ถึงทีตลาดเกิดใหม่ท่องโลก


นิตยสารผู้จัดการ( มิถุนายน 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

ประเทศตลาดเกิดใหม่ ซึ่งเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่กำลังพลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมการเดินทางท่องเที่ยวโลก

เมื่อคุณเดินทางไปถึงสนามบินนานาชาติดูไบ คุณต้องนั่งรถบัสจากเครื่องของคุณไปยังอาคารผู้โดยสาร ซึ่งกินเวลาเกือบ 15 นาที ไม่ใช่เพราะดูไบไร้ประสิทธิภาพ ตรงข้าม เป็นเพราะแม้เป็นเพียงรัฐเล็กๆ รัฐหนึ่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ดูไบมีสนามบินที่กว้างใหญ่มาก กระนั้นก็ยังต้องขยายสนามบินแห่งใหม่อย่างเร่งด่วน เพราะ สนามบินนี้ยังเล็กเกินกว่าที่จะรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้าสู่ดูไบอย่างไม่ขาดสายได้ ผู้ปกครองดูไบจึงกำลังสร้างสนามบินแห่งใหม่ที่เมืองท่า Jebel Ali ห่างจากสนามบินนี้ไป 35 กิโลเมตร และมีกำหนดจะเปิดให้บริการในปี 2017 โดยสนามบินแห่งใหม่ออกแบบ เพื่อให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยว 120 ล้านคนต่อปี และคาดว่าจะเป็นสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในโลก ประเทศตลาดเกิดใหม่ซึ่งเศรษฐกิจกำลังเจริญรุ่งเรือง กำลังเป็นความหวังครั้งใหญ่ของโลกอุตสาหกรรมเดินทางและท่องเที่ยว ดูไบดูจะเป็นตัวอย่างที่แจ่มกระจ่างที่สุด ดูไบมีปริมาณสำรองน้ำมันน้อยที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จึงพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้ ตัวเองเป็นศูนย์กลางการเงิน การเดินทางและการท่องเที่ยวระดับ high class ของภูมิภาค ดูไบกำลังสร้างเกาะรีสอร์ต สุดหรูที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนต้นปาล์ม 3 แห่ง คือ Palm Jumeirah, Palm Jebel Ali และ Palm Deira โรงแรม Burj al-Arab ซึ่งมีหน้าตาเหมือนใบเรือและตั้งอยู่บนเกาะที่สร้างด้วยฝีมือมนุษย์อีกแห่งของดูไบ เป็นโรงแรมสุดหรูระดับ 7 ดาวแห่งเดียวในโลก แน่นอนว่าต้องมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ในโรงแรมแห่งนี้ ดูไบยังอวดว่ามีลานสกีในร่มแห่ง แรกของตะวันออกกลาง 30% ของ GDP ของดูไบได้มาจากธุรกิจการเดินทางและท่องเที่ยว แต่ Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum ยังปรารถนาจะให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตมากกว่านี้ เขาคือผู้ผลักดันการก่อสร้าง Dubailand อาณาจักรบันเทิงและท่องเที่ยวที่ประกอบด้วย 7 ส่วนหลัก ซึ่งเทียบได้กับ Disneyland ภายในปี 2015 Dubailand ตั้งเป้าหมายจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ได้ 15 ล้านคน หรือ ประมาณ 40,000 คนต่อวัน

