การสั่งขายหุ้นตัวหนึ่งที่มีมูลค่า 228,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณเกือบ
10 ล้านบาท ได้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมาได้ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพราะมันเป็นคำสั่งขายที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากลูกค้าได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในของบริษัท
หรือพูดง่ายๆ ว่า ขายโดยใช้ inside information ซึ่งนักลงทุนรายอื่นๆ ยังไม่ทราบข้อมูลนั้น
และเมื่อขายหุ้นเสร็จสรรพ ราคาหุ้นก็ร่วงลงแบบดิ่งเหวเลยทีเดียว
นั่นเป็นที่มาของการสืบเสาะทำงานของสำนักงาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ ที่ใช้เวลาทำคดีซื้อขายหุ้นบริษัท
ImClone System ของมาร์ธา สจ๊วต นานถึง 16 เดือนก่อนจะสั่งฟ้องร้องเธอ และโบรกเกอร์ของเธอ
เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ข้อกล่าวหาที่มีต่อมาร์ธาส่งผลกระทบต่อตัวเธออย่างมาก มันทำให้เธอต้องลาออกจากการดำรงตำแหน่งประธานบริษัทและประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท
Martha Stewart Living Omni-media Inc. ซึ่งเป็นบริษัทของตัวเธอเองและจดทะเบียน
อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ด้วย
ส่วนโบรกเกอร์ที่ทำคำสั่งขายหุ้นให้เธอนั้นชื่อ Mr.Peter Bacanovic ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นอดีตนักค้าหุ้นของบริษัท
Merrill Lynch ไปแล้ว เพราะถูกให้ออกจากงานหลังเกิดคดีอื้อฉาวนี้ และก็ถูกตั้งข้อหาดำเนินคดีพร้อมกับตัวมาร์ธาด้วย
ทั้งมาร์ธาและปีเตอร์ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาและขอประกันตัวออกไปแล้ว โดยปีเตอร์ถูกยึดพาสปอร์ต
หมายถึงห้ามเดินทางออกนอกประเทศด้วย
ผลการสืบเสาะของสำนักงาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ ทำให้เรื่องราวความเกี่ยวพันของคนสามคน
ที่นำมาสู่การใช้ข้อมูลวงในทำการซื้อขายหุ้นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและกลายเป็นคดีขึ้นมาในครั้งนี้
ได้มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ นั่นคือ Samual Waksals อดีตเจ้าของและผู้บริหารบริษัท
ImClone Systems และมาร์ธาต่างเป็นลูกค้าซื้อขายหุ้นกับปีเตอร์ด้วยกันทั้งคู่
และมาร์ธานั้น ก่อนที่จะมาก่อร่างสร้างกิจการของตนเองจนสามารถผลักดันเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสำเร็จนั้น
เธอทำอาชีพเดียวกับปีเตอร์มาก่อน คือเป็นนายหน้าซื้อขายหุ้นอยู่ระหว่างปี
1968-1975
มีความเป็นไปได้สูงที่คนทั้งสองจะต่อสู้และชนะคดีในศาล แต่สำนักงาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ
ก็เปิดเผยว่า ที่มาที่ไปของคดีนี้ มันมีหลักฐานชัดเจนมาก
ตัวละครสำคัญของเรื่องนี้คือ ปีเตอร์ เขาเป็นนายหน้าค้าหุ้นที่มีลูกค้าเป็นคนชั้นสูงในวงการต่างๆ
เรียกว่าเป็น blue-chip clients จำนวนมาก แต่ก่อนที่เขาจะมาทำงานเป็นนายหน้าค้าหุ้นนั้น
ปีเตอร์ทำงานในแผนกการตลาดของ ImClone มาก่อนในระหว่างปี 1990-1992 แต่แซมมวลมาเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับเขาในปี
1994 ส่วนการรู้จักมาร์ธานั้นเริ่มในกลางทศวรรษ 1980 และเธอมาเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับเขาในกลางทศวรรษ
1990
ปีเตอร์นักค้าหุ้นวัย 41 ปีคนนี้ไม่ได้ดูแลแค่บัญชีซื้อขายหุ้นของมาร์ธาเจ้าของกิจการวัย
61 ปี เขายังดูไปถึงเรื่องทางการเงินอื่นๆ ของเธอ อย่างเรื่องเงินบำนาญ,
แผนเกษียณอายุ 401(k), หุ้นของพนักงาน (ESOP) รวมทั้งดูแลหุ้น IPO ที่ครอบครัวของเธอและเพื่อนๆ
