พิษน้ำมันฉุดกำไรบจ.ทรุด


ผู้จัดการรายวัน(16 พฤษภาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดหลักทรัพย์ฯเผยผลประกอบการไตรมาส1/51บจ.ยอดขายยังโตต่อเนื่อง สวนทางกำไรสุทธิที่อาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในบริษัทหลายแห่ง ด้านนักลงทุนต่างชาติซื้อต่อเนื่องเก็งกำไรงบไตรมาส1/51ดันดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้านนักวิเคราะห์ เผย ลุ้นดัชนีทำนิวไฮด์วันนี้รับปัจจัยบวกในประเทศ-ต่างประเทศหนุน ด้านเอเชียซอฟท์ เคาะขายไอพีโอช่วงราคาสูงสุด 12 บาท จอง 20 -22 พ.ค.เทรด 29 พ.ค.นี้

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15 พ.ค.) ดัชนีแกว่งตัวในแดนบวกตลอดทั้งวันได้รับผลดีจากตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น จากผ่อนคลายความกังวลอัตราเงินเฟ้อที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น และผลประกอบการไตรมาส1/51ของบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งกำไรโตต่อเนื่อง ดันดัชนีปิดที่ 855.61 จุด เพิ่มขึ้น 6.67จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.79% ปรับตัวสูงสุดระหว่างที่ 856 จุด ปรับตัวต่ำสุดระหว่างวันที่ 852.27จุด มูลค่าการซื้อขาย 20,060.21 ล้านบาท

นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 667.51 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ155.22 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 512.30 ล้านบาท

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส1/51ของบริษัทจดทะเบียนคาดว่าจะมียอดขายเติบโตสูงขึ้นกว่าไตรมาส4/50 แต่ในส่วนของกำไรสุทธินั้น อาจจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น จากที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องแต่ก็มีบริษัทที่อยู่จะได้รับผลดีกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่าจะออกมาดีจากปีที่ผ่านมาได้มีการตั้งสำรองไว้หมดแล้ว จึงเชื่อว่าผลประกอบการจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนในเรื่องกำไรรวมของไตรมาส1นี้ ยังไม่สามารถที่จะประเมินได้ เพราะ ต้องขอรอดูตัวเลขของบริษัทจดทะเบียนกลุ่มอื่นๆให้ประกาศออกมาอย่างชัดเจนก่อน

" กำไรบจ.ไตรมาส1/51นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้เพราะ ต้องขอรอดูผลประกอบการบริษัทอื่นก่อน แต่จากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลกระทบกับบริษัทที่มีต้นทุนดำเนินงานจากน้ำมัน ก็จะมีบริษัทที่ได้รับผลดีกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนของยอดขายก็ยังคงเติบโตต่อเนื่อง " นางภัทรียา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ไตรมาส4/50 บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิรวม 422,154 ล้านบาท ลดลง 48,378 ล้านบาท หรือลดลง 10% หากไม่รวมกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ จะทำให้มีกำไรสุทธิลดลงจากปี 2549 เพียง 4% ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนโดยรวม (SET และ mai)สามารถทำยอดขายได้ 6,089,925 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปี 2549 ที่มียอดขายรวม 5,582,039 ล้านบาท

นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เคทีบี จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15พ.ค.)ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ จากคลายความกังวลในเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่จะปรับตัวสูงขึ้น และผลประกอบการไตรมาส1/51ของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่หลายบริษัทที่ประกาศออกมามีผลกำไรเติบโตมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรหุ้น แต่มูลค่าการซื้อขาย(วอลุ่ม)ไม่ค่อยหนาแน่น เพราะวันนี้เป็นวันซื้อขายวันสุดท้ายและมีวันหยุดติดต่อกัน3 วัน

" กำไร บจ.ในไตรมาส1/51 บริษัทยังไม่ได้มีการทำประมาณการ แต่การที่ บจ.หลายแห่งประกาศงบออกมาพบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งผลการดำเนินงานไตรมาส1/51ของหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างออกมาดีเติบโต 20% และวานนี้นักลงทุนก็เข้ามาเก็งกำไรหุ้น ADVANC เพราะกำไรไตรมาส1/51เติบโต " นางสาวสุภากร กล่าว