ด้วยความหรูหราฟู่ฟ่าของดูไบ จึงไม่แปลกที่ World Travel & Tourism Council (WTTC) กลุ่มส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสำคัญระดับโลก เลือกดูไบเป็นสถานที่จัดประชุมประจำปีเมื่อเดือนเมษายน แม้ว่าผู้เข้าร่วมประชุม WTTC อาจจะมีเหตุผลมากมายให้วิตกกังวล ไม่ว่าจะเป็นค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนแอ ราคาน้ำมันและอาหารที่แพงลิ่ว เศรษฐกิจอเมริกาที่ตั้งท่าจะ ถดถอย และวิกฤติสินเชื่อที่เกิดขึ้นทั้งสอง ฟากฝั่งของแอตแลนติก แต่ WTTC กลับยังสดชื่นแจ่มใส ยังคงหวังว่าคนอเมริกัน จะยังคงเดินทาง แม้ว่าอาจจะกระเหม็ดกระแหม่มากขึ้น WTTC ยังหวังอีกด้วยว่า นักท่องเที่ยวที่มาจากตลาดเกิดใหม่หรือเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศตลาดเกิดใหม่ จะช่วยชดเชยความอยากเที่ยวที่ลดลงในโลกพัฒนาแล้วได้ ความรุ่งเรืองของตลาดเกิดใหม่นับเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมเดินทางท่องเที่ยวครั้งที่ 3 ซึ่งเกิดขึ้นมาเป็นเวลา 50 ปีแล้ว การปฏิวัติครั้งแรกเกิดขึ้นในทศวรรษ 1960 คือการเกิดขึ้นของการเดินทางโดยเครื่องบินราคาถูกและการท่องเที่ยวแบบ แพ็กเกจทัวร์ รายได้ที่เพิ่มขึ้นทำให้คนที่มีรายได้ปานกลางสามารถเดินทางได้มากขึ้น ไปยังส่วนที่ไกลกว่าของโลก รวมทั้งได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวแบบเหมาจ่ายซึ่งรวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างไว้แล้ว ตั้งแต่ค่าเที่ยวชมวิวทิวทัศน์ ดำน้ำ หรือขี่อูฐ การ ปฏิวัติครั้งที่ 2 คือการมาถึงของอินเทอร์เน็ต ซึ่งทำให้คนหลายล้านคนสามารถจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม เช่ารถและซื้อแพ็กเกจ ได้โดยไม่จำเป็นต้องออกนอกบ้านแม้แต่ก้าวเดียว

ขณะนี้ตลาดเกิดใหม่ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่เพียงแต่ดูไบแต่ยังรวมถึงกลุ่มที่เรียกว่า BRICs อันหมายถึงบราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน รวมทั้งประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ อย่างเกาหลีใต้และเวียดนาม กำลังเปลี่ยนแปลงโลกแห่งการเดินทางอีกครั้ง โดยเป็น ทั้งจุดหมายของการท่องเที่ยวและเป็นแหล่งของนักท่องเที่ยวที่เพิ่งร่ำรวยใหม่ พลเมืองของประเทศเหล่านี้มักชอบไปเที่ยวในประเทศที่เพิ่งเจริญรุ่งเรืองเหมือนกับตน ปีที่แล้ว คนรัสเซียเดินทางไปต่างประเทศทั้งหมด 34.3 ล้านครั้ง เพิ่มจาก 29.1 ล้านครั้งในปี 2006 โดยนิยมไปเที่ยวตุรกีมากที่สุด ตามด้วยจีนและอียิปต์ ส่วนชาวจีนนิยม ไปเที่ยวเวียดนามมากที่สุด WTTC อ้างว่า การเดินทางและท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อมองในแง่สัดส่วนที่มีอยู่ใน GDP ทั่วโลกและการจ้างงาน WTTC พยากรณ์ว่าการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกจะมีมูลค่า 5.9 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในปี 2008 หรือประมาณ 10% ของ GDP ทั่วโลกและจ้างงาน 238 ล้านคน ซึ่งคาดว่า จะจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกเป็น 296 ล้านคนในอีก 10 ปีข้างหน้า อันที่จริง การประเมินขนาดอุตสาหกรรมเดินทางท่องเที่ยวไม่อาจวัดอย่างตรงไปตรงมาได้ เมื่อนับรวมการเดินทางและท่องเที่ยว เข้าด้วยกัน จึงต้องนับรวมทุกอย่างตั้งแต่สายการบินไปจนถึงร้านกาแฟ จึงไม่แปลกที่ขนาดของอุตสาหกรรมประเภทนี้ที่ WTTC ประเมินจึงมีขนาดใหญ่นัก แต่ร้านอาหารไม่อาจบันทึกแยกแยะได้ว่าขายอาหาร ให้แก่นักท่องเที่ยว นักธุรกิจที่เดินทางหรือคนในท้องถิ่นเอง