ของเธอได้รับตอนที่เอาหุ้นบริษัทของเธอเข้าจดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ ปี 1999
ด้วย
เรียกว่ามาร์ธาเป็นลูกค้ารายใหญ่จริงๆ เพราะหุ้นของเธอในบริษัทมาร์ธา สจ๊วต
ลิฟวิ่ง ออมนิมีเดียนั้น มีมูลค่าตามราคาตลาดในระดับพันล้านเหรียญสหรัฐ การดูแลลูกค้ารายใหญ่เช่นนี้ก็อาจจะต้องหาคำแนะนำที่เป็นพิเศษกว่าลูกค้าสามัญกระเป๋าธรรมดาทั่วไป
ในคำบรรยายฟ้องของสำนักงาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ บอกว่า ปีเตอร์รู้ว่าแซมมวลและลูกสาวได้มีคำสั่งขายหุ้น
ImClone ทั้งหมดที่พวกเขาถืออยู่ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าราว 7.3 ล้านเหรียญฯ หลังจากทราบว่าองค์การอาหารและ
ยาสหรัฐฯ หรือ FDA จะไม่อนุมัติยารักษามะเร็งตัวหนึ่ง ของบริษัทที่ชื่อ Erbitux
ให้วางขายในตลาดได้
ปีเตอร์เอาข้อมูลนี้ไปบอกมาร์ธา และเธอก็ตัดสินใจขายหุ้นจำนวน 3,928 หุ้นที่เธอถืออยู่ใน
ImClone ออกไปก่อนที่ข่าวนี้จะปรากฏต่อสาธารณะ และเมื่อข่าวนี้มีการประกาศขึ้นมาจริงๆ
มันก็ส่งผลให้หุ้น ImClone ราคารูดลงอย่างหนัก จากที่เคยไปสูงสุดที่หุ้นละ
73.83 เหรียญฯ มาร์ธาขายไปที่หุ้นละ 58.43 เหรียญฯ ในช่วงปลายปี 2001 และราคาหุ้นร่วงลงมาอยู่ที่แค่
15-16 เหรียญฯ ในไม่กี่เดือนถัดมา
หุ้น ImClone เคยมีระดับราคาต่ำสุดที่ 6.11 เหรียญฯ ในปลายปี 2002 แล้วกระเตื้องมาอยู่ที่ระดับ
28.50 เหรียญฯ ในเดือนมิถุนายนปีนี้
มาร์ธาได้เงินไป 2 แสนกว่าเหรียญ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า หากเธอรอให้มีการประกาศข่าวนี้แล้วค่อยขายหุ้น
เธอจะขาดทุนกำไรไป 50,000 กว่าเหรียญฯ ซึ่งมองย้อนหลังกลับไปเช่นนี้ถือว่าคุ้มกว่าการเสี่ยงขึ้นศาลด้วยข้อหา
Insider Trading จริงๆ
ด้านแซมมวลก็ถูก ก.ล.ต.สหรัฐฯ ฟ้องร้องตั้งข้อหาด้วยเหมือนกัน ซึ่งเขายอมรับผิดไปแล้วเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน
และในเดือนมีนาคมปีนี้ เขาก็ตกลงคดีความกับ ก.ล.ต.สหรัฐฯ ได้ ขณะที่ปีเตอร์ไม่ยอมให้ความร่วมมือในการสอบสวนเรื่องนี้กับ
ก.ล.ต. เขาจึงถูก เมอร์ริลลินช์ไล่ออกจากงานเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
ทนายความของมาร์ธาต่อสู้ในคดีนี้ว่ามาร์ธาได้ข้อมูลวงในเรื่องการขายหุ้น
ImClone ของครอบครัว Waksals จากผู้ช่วยของปีเตอร์ ซึ่งก็ถูกตั้งข้อหาในคดีนี้
ด้วยเหมือนกัน ขณะที่ปีเตอร์ให้การต่อศาลปกป้องมาร์ธาว่าเธอส่งคำสั่งขายหุ้นมาก่อนที่หุ้นจะมีราคาร่วงลงไปต่ำกว่า
60 เหรียญฯ
อนาคตของปีเตอร์ในเรื่องค้าหุ้นคงจะจบลงแล้ว เขาจะกลับไปเป็นเซลส์แมนขายยาอีกหรือไม่
ไม่มีใครรู้ แต่อนาคตของบริษัทมาร์ธา สจ๊วต ลิฟวิ่ง ออมนิมีเดีย ยังต้องรอดูต่อไป
เพราะตอนนี้มาร์ธาก็ตั้งคนขึ้นมารักษาการแทนตำแหน่งของเธอแล้ว ซึ่งทั้งคู่ก็เป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัทฯ
ของเธอนั่นแหละ แต่ข่าวบอกว่าเป็นการเซอร์ไพรซ์สเล็กๆ อยู่เหมือนกัน ทั้งสองคนมีงานหนักมากในการที่จะกอบกู้ฐานะทางการเงินของบริษัท
ที่ประสบผลขาดทุนติดต่อกันมาสองไตรมาสแล้ว และคาดว่าไตรมาสต่อไปคงไม่แคล้วขาดทุนต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังต้องพิสูจน์ด้วยว่าบริษัทที่มาร์ธาบุกเบิกก่อตั้งจนเข็นเข้าจดทะเบียนในตลาด
หลักทรัพย์ได้นี้ จะอยู่รอดปลอดภัยต่อไปได้อย่างไรเมื่อไม่มีมาร์ธาเป็นผู้บริหารแล้ว
คำสั่งขายหุ้นครั้งนี้ จึงไม่ง่ายอย่างที่คิด และการปฏิบัติต่อลูกค้าด้วยข้อมูลพิเศษแบบนี้ก็ทำให้เกิดเรื่องพิเศษที่คาดไม่ถึงได้เหมือนกัน
!