|
กาแฟดีเซเว่นแก้จุดบอดโชห่วยเบรกแผนรุกชูกำลัง-สปอร์ตดริงก์
ผู้จัดการรายวัน(3 มิถุนายน 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
ดีเซเว่น เบรกแผนลุยเครื่องดื่มชูกำลัง – สปอร์ตดริงก์ ระบุสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้อต่อการลงทุนใหม่ รีโพซิชั่นนิงกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มใหม่ อัดฉีด 100 ล้านบาท รุกขยายฐานลูกค้าวัยทำงาน ดึงป๋อ – ณัฐวุฒิ ขึ้นแท่นเป็นพรีเซ็นเตอร์ แก้จุดบอดเพิ่มเอเยนต์ทะลวงเทรดดิชันนัลเทรด สิ้นปีหวังแชร์ 5% ตั้งเป้า 4 ปี สู่อันดับ 3 ครองแชร์ 10-15%
นายพิชญ ส่งศักดิ์สกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยแอทลาสโกลบอลฟูด จำกัด หรือทีเอจีเอฟ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มดีเซเว่น เปิดเผยว่า หลังจากที่เปิดตัวกาแฟพร้อมดื่มดีเซเว่นลงสู่ตลาดมากว่า 6 เดือน ปรากฎว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมีส่วนแบ่ง 3% จากมูลค่า 9,500 ล้านบาท ดังนั้นบริษัทฯจึงได้วางแผนการตลาดในเชิงรุก โดยรีโพซิชันนิงกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มดีเซเว่นใหม่ เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายวัยทำงาน จากที่ผ่านมามุ่งเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มคนขับรถและคนเดินทางเป็นหลัก
ล่าสุดได้ทุ่มงบประมาณ 100 ล้านบาท จากงบทั้งปี 500 ล้านบาท ดำเนินการทำตลาดอย่างครบวงจร ทั้งบีโลว์เดอะไลน์และอะโบฟเดอะไลน์ นำร่องเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่ 2 เรื่อง โดยดึงป๋อ-ณัฐวุฒิ สะกิดใจ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เนื่องจากมีไลฟ์สไตล์และตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายวัยทำงาน พร้อมกันนี้ยังได้จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯตั้งเป้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มวัยทำงานเพิ่มจาก 30% เป็น 60-70% ส่วนคนขับรถและคนเดินทางลดลงจาก 70% เหลือเป็น 30-40%
นอกจากนี้ปีนี้บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นเพิ่มตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีเพียง 10 ราย สามารถกระจายสินค้าได้ไม่ถึง 20% ซึ่งตั้งเป้าหมายจะเพิ่มขึ้นเป็น 50 ราย เพื่อกระจายสินค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะช่องทางเทรดดิชันนัลเทรด เนื่องจากบริษัทฯตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายใน 4 ปีข้างหน้านี้จะขึ้นเป็นอันดับ 3 ของตลาดด้วยการครองส่วนแบ่ง 10-15% ซึ่งสิ้นปีนี้ดีเซเว่นตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 5% จากปัจจุบันเบอร์ดี้เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 60% เนสกาแฟ 25% ส่วนอันดับ 3 ยังไม่มีแบรนด์ใดที่รั้งตำแหน่ง
ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจปีนี้ที่ชะลอตัวลง การเมืองขาดเสถียรภาพ แผนการแตกไลน์เครื่องดื่มชูกำลังและสปอร์ตดริงก์ต้องชะลอไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้อต่อการลงทุน ส่วนตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มมูลค่า 9,500 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรกมีภาวะทรงตัว เนื่องจากผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย แต่คาดว่าทั้งปีจะมีอัตราการเติบโต 5% อย่างไรก็ตามแนวโน้มการแข่งขันปีนี้มีความรุนแรงมากขึ้น เพราะมีผู้ประกอบการรายใหม่จะเข้ามาทำตลาด
นายพิชญ กล่าวว่า ช่วงเวลานี้บริษัทฯจึงมุ่งเน้นทำตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มให้เป็นแบรนด์ที่ติดตลาดก่อน ขณะเดียวกันยังต้องเน้นการบริหารการจัดการด้านต้นทุน เพราะขณะนี้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นเกือบ 1 บาท โดยมาจากนมและกระป๋อง อย่างไรก็ตามหากกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มดีเซเว่นได้รับความนิยม บริษัทฯจะรุกตลาดกาแฟทรีอินวัน ซึ่งปัจจุบันผลิตและวางจำหน่าย แต่ยังไม่ได้มีการทำตลาดอย่างจริงจัง ส่วนในปีหน้านี้จะเปิดตัวกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม 2 รสชาติใหม่ โดยไม่มีแผนแตกกาแฟเซกเมนต์พรีเมียม เนื่องจากตลาดเล็กมีมูลค่าเพียง 300-500 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|