องค์การท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) วัดขนาด ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยการใช้วิธีนับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางไปถึงยังที่ต่างๆ ทำให้รู้แต่สถานที่ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว แต่ไม่อาจรู้ว่านักท่องเที่ยวเหล่านั้นมาจากที่ใดบ้าง ส่วนข้อมูลการเดินทางท่องเที่ยวจากชาติกำลังพัฒนาไม่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังมีงานหลายอย่างที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่นไกด์หรือคนขายของที่ระลึก แต่เป็นอาชีพ ที่แอบแฝง แม้ว่าธุรกิจท่องเที่ยวของ Sicily จะมีขนาดใหญ่มากอยู่แล้ว แต่อาจจะใหญ่กว่านี้อีกก็ได้ หากนับรวมอาชีพแอบแฝงที่ไม่ได้เสียภาษีเข้าไปด้วย

แม้จะยุ่งยากในการให้คำจำกัดความและวัดขนาดของอุตสาหกรรม แต่การเดินทางและท่องเที่ยวไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใด เป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่โตและเติบโต มีสัดส่วนสำคัญในรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศของหลายประเทศทั่วโลก สำหรับชาติกำลังพัฒนา อุตสาหกรรมนี้เป็นเส้นทางสำคัญที่นำพาประเทศออกจากความยากจน การขยายตัวและเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นของการท่องเที่ยว โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศตลาดเกิดใหม่ยังคงดำเนินต่อไป และหลังจากที่เคยเป็นเพียงคนทำงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว มาบัดนี้พลเมือง ของประเทศเหล่านี้กำลังเริ่มจะกลายเป็นนักท่องเที่ยวเสียเอง UNWTO ประเมินว่า การท่องเที่ยวระหว่างประเทศเติบโต 6% ในปีที่แล้วเป็น 900 ล้านคน (ดูกราฟ 1) ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 100 ล้านคนภายในเวลาเพียง 2 ปี ปีที่แล้วตะวันออกกลางต้อนรับนักท่องเที่ยว ต่างชาติเพิ่มขึ้น 13% เป็น 46 ล้านคน ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้น 10% เป็น 185 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาจากประเทศในเอเชียแปซิฟิกด้วยกันเอง แอฟริการับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 8% เป็น 44 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ส่วนปีนี้ UNWTO พยากรณ์ว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลกจะเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในเอเชียแปซิฟิก การคาดการณ์การเติบโตในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวน่าเชื่อถือน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการท่องเที่ยวอ่อนไหว ต่อเรื่องที่น่าตระหนกอย่างภัยธรรมชาติและการก่อการร้าย Amadeus บริษัทเทคโนโลยีการเดินทางชี้ว่า บริษัทท่องเที่ยวขนาดใหญ่ระดับโลก เสี่ยงน้อยกว่าบริษัทในท้องถิ่น เพราะสามารถชดเชยธุรกิจที่ขาดทุนในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ได้ด้วยธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้กำไรในส่วนอื่นของโลกที่ไม่ได้รับผลกระทบนั้น ในเวลา 1-2 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมเดินทางจะพบว่า ลูกค้า ระยะยาวจากชาติตะวันตกที่ร่ำรวยจะกลายเป็นแหล่งสร้างความเติบโตที่พึ่งพาได้น้อยลง ครอบครัวชาวอเมริกันที่วางแผนท่องเที่ยววันหยุดจะวิตกกับเศรษฐกิจที่อ่อนแอในประเทศของตนเอง ค่าใช้จ่าย น้ำมันที่เพิ่มขึ้น และสำหรับคนที่ทำธุรกิจนอกสหรัฐฯ ก็จะวิตกถึงค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนแอ ทำให้พวกเขาชะลอการจองทัวร์ออกไป เผื่อว่าจะได้ราคาที่ถูกกว่าในนาทีสุดท้าย

