เสริมสุข ฝ่ากระแสวิกฤติน้ำอัดลมขาลง เปิดกลยุทธ์ "FOCUS" 5 มิติ


ผู้จัดการรายสัปดาห์(2 มิถุนายน 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

เสริมสุข ยึดกลยุทธ์ FOCUS 5 มิติ ฝ่ากระแสความท้าทายของตลาดน้ำอัดลมที่นับวันจะเริ่มมีการเติบโตแบบคงที่ เทงบกว่า 600 ล้านบาท เดินหน้าต่อยอดธุรกิจในปีที่ 55 รวมพลังกับเป๊ปซี่-โค และพันธมิตรอื่นๆ เพื่อสร้างแต้มต่อทั่วทุกระบบ ขับเคลื่อนสู่การเป็นบริษัทเครื่องดื่มอันดับ 1 ทั้งตลาดน้ำอัดลม และเครื่องดื่มไม่อัดลม (Non carbornat soft Drink)

สภาพตลาดน้ำอัดลมที่มีแนวโน้มอัตราการขยายตัวของตลาดลดลง นั่นเป็นเพราะว่าต้องเผชิญกับตัวแปรที่เป็นปัจจัยลบนานาปราการทั้งปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นที่ส่งผลกระทบถึงตลาดน้ำอัดลมจากปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ และคู่แข่งที่เครื่องดื่มเซกเมนต์ใหม่ๆเข้ามาตามกระแสสุขภาพซึ่ง

จากเดิมที่การแข่งขันเพื่อกระตุ้นยอดขายจะเน้นเฉพาะ โพรดัคส์อินโนเวชั่น ขยับขึ้นไปเป็น แพ็กเก็จจิ้งอินโนเวชั่น รวมทั้งการเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่มีมากขึ้น ไม่เว้นแม้รายใหม่บิ๊ก โคล่า ที่วางเป้าหมายเข้ามากวาดยอดขายในตลาด"น้ำดำ" โดยเฉพาะ แม้มองดูแล้วเป็นกระดูกคนละเบอร์กับ 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ โค้ก กับเป็ปซี่ ที่ไล่ถล่มกันมาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยการทำตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งการสื่อสารการตลาดผ่านรายการวิทยุ และจุดเด่นที่สำคัญการชูจุดขายที่มีราคาถูกกว่าเจ้าตลาดเดิม

การเผชิญหน้ากับปัจจัยลบนานาปราการก่อนหน้านี้ เป็นเหตุผลที่ทำให้ผลประกอบการของเสริมสุขในไตรมาสแรก มีรายได้จากการขาย 5,055 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 3.6% ทว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงรายรับ เพราะหากเปรียบเทียบรายจ่ายในปีนี้มีที่รายจ่าย 4,934 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีทีผ่านมา 200 ล้านบาท ที่มีรายจ่าย 4,734 ล้านบาท ขณะที่รายรับมีกำไรภายไตรมาสแรก 92 ล้านบาทจากปีที่ผ่านมามีกำไร105 ล้านบาท ลดลง 13 ล้านบาท

นับว่า การเปิดกลยุทธ์ FOCUS 5 มิติ ที่เสริมสุขวางแนวทางเพื่อจะเป็นยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนองค์กรในปีนี้จึงเป็นหัวรบสำคัญในการบุกไปในทุกๆรูปแบบการทำธุรกิจ มิติที่ 1 เจาะให้ครบทุกกระแสความต้องการของตลาด (Focus on Market Need) ขับเคลื่อนตลาดน้ำอัดลม ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงบริษัทด้วย 3 แบรนด์หลัก - เป๊ปซี่ มิรินด้า เซเว่นอัพ พร้อมทั้งการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และแคมเปญใหม่สู่ตลาด ควบคู่ไปกับการเร่งอัตราการเติบโตของเครื่องดื่มไม่อัดลม ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ไม่ว่าจะเป็น น้ำดื่มคริสตัล น้ำส้มทวิสเตอร์ เครื่องดื่มเกลือแร่เกเตอเรด ชาลิปตัน เครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง และ โออิชิ ด้วยการขยายฐานให้หลากหลายและครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทั้งนี้ น้ำดื่มคริสตัลเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตสูงสุดของเสริมสุขและมียอดขายเป็นอันดับ 2 ทั่วประเทศ ทั้งยังมีแบรนด์ดาวเด่นที่โตวันโตคืนคือ คาราบาวแดง

