ไทยรุ่งเรืองเล็งปรับแผนรุกรับน้ำตาลขึ้นหวั่นกระทบตลาด


ผู้จัดการรายวัน(6 พฤษภาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

กลุ่มน้ำตาลไทยรุ่งเรืองเล็งปรับแผนดำเนินงานใหม่ หลังน้ำตาลขึ้นราคารวดเดียว 5 บาท เหตุส่งผลกระทบแน่นอนด้านกำไร เผยไตรมาสแรกยอดขายทรงตัว คาดไตรมาสสองปริมาณบริโภคน้ำตาลอาจลดลง กลางเดือนนี้เตรียมเผยโฉมสินค้า “ ลิน” ใหม่ กระตุ้นยอด

นายชนะ อัษฎาธร กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทน้ำตาลไทยรุ่งเรือง กล่าวว่า บริษัทฯอาจจะต้องทำการปรับแผนการดำเนินงานในปีนี้รวมทั้งแผนการออกสินค้าใหม่ในปีนี้ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่รัฐบาลประกาศปรับราคาน้ำตาลหน้าโรงงานขึ้นอีก 5 บาท เมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 3-6 เดือนจากนี้จะมองเห็นภาพผลกระทบที่ชัดเจนขึ้น

เนื่องจากว่า ต้นทุนการดำเนินงานต้องเพิ่มขึ้นกว่า 30% ยังไม่รวมต้นทุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอด รวมทั้งค่าธรรมเนียมในการวางสินค้าในโมเดิร์นเทรดก็เพิ่มตามด้วย แนวโน้มของยอดขายสินค้าน้ำตาลก็มีแนวโน้มจะลดลงด้วย เพราะสาเหตุผู้บริโภคซื้อน้ำตาลน้อยลงเพราะราคาแพงขึ้น

“ผมเชื่อว่า ผู้บริโภคคงช็อกในระยเวลาสั้นๆ จากการขึ้นราคาน้ำตาลทีเดียว 5 บาท แต่ว่าโดยรวมแล้วคงต้องรอดูอีก 3-6 เดือน ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งยังคงเชื่อว่า ผู้บริโภคคงสามารถปรับตัวได้”

อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ของบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตในเกณฑ์ที่ทรงตัว ส่วนแนวโน้มไตรมาสที่สองคาดว่าปริมาณการบริโภคน้ำตาลอาจจะลดลงมากกว่าไตรมาสแรก เพราะราคาที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง เนื่องจากในอดีตไม่เคยมีการขึ้นราคาครั้งเดียวถึง 5 บาท

นายชนะกล่าวต่อถึงแผนการทำตลาดผลิตภัณฑ์น้ำตาล “ลิน” ว่า หลังจากที่ทำตลาดมา 2 ปี ได้รับการตอบรับจากตลาดค่อนข้างดี ล่าสุดมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในชนิดน้ำตาลละลายเร็วแบบขวดเข้ามาทำตลาดช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ด้วย จากปัจจุบันที่มีผลิตภัณฑ์หลัก 8 ชนิดเช่น น้ำตาลละลายเร็ว น้ำตาลเบเกอรี่ น้ำตาลทองธรรมชาติ ผลึกน้ำตาลแท่งปาร์ตี้สติ๊ก น้ำตาลกรวด น้ำตาลไอซิ่ง

โดยสินค้าใหม่นั้นเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแม่บ้าน กลุ่มคนที่ต้องการความสะดวก ซึ่งจุดเด่นคือบรรจุภัณฑ์ที่เป็นฝาขวดแบบหมุน ที่ยังไม่มีใครทำมาก่อนในท้องตลาด ขนาด 300 กรัม ราคา 25 บาทซึ่งราคาสูงกว่าคู่แข่งในตลาด ส่วนแผนการตลาดปีนี้ ตั้งงบประมาณตลาดไว้ที่ 20 ล้านบาท โดยจะเน้นการสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภค

สำหรับช่องทางการจำหน่ายนั้น ช่วงแรกจะเน้นตลาดในประเทศก่อนผ่านช่องทางหลักเช่น แฟมิลี่มาร์ท ท็อปส์ เอ็มโพเรียม เดอะมอลล์ ก่อนที่จะขยายตลาดส่งออกในอนาคต
ปัจจุบันกลุ่มไทยรุ่งเรืองมีโรงงานในกลุ่มทั้งหมด 7 แห่ง คือ ที่ เพชรบูรณ์ , สระบุรี , ชลบุรี ,อุทัยธานี ,พิษณุโลก และกาญจนบุรีซึ่งมี 2 แห่ง มีกำลังการผลิตน้ำตาล (ขาว-ดิบ) รวมกันประมาณ 1.2 ล้านตันต่อปี โดยความต้องการของตลาดรวมที่เพิ่มมากขึ้นในปีนี้ ทำให้บริษัทฯมีแผนที่จะลงทุนประมาณ 200-300 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังผลิตปีนี้ที่โรงงาน อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี

ทั้งนี้ในปี 2549-2550 กลุ่มไทยรุ่งเรือง มีผลผลิตน้ำตาลรวม (ขาว-ดิบ) ประมาณ 12.25 ล้านกระสอบ และมีรายได้รวมทั้งสิ้นกว่า 16,000 ล้านบาท และในปี 2550-2551 นี้คาดว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 12.8 ล้านกระสอบ หรือเพิ่มประมาณ 550,000 กระสอบ และจะส่งผลให้ปีนี้รายได้รวมทั้งกลุ่มเติบโต 10-20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากตลาดส่งออกต่างประเทศ เช่น จีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน และในแถบตะวันออกกลาง 70% และปีนี้มีแผนที่จะขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง และหมู่เกาะแปซิฟิค อีกด้วยเพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.