ค่าเช่าท่อล็อตแรก1.5พันล.


ผู้จัดการรายวัน(4 มิถุนายน 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

"คลัง-ปตท." บรรลุข้อตกลงจ่ายค่าเช่าท่อก๊าซหลังศาลปกครองพิพากษาให้โอนคืนกรมธนารักษ์ พร้อมจ่ายค่าเช่าย้อนหลังตั้งแต่ปี 44-50 รวมดอกเบี้ย 1.5 พันล้านบาท พร้อมเซ็นสัญญาเช่าต่อ 30 ปี จนถึงปี 80 ระบุค่าเช่าเฉลี่ยปีละ 400 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 550 ล้านบาทตามสูตรคำนวณเดิม เตรียมรายงานศาลปกครองพิจารณาว่าได้ดำเนินการตามคำสั่งเรียบรอยหรือยัง

นางพันธ์ทิพย์ สุรทิณฑ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยภายหลังลงนามในสัญญาให้ใช้ที่ราชพัสดุที่แบ่งแยกให้กระทรวงการคลังในการดำเนินกิจการของ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) PTT โดยมีค่าตอบแทนว่า สืบเนื่องจากศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2550 ให้ปตท.แบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สิทธิการใช้ที่ดินเหนือที่ดินของเอกชนเพื่อวางระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ รวมถึงทรัพย์สินที่ประกอบกันเป็นระบบขนส่งปิโตรเลียมทางท่อให้แก่กระทรวงการคลัง โดยให้ปตท.ยังคงมีสิทธิใช้ที่ราชพัสดุดังกล่าวต่อไป แต่ต้องจ่ายค่าตอบแทนทรัพย์สินส่วนที่ได้แบ่งแยกมาแล้ว

โดยเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ในฐานะตัวแทนกระทรวงการคลังจึงร่วมกับปตท. ลงนามสัญญาเพื่อให้ปตท.ใช้ทรัพย์สินดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลา 30 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551-31 ธันวาคม 2580 ซึ่งปตท.จะต้องชำระค่าตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2544-31 ธันวาคม 2550 เป็นเงิน 1,330 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5%ต่อปี จำนวน 266 ล้านบาท รวมเป็นเงินประมาณ 1,596 ล้านบาท ซึ่งค่าตอบแทนส่วนนี้คำนวณจากส่วนแบ่งรายได้จากค่าผ่านท่อ โดยกำหนดขั้นต่ำไว้ที่ปีละ 180 ล้านบาท และไม่เกิน 550 ล้านบาทต่อปี

สำหรับทรัพย์สินจากการแบ่งแยกและส่งมอบให้กระทรวงการคลังมีดังนี้ ที่ดินจากการเวนคืนเนื้อที่ 32 ไร่ในเขตจังหวัดสมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง มูลค่าสุทธิทางบัญชีเมื่อ 30 กันยายน 2544 รวม 1 ล้านบาท สิทธิการใช้ที่ดินเอกชนเพื่อวางระบบท่อซึ่งปตท.ช่วงเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยใช้อำนาจมหาชนของรัฐเหนือที่ดินเอกชนบังคับมา มีมูลค่าทางบัญชีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2544 รวม 1,137 ล้านบาท ทรัพย์สินที่เป็นระบบท่อส่งก๊าซ(ท่อหลัก)รวม 14,808 ล้านบาท และทรัพย์สินที่เป็นระบบท่อจำหน่ายก๊าซ(ท่อย่อย) อีก 229 ล้านบาท รวมแล้ว 16,175 ล้านบาท

ด้านนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า ภายหลังจากชำระค่าตอบแทนย้อนหลังให้กระทรวงการคลังในครั้งนี้ 1,596 ล้านบาทแล้ว จากนี้ทุกปี ปตท.จะต้องจ่ายค่าเช่าจากการใช้ที่ดินและท่อ ซึ่งคาดปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท โดยจะชำระในวันสิ้นปี ต่อจากนั้นทุกปีก็จะชำระค่าเช่าซึ่งเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท ไม่ต่ำกว่านี้ แต่จะไม่เกิน 550 ล้านบาท

"ปตท.จะจ่ายค่าเช่าเฉพาะทรัพย์สินตามที่ศาลสั่งคือในส่วนที่เวนคืนจากเอกชน และส่วนที่รอนสิทธิมา ส่วนที่ดินที่ขออนุญาตจากรัฐ เช่น พื้นที่วางท่อก๊าซผ่านพื้นที่ป่าทองผาภูมิหรือผ่านทะเล ปตท.ไม่ต้องเช่า เพราะถือว่าตอนขออนุญาตวางท่อมีสัญญาว่าปตท.มีสิทธิใช้ ซึ่งจากนี้ปตท.จะต้องรายงานข้อมูลการโอนและชำระเงินทั้งหมดต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อพิจารณาความถูกต้องต่อไป" นายประเสริฐกล่าว

สำหรับการประเมินมูลค่ารายการตามสัญญาดังกล่าว ใช้วิธีมูลค่ารวมตามมูลค่า ณ ปัจจุบัน (Net Present Value) ในอัตราส่วนลดที่ 8.5% ซึ่งเป็นอัตราที่สมเหตุสมผลและสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงในปัจจุบัน เพราะเป็นอัตราเดียวกับอัตราผลตอบแทนการลงทุนใหม่ (Return on Invested Capital) ในกิจการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันประมาณ 5,904 ล้านบาทสำหรับค่าใช้สินทรัพย์ตลอดระยะเวลา 30 ปีหรือคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันประมาณ 7,473 ล้านบาทหากรวมค่าใช้ทรัพย์สินย้อนหลังตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2544 ถึง 31 ธันวาคม 2550 รวมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี จำนวนประมาณ 1,596 ล้านบาท

ด้านนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมธนารักษ์ กล่าวว่า เมื่อปตท.ส่งรายงานต่อศาลแล้ว ศาลจะพิจารณาว่าการคืนและมูลค่าทรัพย์สินที่โอนให้มานั้นครบถ้วนตามคำพิพากษาหรือไม่


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.