มิติที่ 2 การสร้างความเป็นเลิศทั่วทั้งระบบการดำเนินงาน (Operational Excellence) เพิ่มแต้มต่อในการแข่งขันโดยเน้นการพัฒนาคุณภาพคนซึ่งเป็นต้นทุนทางธุรกิจที่สำคัญด้วยการผสานประสบการณ์ของผู้ชำนาญงานกับแนวความคิดใหม่ๆ ของคนรุ่นใหม่เพื่อให้เป็นทีมงานที่แข็งแกร่งพร้อมรับมือกับความท้าทายของตลาด ตลอดจนสร้างระบบลอจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้การจัดส่งและกระจายสินค้าครอบคลุมและเพียงพอต่อทุกความต้องการซื้อในทุกช่องทาง

มิติที่ 3 ความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) ในฐานะที่เสริมสุขอยู่คู่คนไทยมานานถึง 55 ปี และมีส่วนร่วมตอบแทนสังคมด้วยความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการสร้างพฤติกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง โดยมีนโยบายส่งเสริมการอนุรักษ์และดูแลคุณภาพน้ำเล็งเห็นความสำคัญในการลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ โดยในปี 2550 บริษัทสามารถลดปริมาณการใช้น้ำลดลง 10% โดยในปี 2551 ตั้งเป้าที่จะลดการใช้น้ำเป็น 20% นอกจากนี้ ยังดำเนินโครงการขยายโอกาสทางสังคมเพื่อการพัฒนาเยาวชนและการศึกษา

ผ่านกิจกรรมกีฬาในโครงการเด็กไทยกายใจแข็งแรง เช่น การจัดฟุตบอลคลินิกให้กับเยาวชน และกิจกรรมของมูลนิธิ ทรง บุลสุข ตลอดระยะเวลากว่า 15 ปี มูลนิธิฯ ได้ทำการมอบทุนการศึกษารวมกว่า 2,000 ทุน รวมมูลค่ามากกว่า 20 ล้านบาท ให้แก่เยาวชนและบุตรพนักงานอีกด้วย

มิติที่ 4 รวมพลังเพื่อความเต็มที่สุดๆ ไม่หยุดยั้ง (United for a Greater Tomorrow) เตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับทุกๆ สถานการณ์ ความเปลี่ยนแปลงและอุปสรรคหลากหลายรูปแบบ ทั้งการทำงานร่วมกันกับเป๊ปซี่-โค ซัพพลายเออร์ ตลอดจนลูกค้าอย่างใกล้ชิด

มิติที่ 5 สร้างคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น (Shareholder Value Creation) สร้างบริษัทให้แข็งแกร่ง เพื่อความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นในระยะยาว โดยมุ่งบริหารจัดการอย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด และมองหาโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ

"ที่มาของการเปิดกลยุทธ์ FOCUS 5 มิติ เพราะความท้าทายในวันนี้เรื่องใหญ่ คือ ราคาน้ำมัน แต่ในอนาคตที่จะเพิ่มขึ้นคือน้ำตาล ดังนั้นโจทย์ใหญ่ในเวลานี้คือ การทำให้รายจ่ายลดลง และจากเดิมที่โหมทั้ง มาร์เก็ตติ้ง และการทำโปรโมชั่น แต่จะดูว่าอะไรที่ตลาดต้องการและมีข้อจำกัดแบบไหน เนื่องจากสถานการณ์การแข่งขันเปลี่ยนไป จากเดิมเน้นเรื่องมาร์เก็ตติ้ง โปรโมชั่น แพ็กเก็จจิ้ง เป็นเครื่องมือกระตุ้นตลาด แต่ปีนี้ไฮไลท์ที่มาแรงที่สุด ทำยังไงให้บริษัทมีความแข็งแรงและอยู่รอดแบบถาวร โดยจะไม่มีการตัดส่วนที่มีอยู่ไป แต่จะมีการย่อส่วนพยายามไม่ทำให้รายจ่ายโตมากกว่า