ดูเหมือนว่าชาวอเมริกันจะใช้จ่ายน้อยลงจริงๆ วันที่ 7 พฤษภาคม Orbitz บริษัทเดินทางออนไลน์แห่งหนึ่งของสหรัฐฯ ขาดทุน สุทธิในไตรมาสแรก 15 ล้านดอลลาร์ เทียบกับยอดขาดทุนสุทธิ 10 ล้านดอลลาร์ เมื่อ 1 ปีก่อน ธุรกิจหลักของบริษัทนี้อยู่ที่ลูกค้าในประเทศ ซึ่งลดต่ำลง 6% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบกับ 1 ปีก่อน โดยอยู่ที่ 2.4 พันล้านดอลลาร์

85% ของการเดินทางท่องเที่ยวในสหรัฐฯ เป็นตลาดในประเทศ มีพลเมืองอเมริกันเพียง 1 ใน 5 ที่มีหนังสือเดินทางสำหรับคนอเมริกันที่คิดจะเที่ยวต่างประเทศ อาจจะต้องการสิ่งล่อใจมากกว่าที่เคย โรงแรม บางแห่งในยุโรปเสนอลดราคาให้แก่นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันโดยเฉพาะ เพื่อช่วยชดเชยค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลง WorldHotels บริษัท ทำตลาดโรงแรมในยุโรป ยอมให้ชาวอเมริกันจองห้องของโรงแรมในยุโรป 52 แห่งได้ ในราคา 1 ต่อ 1 ยูโรต่อดอลลาร์ ซึ่งเท่ากับจะช่วยนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันให้ประหยัดไปได้ถึง 1 ใน 3 เมื่อคิดตามอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างยูโรต่อดอลลาร์ในปัจจุบัน ซึ่งค่าเงินยูโรแข็งกว่า อย่างไรก็ตาม WorldHotels ยังพบว่าธุรกิจตกลง 15% เพราะชาวอเมริกันจองห้องในโรงแรมยุโรปน้อยลงในช่วงไตรมาส แรกของปีนี้ แต่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังเชื่อมั่นว่าคนจะยังคงเดินทาง แม้ว่าอาจจะใช้จ่ายน้อยลง และนักเดินทางชาวยุโรปดูเหมือนจะตรงข้ามกับอเมริกัน ที่อย่างน้อยก็ยังได้รับประโยชน์จากการที่ค่าเงินยูโรแข็งแกร่ง และยังมีเรื่องดีอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นในยุโรป การขยายตัวของสายการบินต้นทุนต่ำทำให้การเดินทางระยะสั้นเพิ่มขึ้น การขยายเขต Schengen ในยุโรปไปอีก 9 ประเทศ ซึ่งเป็นเขตที่สามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องใช้หนังสือเดินทาง ทำให้การเดินทางภายในยุโรป ง่ายขึ้น การแข่งขันฟุตบอล Euro 2008 ในออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ และงานแสดง สินค้านานาชาติ Zaragoza International Expo ที่สเปน รวมทั้งการที่ Liverpool ครองความเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรป ล้วนแต่น่าจะเป็นผลดีต่อธุรกิจท่องเที่ยวทั้งสิ้น และยังจะช่วยทำให้สหภาพยุโรปยังคงครองส่วนแบ่งมากที่สุดในอุตสาหกรรมเดินทางท่องเที่ยวโลก ด้วยส่วนแบ่งตลาด 27.5% ในตลาดท่องเที่ยวโลก และยังครอง ตำแหน่งงานมากกว่า 10% ในอุตสาหกรรม ท่องเที่ยวด้วย กระนั้นก็ตาม ยุโรปยังคงได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง สายการบิน British Airways เพิ่งประกาศขึ้นค่า surcharge น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 312 ดอลลาร์ สำหรับเที่ยวบินระยะไกลแบบไปกลับไปยังอังกฤษ วันที่ 7 พฤษภาคม easyJet สายการบินต้นทุนต่ำเปิดเผยผลขาดทุน 57.5 ล้านปอนด์ในช่วง 6 เดือนแรก ที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรก มักจะเป็นช่วงธุรกิจอ่อนแอของบริษัท แต่ผลขาดทุนเมื่อ 1 ปีก่อนหน้านี้อยู่ที่เพียง 17.1 ล้านปอนด์เท่านั้น ปัญหาเกิดมาจากค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงลิ่ว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 28% ของค่าใช้จ่ายต่อที่นั่งของ easyJet WTTC คาดการณ์ว่าการท่องเที่ยว ในยุโรปจะเติบโตเพียง 2% ในปีนี้เมื่อเทียบ กับอัตราการเติบโตของการท่องเที่ยวทั่วโลกซึ่งจะอยู่ที่ 3-4% แต่อุตสาหกรรมเดินทางท่องเที่ยวในตลาดเกิดใหม่จะเติบโตรวดเร็วกว่ายุโรป นอกจากตลาดเกิดใหม่จะกำลังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ยังกำลังกลายเป็นแหล่งของตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ บริษัทที่ปรึกษา McKinsey ชี้ว่าภายในกลางทศวรรษหน้าจะมีคนเกือบ 1,000 ล้านคนที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับ 5,000 ดอลลาร์ต่อครัวเรือนต่อปี โดยระดับรายได้ดังกล่าวพอจะถือเป็นเกณฑ์อย่างหยาบๆ ที่ทำให้คนจะเริ่มใช้จ่ายเงินรายได้คงเหลือส่วนเกินที่มากขึ้น ไปกับสินค้าและบริการที่นอกเหนือไปจากความจำเป็น มากกว่าเพียงแค่การซื้อสินค้าที่จำเป็นกับชีวิต อำนาจการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศตลาดเกิดใหม่จะเพิ่มขึ้นจาก 4 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2006 เป็นมาก กว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นไปจนเกือบจะเท่ากับอำนาจการใช้จ่ายของชาวยุโรปตะวันตกในวันนี้

