Cycles


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

ปฏิวัติวิถีชีวิตจากเส้นตรงสู่วงจร

นักพัฒนาผลิตภัณฑ์และนักการตลาดเคยสามารถบอกได้ว่า กิจกรรมใดบ้างที่คนจะทำ โดยเพียงแต่รู้อายุของคนคนนั้นเท่านั้น แต่ทัศนะเกี่ยวกับวิถีชีวิตที่ดำเนินไปเหมือนเส้นตรงแบบเก่าเช่นนี้ ใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว Maddy Dychtwald ผู้เชี่ยวชาญการตลาดแบบ generational marketing กล่าวใน Cycles

Dychtwald ชี้ว่า ช่วงอายุขัยของคนเราในขณะนี้ยืนยาวถึง 77 ปี ส่งผลให้วิถีชีวิตและช่วงอายุของคนเราเกิดการเปลี่ยนแปลง อิสรภาพและความรับผิดชอบใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น กำลังส่งผลเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ชีวิต การทำงาน และการซื้อสินค้าของคน อีกทั้งยังเปลี่ยนแปลงตลาด สถานที่ทำงาน และชีวิตของผู้บริโภค Dychtwald เรียกการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านี้ว่า การปฏิวัติวิถีชีวิตจากแบบเส้นตรงสู่แบบวงจร (LifeCycle Revolution)

คนอเมริกันเคยมีวิถีชีวิตดั้งเดิมซึ่งเป็นแบบเส้นตรงกล่าวคือ ออกจากโรงเรียน แต่งงาน มีลูก และเกษียณ แต่ขณะนี้ พวกเขากลับเข้าโรงเรียนอีกครั้งในวัย 30 มีลูกในวัย 40 เริ่มอาชีพใหม่ในวัย 50 และแต่งงานใหม่ในวัย 70 ชีวิตที่ยืนยาวขึ้นและมีสุขภาพดีขึ้น ทำให้อายุไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกกิจกรรมของผู้บริโภคอีกต่อไป การที่คนมีความรู้สูงขึ้น รวมทั้งมีอิสระมากขึ้น ทำให้ผู้คนทุกช่วงอายุต่างแสวงหาความท้าทาย การผจญภัย ความสัมพันธ์ และเป้าหมาย โดยไม่ขึ้นอยู่กับอายุของตน และนี่คือโอกาสใหม่ๆ ของนักพัฒนาผลิตภัณฑ์และนักการตลาด

เส้นทางชีวิตแบบวงจร

วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนอเมริกันอันสะท้อนให้เห็นการละทิ้งจากการมีเส้นทางชีวิตเป็นเส้นตรงแบบเก่า ก็อย่างเช่นการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์อย่างการเรียนรู้ตลอดชีวิต การเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ สถาบันครอบครัวและการแต่งงานฉบับปรับปรุงใหม่ กิจกรรมด้านสันทนาการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย และการมีอายุยืนยาวขึ้นและชีวิตหลังเกษียณที่ยังคงมีสุขภาพแข็งแรง นี่คือโอกาสที่บริษัทต่างๆ จะตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ของ ผู้ที่เลือกมีวิถีชีวิตแบบวงจร หาวิธีที่จะสามารถสร้างความพึงพอใจ และเสนอประโยชน์ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มใหม่นี้

การเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งสามารถตอบสนองทั้งคนหนุ่มสาวและคนมีอายุ และได้สร้างกลุ่มผู้บริโภคใหม่ที่มีความรู้สูงมาก เป็นองค์ประกอบสำคัญประการแรกของวิถีชีวิตแบบวงจร องค์ประกอบต่อไปคือการเปลี่ยนจากการทำงานในบริษัทเดียวตลอดชีวิต เป็นการเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ ทั้งโดยสมัครใจและถูกปลดออกจากงาน องค์ประกอบถัดมาคือเรื่องความรัก ที่ผู้คนยุคนี้นิยมเปลี่ยนคนรักหลายคน ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนสร้างโอกาสทางการค้ามากมายให้แก่ธุรกิจ

สถาบันครอบครัวฉบับปรับปรุงใหม่

Dychtwald กล่าวว่า สถาบันครอบครัวของอเมริกันเปลี่ยนแปลงลักษณะไปจากเดิมมากมาย ถ้าธุรกิจในปัจจุบันคิดจะจับครอบครัวเป็นกลุ่มเป้าหมายแล้วล่ะก็ สิ่งที่พวกเขาจะต้องคิดถึงคือครอบครัวที่พ่อแม่มีลูกช้าลงโดยมีลูกเมื่ออายุย่างเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ครอบครัวที่มีพ่อเลี้ยงหรือแม่เลี้ยง เพื่อนสนิทของครอบครัวที่เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และยังมีส่วนที่แตกแขนงแยกย่อยออกมาจากครอบครัวสมัยใหม่อีก ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความหมายของคำว่าครอบครัวด้วย

ส่วนการเล่นและกิจกรรมสันทนาการที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก มายในขณะนี้ก็เป็นโอกาสที่เปิดกว้างให้แก่ธุรกิจ สำหรับการให้ความสำคัญกับสุขภาพ เป็นโอกาสของธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและความงามรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ช่วยคืนความเป็นหนุ่มเป็นสาว

นอกจากนี้ Dychtwald ยังกล่าวถึงความจำเป็นที่โลกธุรกิจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการวางแผนการเงิน สวัสดิการพนักงาน และการใช้ชีวิตหลังเกษียณ เพื่อสนองความต้องการของผู้เกษียณอายุที่ยังคงมีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืนยาว สุดท้าย Dychtwald เสนอคำแนะนำ 7 ข้อที่จะช่วยให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรืองต่อไปได้ในยุคที่วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป

1. อ้าแขนต้อนรับผู้บริโภคกลุ่มใหม่ที่ไม่ยึดติดกับอายุ

2. ให้ความสำคัญกับวิถีการใช้ชีวิตและวิถีชีวิตแบบวงจรไม่ใช่อายุ

3. การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เป็นเรื่องปกติในวิถีชีวิตแบบวงจร

4. เพิ่มพลังอำนาจแก่ผู้บริโภค

5. ผู้บริโภคต้องการแนวทางชี้นำการใช้ชีวิต

6. ให้ความสำคัญกับอิสรภาพและความมั่นคง

7. ใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด จากกลุ่มคนที่นิยมเปลี่ยนงาน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.