มาถึงวันนี้คือ การสร้างแต้มต่อในการแข่งขันคือมีการจัดระบบใช้รถขนส่งสินค้าทั้ง 1.5 พันคันของบริษัท โดยจากที่มีโรงงาน 5 แห่งโรงงานจังหวัดปทุมธานี โคราช นครสวรรค์ สุราษฏร์ฐานี และชลบุรี ที่มีไลน์ผลิตน้ำอัดลม และน้ำดื่ม โรงงานจังหวัดปทุมธานี มีสัดส่วนการใช้รถเพื่อกระจายสินค้า 60% และจุดกระจายสินค้า 48 สาขาทั่วประเทศ เพื่อสร้างระบบโลจิสติกใหม่เพื่อการจัดส่งสินค้าให้ดีขึ้น ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลา

ทั้งนี้ด้านการขายและการบริการเข้าเยี่ยมร้านค้าให้สม่ำเสมอและรวดเร็ว ทันต่อความต้องการของร้านค้า เป็นจุดที่ทำให้เสริมสุขผงาดขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ซึ่งอุปสรรคที่เป็นปัจจัยภายนอกคือการขึ้นราคาน้ำมันแบบไม่มีวันสิ้นสุดนั่นเอง เหตุผลดังกล่าวทำให้เสริมสุขต้องกลับมาทบทวนเรื่องการจัดสายรถที่เข้าร้านค้าสมาชิกทั่วประเทศกว่า 2 แสนรายทุก 3 วัน 6 วัน อาจจะมีการจัดระบบใหม่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ที่สำคัญจะไม่ทำให้สินค้าบริษัทขาดตลาด" สมชาย บุลสุข ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) กล่าว

ไม่เฉพาะเป๊ปซี่เท่านั้นที่จะต้องเผชิญกับเรื่องที่ท้าทายจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมัน ทางฟากโค้กที่มีไทยน้ำทิพย์เป็นผู้ทำตลาดก็ต้องเผชิญกับการเติบโตน้ำอัดลมโค้กเติบโตไม่มาก และต้นทุนการผลิตที่สูงตามไปด้วย เนื่องจากวัตถุดิบและราคาน้ำมัน ทำให้ช่วงที่ผ่านมาบริษัทไทยน้ำทิพย์มีการปรับปรุงพัฒนาช่องทางจัดจำหน่าย และจัดระบบการกระจายสินค้า ในร้านค้าตู้แช่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศประมาณ 2.5 แสนร้านค้า และสามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมภายในเวลา 4-5 วัน

อันที่จริงปัจจัยด้านลบที่เข้ามารุมเร้าตลาดน้ำอัดลมเริ่มมานานประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามสัญญาณบอกเหตุดังกล่าว นั่นเป็นเหตุผลทำให้ 2 ค่ายยักษ์ในตลาดอัดลมทั้งเป๊ปซี่และโค้กต้องปรับตัวครั้งใหญ่ และค่อยๆเบนเป้าหมายมาขับเคลื่อนตลาดเครื่องดื่มไม่อัดลมเพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมากขึ้น ซึ่งก็ทำให้เกิดคู่ชิงรายใหม่ระหว่างสแปลช และทวิสเตอร์

ในส่วนของกลยุทธ์ด้านตัวสินค้าของเสริมสุข นอกจากมี 3 แบรนด์หลัก เป๊ปซี่ มิรินด้า และเซเว่นอัพ ที่เป็นน้ำอัดลมซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงบริษัทเติบโตอย่างแข็งแร็งมาถึงปัจจุบัน และยังมีการต่อยอดมาจาก 3 แบรนด์หลักมาเป็นเป๊ปซี่แม็กซ์ ที่สอดคล้องกับกระแสสุขภาพ