บางส่วนของอำนาจซื้อส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะนำไปใช้กับการเดินทาง (ดูกราฟ 2) บริษัทตะวันตกจึงกำลังกรูกันเข้าไปในชาติกำลังพัฒนา เพื่อเตรียมที่จะต้อนรับตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่นี้ Marriott เชนโรงแรมยักษ์ใหญ่อเมริกันคาดว่า ตะวันออกกลาง อินเดียและจีนจะเป็นตลาดนักท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่น่าสนใจต่อไป โดยอุตสาหกรรมเดินทางท่องเที่ยวในตะวันออกกลาง ซึ่ง Marriott มีแผนจะสร้างโรงแรม 65 แห่งภายในปี 2011 จะมีขนาดใหญ่กว่าตลาดอินเดีย แต่จีนจะเป็นตลาดที่ใหญ่กว่าตะวันออกกลางถึงเท่าตัว ปีที่แล้วชาวจีนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ 47 ล้านคน หรือ มากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไปเที่ยวในจีนถึง 5 ล้านคน ชาวจีนยังเดินทางภายในประเทศอีก 1,600 ล้านครั้ง WTTC ทำนายว่า ความต้องการเดินทางท่องเที่ยวของชาวจีนจะเพิ่มขึ้น 4 เท่าในด้านมูลค่าในช่วง 10 ปีข้างหน้า ปัจจุบันจีนครองอันดับสองแบบห่างๆ รองจากสหรัฐฯ ในแง่ของความต้องการเดินทางท่องเที่ยว แต่เชื่อว่าภายในปี 2018 ช่องว่างที่ถ่างกว้างนี้จะลดลง เนื่องจากจีนจะไล่ตามเข้าใกล้สหรัฐฯ มากขึ้น บรรดาประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ก็พากันตื่นตัวกับอำนาจการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวจีนเช่นกัน สายการบิน AeroMexico เริ่มเที่ยวบินตรงระหว่าง Mexico City กับนครเซี่ยงไฮ้ 2 ครั้งต่อสัปดาห์เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ในเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโตเร็วที่สุดในโลก นักท่องเที่ยวจากจีนและจากชาติเอเชียอื่นๆ กำลังแซงหน้านักท่องเที่ยวจากตะวันตกในช่วง 11 เดือนแรกของปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติ 507,000 คนในเวียดนามมาจากจีน อีก 442,000 คน มาจากเกาหลีใต้ และอีก 376,000 คนมาจากอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีนเพิ่มมากขึ้นเช่นกันและคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีน 1.3 ล้านคนที่จะเดินทางมาเที่ยวไทยในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10% (ปีที่แล้วนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย น้อยลงเนื่องจากความไม่มั่นคงของการเมืองไทย)