สำหรับ แนวโน้มดัชนีฯวันนี้(16พ.ค.)คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหากได้รับผลดีจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ทำให้มีคลายความกังวลในเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่จะปรับตัวสูงขึ้น และนักลงทุนยังคงเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการของหุ้นรายบริษัทที่จะประกาศออกมาดี จึงส่งให้ดัชนีมีโอกาสที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮด์) โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 846 จุด แนวต้านที่ระดับ 860-890 จุด อย่างไรก็ตามบริษัทแนะนำให้นักลงทุนมีการทยอยขายหุ้นออกมา เพราะเมื่อดัชนีทำนิวไฮด์ก็จะปรับตัวลดลงมาเป็นการพักพักฐาน

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดลูกค้าบุคคล บล.ธนชาต กล่าวว่า ปัจจัยบวกที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศออกมาดี ทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรต่อเนื่อง และได้รับผลดีจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากที่อเมริกามีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้นักลงทุนคลายกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่จะปรับตัวสูงขึ้น

"ปัจจัยหลักที่ทำให้ดัชนีวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นคือผลประกอบการไตรมาส1/51มากกว่าปัจจัยต่างประเทศ ที่นักลงทุนคลายความกังวลปัญหาอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่ออกมากต่ำกว่าคาดไว้ ส่วนหุ้นเก็งกำไรคลายความร้อนแรงลง หลังก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์เตรียมออกมาตรการดูและหุ้นเก็งกำไรที่จะนำรายชื่อหุ้นที่ติดรายชื่อเทิร์นโอเวอร์ลิตส์ของก.ล.ต.มาอ้างอิงในการดูแลหุ้นดังกล่าว " นายพิชัยกล่าว

สำหรับแนวโน้มดัชนีฯวันนี้คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก 10 จุด เพราะนักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะประกาศออกมา แต่อาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างจากดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 850 จุด แนวต้านที่ระดับ 865-870 จุด

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับสูงขึ้น จากได้รับปัจจัยบวกจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศออกมาปรับตัวเพิ่มขึ้นดี ทำให้นักลงทุนเข้าไปเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มที่มีผลประกอบการเติบโตดี ส่งผลต่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่ม เทคโนโลยี กลุ่มธนาคาร และหุ้นพลังงานบางบริษัท

ทั้งนี้ สัญญาณทางด้านเทคนิคในช่วงที่สามารถเข้าไปซื้อหุ้นลงทุนระยะสั้น จากคลายความกังวลเรื่องดังกล่าวเห็นได้จากแนวโน้มเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น โดยดัชนีวันนี้คาดว่าจะปรับตัวบวกต่อเนื่อง โดยให้จับตากลุ่มพลังงานหากยังปรับตัวบวกได้ต่อเนื่อง จะช่วยผลักให้ดัชนีไปทดสอบแนวต้าน 865 จุด โดยประเมินกรอบแนวรับที่ 850 จุด และแนวต้านที่ 865 จุด

นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยแหว่งตัวในแดนบวกตั้งแต่เปิดการซื้อขาย ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ที่ได้รับผลดีจากดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 66 จุด ประกอบกับได้รับปัจจัยบวกในประเทศเกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาส 1/51 ทำให้มีแรงซื้อในหุ้นรายตัวที่มีผลประกอบการดี เห็นได้จากกลุ่ม ไอซีที ที่ปรับตัวบวกเกือบ 2.2% มากกว่ากลุ่มอื่นๆ

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวไม่มากนัก ซึ่งจะต้องติดตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศและราคาน้ำมัน ซึ่งหากดัชนีปรับตัวลดลงต่ำกว่า 850 จุด ให้ขายทำกำไร โดยประเมินแนวรับที่ระดับรับที่ 840 จุด และมีแนวต้านที่ 860 จุด

เอเชียซอฟท์ขายหุ้นไอพีโอ 12 บาท

นายสุรัตน์ เตศรีประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทกำหนดราคาเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO)ที่ 12 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นช่วงราคาสูงสุดของบริษัทที่กำหนดไว้ว่าราคาหุ้นจะอยู่ที่ 10-12 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ จะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น 75 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท ในวันที่ 20 – 22 พฤษภาคม แบ่งเป็น เสนอขายแก่นักลงทุนรายย่อย 50% และนักลงทุนสถาบัน 50% โดยในส่วนของนักลงทุนสถาบันบริษัทจะเสนอขายแก่กองทุน Lombard Asia III 15 ล้านหุ้น โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯวันที่ 29 พฤษภาคมนี้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.