การวางยุทธศาสตร์ของบริษัทเสริมสุขก้าวสู่การเป็นอาณาจักรเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเพื่อความสดชื่นอย่างครบวงจร มีการเปลี่ยนแปลงโดยยอดขายสินค้าเพิ่มกลุ่มไม่อัดลมจาก 15% เป็น 20% และลดสัดส่วนเครื่องดื่มอัดลมลดลงเป็น 80% เริ่มขึ้นในปี 2547 ซึ่งเป็รอยต่อที่ขยายกำลังผลิตโรงงานในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นโรงงานที่ซื้อหุ้นจากคืนมาจากบริษัท โย เฮียบ เส็ง ประเทศมาเลเซีย เพื่อนำมาผลิตเครื่องดื่มไม่อัดลม และถือว่าเป็นศูนย์กลางพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่โดยเฉพาะขยายไลน์การผลิตไปสู่กลุ่มเครื่องดื่มเพื่อรองรับกระแสสุขภาพที่มาแรง ทั้งน้ำผลไม้ น้ำดื่มคริสตัล

ดังนั้นนโยบายของสินค้าในปีนี้คือขับเคลื่อนตลาดน้ำอัดลม ควบคู่ไปกับทำตลาดเร่งอัตราการเติบโตของเครื่องดื่มไม่อัดลมที่อยู่ในพอร์ตสินค้าคือ น้ำดื่มคริสตัล น้ำส้มทวิสเตอร์ เป็นเรือธง ตามด้วยเครื่องดื่มเกลือแร่เกเตอเรด ชาลิปตัน เครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง และโออิชิ ด้วยการขยายฐานให้หลากหลายและครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยมแบรนด์ดาวเด่นที่โตวันโตคืนคือ คาราบาวแดง ขณะที่ดื่มคริสตัลเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตสูงสุดของเสริมสุขและมียอดขายเป็นอันดับ 2 ทั่วประเทศ

โคล่า วอร์ มาสู่วอเตอร์ วอร์

ในจุดนี้นอกเหนือจากการลงทุนปกติแล้วเสริมสุขยังได้จัดสรรงบอีกประมาณ 600 ล้านบาทสำหรับ 4 โครงการหลัก ได้แก่ การเพิ่มไลน์การผลิตน้ำดื่มคริสตัล เพื่อป้อนตลาดในภาคใต้ ที่สำคัญความพยายามเพื่อสร้างตลาดน้ำดื่มคริสตัลให้เติบโตที่ในพื้นที่ตลาดภาคใต้ แต่ถ้าไม่มีไลน์การผลิตนั้น ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจะเป็นอุปสรรคในการทำเติบโต และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้บริษัทต้องลงทุนเพื่อสร้างรายได้ และลดค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งการขยายสาขาในแถบชานเมืองซึ่งเป็นจุดที่สำคัญของระบบการขนส่งซึ่งเป็นหัวใจที่สำคัญของเสริมสุข และการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุน และการพัฒนาระบบการขาย ASDOS PLUS ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ซอฟท์แวร์ที่พัฒนาโดยเป๊ปซี่ซึ่งใช้ในหลายประเทศโดยเป็นระบบการประมวลข้อมูลการขายของร้านค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเจาะเข้าถึงร้านค้าทั่วประเทศได้แม่นยำและครอบคลุมยิ่งขึ้น