เพื่อเร่งพัฒนาการท่องเที่ยวรวมไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ รัฐบาลจีนกำลังเร่งสร้างถนน ทางรถไฟและสนามบิน ในเดือนมกราคม จีนประกาศแผนการสร้างสนามบินเพิ่มขึ้น 97 แห่งภายในปี 2020 เพิ่มจากเดิมที่มีอยู่แล้ว 142 แห่งในปี 2006 โดยที่สนามบินที่สามารถจะรองรับนักเดินทางได้มากกว่า 30 ล้านคนต่อปีจะเพิ่มขึ้นจาก 3 แห่งเป็น 13 แห่ง สื่อทางการจีนรายงานว่า การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน จะเพิ่มขึ้นเป็นเลข 2 หลักทุกปี นับตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงสิ้นทศวรรษนี้ จีนคาดว่าในระหว่างปี 2006-2010 จีนจะทุ่มเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ลงทุนสร้างทางรถไฟ ซึ่งเป็นการลงทุนที่เพิ่มขึ้น 4 เท่าของเมื่อ 5 ปีก่อน เดือนมิถุนายนนี้ สะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลกของจีนมีกำหนดจะเปิดเดินรถเป็นครั้งแรก สะพานรถข้ามแห่งนี้เป็นทางหลวง ขนาด 6 เลน ความยาว 36 กิโลเมตรและทอดข้ามอ่าวหังโจว ซึ่งจะช่วยย่นเวลาการเดินทางระหว่างหนิงโปกับเซี่ยงไฮ้ ท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุด 2 แห่งของจีน ให้ลดลงเหลือเพียง 2 ชั่วโมง แต่ยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจที่กำลังรุ่งเรืองอีกแห่งหนึ่งในเอเชีย กลับตามไม่ทันจีน ทั้งในด้านการเป็นแหล่งท่องเที่ยวและการเป็นตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ ปีที่แล้วอินเดียได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพียง 5.5 ล้านคน ซึ่งเป็นส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยในตลาดท่องเที่ยวโลก ประเทศแห่ง Taj Mahal และเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้กลับอยู่ในอันดับต่ำกว่าบัลแกเรียและบาห์เรน ในการเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยว ชาวอินเดียไม่ถึง 10 ล้านคนที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ แม้ว่าจะมีชาวอินเดียประมาณ 600 ล้านคนจะเดินทางในประเทศก็ตาม Andhra Pradesh ในอินเดีย ซึ่งเต็มไปด้วยสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา เป็นจุดหมายที่ชาวอินเดียเองนิยมไปท่องเที่ยวมากที่สุด ในขณะที่ชาวต่างชาติที่เข้าไปเที่ยวในอินเดียนิยมไปเดลีและรัฐมหาราษฎร์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีความเป็นเมืองมากที่สุดมากกว่า การเดินทางท่องเที่ยวในดินแดนอนุทวีปนี้อาจยุ่งยากสับสนแม้กระทั่งกับคนอินเดีย เจ้าของประเทศเอง การที่มีภาษาราชการมากกว่า 20 ภาษาและสำเนียงท้องถิ่นอีกนับไม่ถ้วน ทำให้ชาวอินเดียเองอาจจะบ่นได้มาก เท่าๆ กับชาวต่างชาติ เกี่ยวกับการเดินทางที่ไม่สะดวกสบาย อาหารแปลกๆ ที่ไม่รู้จัก ซึ่งทำให้ท้องไส้ไม่ค่อยดีและการขาดแคลนโรงแรม ที่พักดีๆ

