายต่อนั้นทำให้เขาสิ้นเปลืองมาก และอ่อนล้าไปในที่สุด สายสัมพันธ์ถึงหลุดไปในบางครั้ง" คนในวงการคนเดิมกล่าว

แต่บางคนที่คบกับเขามาก็บอกว่า เขาเหนียวมากจนต้องมีเรื่องบาดหมางกัน!

แล้วสุดท้ายบริษัทเงินทุนของเขาก็ต้องถูกยึดแล้วรวมบริษัทเป็นบรษัทเงินทุนสินวัฒนาในปัจจุบัน โครงการตึกทองที่เขาวาดหวังจะเป็นผลงานชิ้นเอกของเขาก็ต้องล่มสลายลง แม้จะพยายามฟื้นมันขึ้นมาหลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลวมาตลอดระยะเวลาร่วม 5 ปีที่ผ่านมา

ธวัชชัยเงียบหายไปจากวงการ เก็บตัวอยู่เงียบๆบนตึกเงินทุนแหลมทองข้างๆโรงแรมเอเชีย กรผลักดันฟื้นฟูตึกทองในระยะ 2 ปีมานี้ดูเขาอ่อนล้าคนที่ออกมาวิ่งพบคนนั้นคนนี้แทนเขาในปัจจุบันก็คือ ณัชชัย ถาวรธวัช ลูกชายของเขาเอง

คนในกระทรวงการคลังและเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มคุ้นเคยลูกชายมากกว่าผู้เป็นพ่อ ดูลูกจะมีพลังมากกว่าพ่อในการทำให้คนทั้งสองหน่วยงานนี้รู้จักเขาในเวลาอันรวดเร็ว!?

ดูเหมือนณัชชัยจะรู้จักกับพิษสงของข้าราชการประจำดีจากบทเรียนของพ่อของเขา เขาจึงไม่ทุ่มเทมากเหมือนพ่อ และเขาไม่เข้าสู่ศูนย์อำนาจโดยอาศัยสายสัมพันธ์ของคนอื่นอีกต่อไปแล้ว

"ณัชชัยวิ่งเข้าสู่ศูนย์อำนาจโดยตรง ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับการเมืองมันเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ซึ่งเป็นยุคที่บทบาทของข้าราชการประจำตกต่ำการเข้าศูนย์อำนาจสำหรับกลุ่มทุนก็ดูง่ายดาย แล้วโชคดีก็เข้าข้างเขาสำหรับวันนี้" คนในวงการการเมืองวิเคราะห์ให้ฟัง

วันนี้รายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทสุขุมวิทคอนโดมิเนียมเจ้าของโครงการตึกทองจึงปรากฎชื่อของคุณหญิงบุญเรือน ชุณหะวัณแม่บ้านนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันถืออยู่ด้วยถึง 15,000 หุ้นซึ่งพึ่งจะโอนเข้ามาเมื่อกลางปีที่ผ่านมาก่อนมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดปัจจุบันเพียงไม่กี่เดือน

"เป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงฝีมือของณัชชัยเขา" คนที่มีส่วนร่วมในโครงการตึกทองคนหนึ่งพูดถึงเขาด้วยความหวัง

นอกจากคุณหญิงบุญเรือนแล้วยังมีชื่อของ พันธ์กรอง หงส์ลดารมภ์ ภรรยาของทองฉัตร หงส์ลดารมภ์ถืออยู่ด้วย 1,000 หุ้น ณัชชัยสามารถสร้างความสัมพันธ์ต่อผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเขาได้แนบสนิทอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ต้องยอมรับในฝีมือของคนหนุ่มคนนี้เขาร่วมกับผู้ใหญ่กลุ่มเดียวกันนี้เปิดห้องอาหารขนาดย่อมๆขึ้นอีกแห่งเพื่อเป็นที่พบปะกันชื่อว่า "บางพระฟาร์ม" ขายอาหารทะเลชนิดที่ยกโป๊ะมาจากบางพระเลยทีเดียว""เกือบทุกเย็นณัชชัยพร้อมด้วยพาหนะของเขา เบนซ์ 500 เอสอีแอล.จะไปถึงห้องอาหารบางพระฟาร์ม เพื่อดูแลกิจการและให้บริการต้อนรับผู้หลักผู้ใหญ่ที่เขาเคารพนับถือกันหลายคน และมันก็เหมือนประตูสวรรค์อันกว้างใหญ่ที่จะนำเขาสู่บันไดขั้นต่อๆไปหากรัฐบาลชุดนี้ไม่ถึงการล่มสลายไปเสียก่อน" คนที่สังเกตการณ์การเคลื่อนไหวให้ความเห็นกับ "ผู้จัดการ"

และตึกทองที่กำลังจะกลายเป็นตึกตระกั่วลงทุกขณะก็คงจะฟื้นคืนมาเป็นตึกทองอีกครั้งจนได้ในวันหนึ่ง!



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.