การเคลื่อนไหวของเสริมสุขครั้งนี้ นับว่าเป็นการติดอาวุธใหม่ครั้งสำคัญ เพราะการแข่งขันกันระหว่าง บริษัทหาดทิพย์ กับบริษัทเสริมสุขในพื้นที่ภาคใต้ที่นอกจาก โคล่า วอร์ ยังคงเป็น วอเตอร์ วอล์ อีกด้วย นัยว่าเป็นการส่งสัญญาณเพื่ออุดช่องว่างและขยายแนวรุกการเจาะตลาดทางภาคใต้ ที่มีสัดส่วนตลาดน้ำอัดลมภาคใต้คิดเป็น 10% ของตลาดทั้งประเทศมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท และแม้ก่อนหน้านี้เสริมสุขจะเป็นผู้นำตลาดยึดพื้นที่การขายในทุกภาค แต่ยกเว้นเฉพาะพื้นที่การขายน้ำอัดลมในภาคใต้ที่มีบริษัทหาดทิพย์คุมเกมการทำตลาดในเขตภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด

ส่วนการเคลื่อนไหวเพื่อรักษาฐานลูกค้าน้ำโคล่าของเป๊ปซี่เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่า-ใหม่ เมื่อเร็วนี้ทุ่มงบ 40 ล้านบาท จัดโกลบอลแคมเปญสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง "เป๊ปซี่ ยูนิเวิร์ส"ต้อนรับเทศกาลฟุตบอลยูโร เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นทั้งที่เป็นลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ และเพื่อเปิดโอกาสให้คอบอลคนรุ่นใหม่ได้สร้างสรรค์จินตนาการในการออกแบบการเล่นฟุตบอลในสไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ พร้อมโปรโมชั่น "ลุ้นระทึกสนามเป๊ปซี่ทองคำ" ให้แฟนฟุตบอลได้ลุ้นสนามเป๊ปซี่ทองคำหนัก โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมผ่านสื่อดิจิทัล โดยได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Youniverse ในการพัฒนาออนไลน์คอมมูนิตี้บนเวบไซต์ www.pepsithai.com แคมเปญนี้จะช่วยให้เป๊ปซี่มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 3-5% โดย เป๊ปซี่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 60% จากตลาดรวมมูลค่า 35,000 ล้านบาท เติบโต 2-3%

ขณะที่การปกป้องตลาดในพื้นที่ภาคใต้ที่มีหาดทิพย์เป็นผู้คุมเกมมานานถึง 37 ปี ก่อนหน้าในปีที่ผ่านมานั้น เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและระบบโลจิสติกส์ให้ดีขึ้น เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า และที่สำคัญการยึดพื้นที่ขายในตู้แช่ทุกร้านค้าจะมีโค้ก โดยมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมหน่วยรถ 200 กว่าคัน นำสินค้าขึ้นรถแล้วเร่ขายไปตามร้านค้า ซึ่งมีจุดอ่อนหากร้านค้าเล็กๆ ที่มีการสั่งซื้อน้อยกว่า 6 ลังต่อสัปดาห์ หน่วยรถมักเข้าไปไม่ถึง

ดังนั้นจึงเปลี่ยนมาใช้ระบบการจัดจำหน่าย MDC หรือ MANUAL DISTRIBUTION CENTER ระบบการกระจายสินค้าที่หาดทิพย์ดัดแปลงมาจากโคคา-โคลา SABCO ซึ่งเป็น Bottle ในแอฟริกาใต้ ตะวันออก และเอเชียบางประเทศ โดยที่ 1 หน่วย MDC จะดูแลร้านค้าย่อยๆ ประมาณ 150 ร้านโดยจะมีความถี่ในการเข้าไปเยี่ยมและลงสินค้าไม่ต่ำกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และเริ่มโครงการนำร่อง 6 จังหวัดคือ สงขลา พัทลุง สตูล และสามจังหวัดชายแดน วางเป้าหมายทั้งหมด 76 แห่งรวมทั้งหมด 3 หมื่นร้านทั่วประเทศ