ปัญหาใหญ่ที่สุดของอินเดียคือ สภาพชำรุดทรุดโทรมของโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลอินเดียมีแผนจะทุ่มการใช้จ่ายมากกว่า 20 ล้าน ล้านรูปี (ประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์) ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานภายใน 5 ปีหรือภายในปี 2012 กระทรวงท่องเที่ยวอินเดียเปิดเผยว่าจนถึงเดือนมีนาคมของปีนี้ ทางการ อินเดียได้ลงทุนไปแล้ว 4.6 ล้านล้านรูปีกับ 248 โครงการ สนามบินสำคัญๆ ในอินเดียกำลังปรับโฉมกันอย่างยกใหญ่ด้วยเงินทุนจากภาคเอกชน สนามบินนานาชาติ Chhatrapati Shivaji ในมุมไบได้รับการปรับปรุงจนสวยงาม แต่ที่สนามบินอื่นๆ ผู้โดยสารชาวอินเดียยังคงต้องใช้ส่าหรีปิดปากปิดจมูก เพื่อจะได้ไม่ต้องหายใจเอาฝุ่นละอองที่กระจาย มาจากแผ่นพลาสติกที่กำลังเลื่อยด้วยเลื่อยไฟฟ้าในบริเวณใกล้เคียง ที่สนามบินอินทิรา คานธีในเดลี เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไม่รู้สึกอะไรที่จะพักกลางวันโดยที่ยังมีคนรอตรวจอยู่ในแถว ทำให้พวกเขาต้องรีบไปต่อท้ายแถวอื่น เจ้าหน้าที่อินเดียประทับตราลงบนวีซ่าของนักท่องเที่ยว เพียงเพื่อจะให้เจ้าหน้าที่อีกคนที่อยู่ใกล้ๆ ตรวจดูว่าวีซ่าได้รับการประทับตราแล้วจริงๆ แต่นักลงทุนบางคนกลับเห็นว่า ความสวยงามมีเสน่ห์ของอินเดียสามารถเอาชนะความไม่สะดวกสบายและความอืดยืดยาดของระบบทั้งปวงในอินเดียได้ Carlson กลุ่มบริษัทท่องเที่ยวซึ่งเป็นเจ้าของเครือโรงแรม Radisson และเรือสำราญ Regent Seven Seas Cruises มองเห็นโอกาสครั้งใหญ่ในอินเดีย Carlson กำลังสร้างโรงแรมประมาณ 50 แห่งในอินเดียเทียบกับที่กำลังสร้าง เพียง 10 แห่งในจีน ส่วน Thomas Cook บริษัทท่องเที่ยวอีกแห่งก็มองเห็นศักยภาพของอินเดีย ในเดือนมีนาคม Thomas Cook ตัดสินใจซื้อ Thomas Cook India บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียและบริษัทท่องเที่ยวใหญ่อันดับสองของอินเดีย ซึ่งมีอายุเก่าแก่ย้อนไปถึงทศวรรษ 1880 โดยซื้อมาจาก Dubai Financial Group การลงทุนในกิจการร่วมทุนในรัสเซียและจีนอยู่ในแผนขั้นต่อไปของ Thomas Cook

มีอะไรบ้างที่อาจจะขัดขวางการปฏิวัติครั้งที่ 3 ของอุตสาหกรรมเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้ได้ ความรุนแรงทางการเมือง และการที่ชาติกำลังพัฒนาไม่ได้แปลกหน้า ต่อการก่อการร้าย โดยเฉพาะในประเทศตลาดเกิดใหม่ อย่างเช่นเหตุระเบิดที่เพิ่งเกิดขึ้นที่เมืองชัยปุระ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว ของอินเดีย เคนยาซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพิงการท่องเที่ยวเป็นแหล่งรายได้หลักจากต่างประเทศ สูญเสียครึ่งหนึ่งของธุรกิจเนื่องจากความรุนแรงทางการเมือง ที่เกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม ภัยธรรมชาติสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงโดยเฉพาะประเทศที่ยากจนกว่า อย่างไรก็ตาม Amadeus ชี้ว่า อุตสาห-กรรมท่องเที่ยวพิสูจน์แล้วว่าเป็นอุตสาห-กรรมที่ฟื้นตัวได้เร็ว เห็นได้จากขณะนี้การเดินทางท่องเที่ยวสามารถฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ อย่างการก่อการร้ายครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ ที่เรียกว่าเหตุการณ์ 9/11 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 โรค SARS การระเบิดขึ้นของสงครามในอิรัก และพิบัติภัยคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อเดือนธันวาคม 2004 อุปสรรคอื่นๆ ยังได้แก่การที่เกิดความวิตกมากขึ้น โดยเฉพาะในหมู่ประเทศ ตะวันตก เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในชาติตลาดเกิดใหม่ ระหว่างทศวรรษ 1960-1970 ซึ่งเป็นช่วงที่การท่องเที่ยวเติบโตอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ และยุโรป แทบไม่มีใครคิดถึงผลกระทบที่จะเกิดกับโลก แต่ขณะนี้ความคิดได้เปลี่ยนไป บริษัทท่องเที่ยว Revolution Places ชี้ว่า ขณะนี้เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ไม่อาจละเลยหรือให้ความสำคัญเป็นพักๆ ได้

อุตสาหกรรมเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งมีส่วนแพร่คาร์บอน 5-6% ก็วิตกเช่นกัน มีการนำกลยุทธ์ "สีเขียว" มาใช้เพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน Travelport บริษัทเทคโนโลยีการเดินทาง ริเริ่มนำเครื่อง Travelport Carbon Tracker มาใช้ เพื่อช่วยให้บริษัทและตัวแทนท่องเที่ยวสามารถวัดและวิเคราะห์การแพร่กระจายคาร์บอน เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจที่ยั่งยืน โรงแรมก็ต้องการที่จะแสดงว่าอนุรักษ์น้ำ (เช่นถามลูกค้าว่า ต้องการเปลี่ยนผ้าขนหนูผืนใหม่ทุกวันหรือไม่) แยก ขยะที่หมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้ และประหยัดไฟด้วยการใช้หลอดประหยัดไฟ สายการบินสั่งซื้อเครื่องบินที่กินน้ำมันน้อย ส่วนสปาที่รัก สิ่งแวดล้อมใช้ไฟที่ผลิตจากกังหันลมและแผงเซลล์สุริยะ สวนสัตว์ซาฟารีที่ส่งเสริมการอนุรักษ์ก็แข่งกันดึงดูดลูกค้าที่มีจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อม Marriott นับเป็นตัวอย่างที่ดี ในเดือนเมษายน Marriotte ลง นามในข้อตกลงกับรัฐ Amazonas ของบราซิล เพื่อคุ้มครองป่าฝน อะเมซอนเนื้อที่ 1.4 ล้านเอเคอร์ที่อยู่ในเขตสงวน Juma Sustainable Development Reserve ซึ่งกำลังตกอยู่ในอันตราย Marriott บริจาค เงิน 2 ล้านดอลลาร์ให้แก่มูลนิธิ Amazonas Sustainable Foundation ซึ่งเพิ่งตั้งขึ้นใหม่ เพื่อใช้ในการวางแผนจัดการสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการจ้างงาน การศึกษาและดูแลสุขภาพคนประมาณ 500 คนที่อาศัยอยู่ในเขตสงวน Juma ในช่วง 10 ปีจากนี้ Marriott ตั้งเป้าจะลดการใช้พลังงานและน้ำในโรงแรมต่างๆ ของตนลง 25% และจะเริ่มใช้แผงเซลล์สุริยะในโรงแรม 40 แห่งในเครือ แม้จะมีอุปสรรคอย่างที่กล่าวมาข้างต้น แต่ประเทศตลาดเกิดใหม่ยังคงสนใจการเติบโตที่รวดเร็วมากกว่าเรื่องนิเวศวิทยา และ นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะมาจากไหน ก็ดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะละทิ้งการเดินทางท่องเที่ยวโดยเครื่องบินหรือรถยนต์เพราะเรื่องสิ่งแวดล้อม นักธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมองไม่เห็นว่า จิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมจะมีส่วนสำคัญในการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวของลูกค้าแต่อย่างใด ชาวตะวันตกได้เดินทางท่องเที่ยวกันอย่างสนุกสนานมาหลายทศวรรษแล้ว คราวนี้ก็ถึงทีของประเทศอื่นๆ ในโลกที่จะได้รับความสนุกสนานเช่นนั้นบ้าง

เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์ แปลและเรียบเรียง
ดิอีโคโนมิสต์ 15 พฤษภาคม 2551


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.