คริสตัลระเบิดศึกน้ำทิพย์

การเปิดฉากเกมการตลาดเพื่อยึดช่องทางการขายในภาคใต้ของเสริมสุข ที่วางหมากน้ำดื่มคริสตัลที่เป็นแบรนด์ของเสริมสุขเองมานำขบวนจะเป็นบันไดต่อยอดไปสู่การตลาดอีกระดับ เพื่อต่อกรช่วงชิงมาร์เก็ตแชร์น้ำทิพย์จากจากมือหาดทิพย์ ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นตลาดน้ำอัดลมภาคใต้ ซึ่งที่ผ่านมาจะเน้นแคมเปญท้องถิ่นยึดตลาด โดยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผลิตภัณฑ์กับผู้บริโภคในพื้นที่ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับร้านค้า

อีกทั้งเป็นการเปิดศึกระรอกที่สอง หลังจากระรอกแรกเริ่มต้นด้วยเพิ่มสาขากระจายสินค้า ซึ่งเป้าหมายที่สำคัญของการสร้างฐานทะลุทะลวงตลาดในภาคใต้ของบริษัทเสริมสุข จำกัด เรียกว่าเป็นพื้นที่เดียวที่เป๊ปซี่มียอดขายต่ำกว่าคู่แข่ง เริ่มต้นตั้งแต่เข้ามาเปิดคลังสินค้าที่ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และตรัง หลังจากนั้นมีการเพิ่มศักยภาพในส่วนด้านการผลิต โดยเริ่มเปิดโรงงานผลิตแห่งที่ 4 ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเริ่มเดินเครื่องผลิตน้ำอัดลมเมื่อปี 2540 ทั้งนี้เพื่อทำให้การขยายตลาดของเป๊ปซี่ในภาคใต้คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ในเขต 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน เช่น ระนอง ภูเก็ต ตรัง สุราษฎร์ธานี

เกมอาจเปลี่ยนไปเมื่อเสริมสุขมีไลน์การผลิตน้ำดื่มขวดเพ็ตที่โรงงานสุราษฎร์ธานี เพราะนอกจากเพื่อตอบสองความต้องการตลาดภาคใต้เอง แต่ที่น่าสนใจ หากการวางหมากเพื่อสร้างแต้มต่อครั้งนี้เป็นไปได้ดี จะทำให้น้ำดื่มคริสตัลของค่ายเสริมสุข มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นแบบหายใจรดต้นคอ น้ำดื่มสิงห์ที่ครองความเป็นผู้นำตลาดก็เป็นได้ พราะเป้าหมายเพื่อการเพื่อลดต้นทุนด้านการขนส่ง ด้วยเทงบ 70 ล้านบาท เพิ่มศักยภาพไลน์การผลิตขวดเพ็ตที่โรงงานสุราษตาม จากเดิมที่มีโรงงานผลิตน้ำดื่มเป็นขวดแก้วเท่านั้น น่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพการทำตลาดน้ำดื่มให้กับเสริมสุขได้เป้นอย่างดี

โดยขณะนี้โรงงานผลิตพลาสติกขึ้นรูปขวดสำเร็จรูป และฝาขวดเกลียวคือบริษัทเพ็ทฟอร์ม(ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างอินโดรามาฯกับบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)เมื่อปี 2549 ได้ไปลงทุนเปิดโรงงานที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และบริษัทเสริมสุขจะเริ่มผลิตน้ำดื่มคริสตรัลในรูปแบบขวดเพ็ตเพื่อวางตลาดในพื้นที่ภาคใต้ได้ภายในไตรมาสที่สามของปีนี้ อย่างไรก็ตามการเติบโตการขยายไลน์การผลิตคริสตัลขวดเพ็ตเป็นไปตามกระแสการเติบโตของตลาดรวมที่น้ำดื่มขวดเพ็ตเริ่มมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น60-70% ที่เหลือเป็นขวดขุ่นและขวดแก้ว จากภาพรวมตลาดน้ำดื่มมูลค่า 1.3หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้น้ำดื่มคริสตัล เป็นแบรนด์ของเสริมสุข ที่วางตลาดมากว่า 10 ปี และมีการเติบโตสูงสุด ที่สำคัญยังเป็นธุรกิจสร้างรายได้ขาที่สองรองจากเครื่องดื่มน้ำอัดลม โดยที่ผ่านมา ในปีที่ 2546 คริสตัลมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 25% ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2547 เติบโต 32% ในปี 2548 เติบโต 30% ขณะที่ปี 2549 ยอดขายคริสตัลขยับตัวด้วยอัตราเติบโตสูงถึง 40-45% และยังมีรายได้เป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของยอดขายรวมบริษัท

ปัจจุบันส่วนแบ่งตลาดของน้ำดื่มคริสตัลก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของตลาดอย่างรวดเร็วด้วยส่วนแบ่งตลาด 17% ขณะที่ผู้ครองตลาดสูงสุดคือน้ำดื่มสิงห์ มีส่วนแบ่งประมาณกว่า 20% คาดว่าการเปิดเกมรุกในตลาดทางภาคใต้ที่เคยเป็นจุดที่น้ำดื่มคริสตรัลตามหลังน้ำดื่มทิพย์ จากค่ายโคคา-โคลา ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดในพื้นที่นี้แต่เป็นอันดับ3 ตีคู่กันมากับน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลท์ ในสมรภูมิตลาดรวมน้ำดื่มทั้งประเทศ

ในส่วนในตลาดน้ำอัดลมในภาคใต้ แม้ช่วงที่ผ่านมาจะมีการเติบโตแบบคงที่ ทว่าการแข่งขันกันสูงมาก ระหว่างคู่ชกโค้ก กับเป๊ปซี่ เนื่องจากแต่ละค่ายต้องการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของตนเองเอาไว้ ทั้งสร้างภาพลักษณ๎ที่ดีให้แบรนด์ และจัดส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นตลาดทุกวิธีทางให้ยอดขายกระเตื้องขึ้น

อย่างไรก็ตามน้ำอัดลม ศูนย์แคลอรี ไร้น้ำตาล เป็นสินค้าที่จะสร้างตัวเลขยอดขายได้ต่อไป สำหรับโค้กซีโร่ ในพื้นที่เขตภาคใต้ที่อยู่ในความรับผิดชอบบริษัทหาดทิพย์ ในช่วงที่ผ่านมายังไม่มีการทำตลาดมากนัก โดยในบางพื้นที่บนเกาะสมุย ตามตู้แช่ในร้านค้าแทนที่จะเป็นโค้กซีโร่ แต่กลับเป็นการขายโค้กไลท์ ทั้งในรูปแบบกระป๋อง และขวดบัดดี้

อย่างไรก็ตามโค้กไลท์ เป็นสินค้าอยู่ในเซกเมนต์เดียวกับ น้ำโคล่าไร้แคลอรีและน้ำตาล คาดว่าการทำตลาดน้ำอัดลมในเซกเมนต์นี้สำหรับตลาดทางภาคใต้นั้น แม้จะมีขายในช่องทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่นก็ตาม ทว่าอยู่ระหว่างการ Educated โดยการทำตลาดของบริษัทหาดทิพย์จัดส่งเสริมการขายแนะนำกับร้านค้า เมื่อลงน้ำอัดลม 1 ลังแถมโค้กซีโร่ 1 กระป๋อง

ขณะที่การทำตลาดในพื้นที่ของเป๊ปซี่ในพื้นที่ตอนล่างที่ผ่านตัวแทนจำหน่ายในท้องถิ่นเท่านั้น ซึ่งจากการสำรวจนั้นการกระจายสินค้าของเป๊ปซี่ที่ผ่าน ก ชัยแสง ซึ่งเป็นตัวแทนที่กระจายการขายเป๊ปซี่รายใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่ยังไม่สามารถเข้าไปเจาะตลาดได้ นั่นเพราะมีบริษัทคู่แข่งที่แข็งแกร่งคือบริษัท หาดทิพย์ จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โค้ก,แฟนต้า,สไปรท์ ชเวปส์ สแปลช และน้ำทิพย์ในเขต 14 จังหวัดภาคใต้ และครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำโคล่าในพื้นที่นี้กว่า 60%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.