คนในยุทธจักรก็เหมือนใบไม้แห้งกลางสายลมจอกแหนบนผิวน้ำ บางครั้งไม่อาจเป็นตัวของตัวเอง
ด้านหนึ่งเขาสามารถมีชีวิตอยู่อย่างรื่นรมย์แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักกับความเปลี่ยวเหงาและเจ็บช้ำขมขื่น
รสชาติอันน่าหยามหยันของชีวิตเช่นนี้ย่อมเป็น "มังกรอีสาน" เสี่ยเล้งหรือเจริญ
พัฒน์ดำรงจิตร์ คนหนึ่งที่ได้รู้
ชื่อของ "เสี่ยเล้ง" ก่อนการเลือกตั้ง 24 ก.ค. 31 ในฐานะผู้อุปถัมภ์ค้ำชู
6 ส.ส.กบฎพรรคกิจประชาคมที่ผันตัวเข้าสู่ชายคาพรรคราษฎรซึ่งเป็นฐานความหวังที่จะเสริมส่งนาม
"เสี่ยเล้ง" ให้ขจรขจาย กับความเป็น "เสี่ยเล้ง" ที่พ่ายแพ้อย่างบอบช้ำที่สุดในชิวตหลังการเลือกตั้งมันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
มังกรอีสานไยช่างมีชีวิตที่เปล่าเปลี่ยวเงียบเหงาสิ้นดี
"การเมืองมันเรื่องไม่เที่ยงแท้ ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรเมื่อก่อนนั้นเสี่ยเป็นที่รู้กันดีว่าคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของพรรคการเมือง
2-3 พรรคในสนามเลือกตั้งภาคอีสาน แต่หลังจากที่ผิดพลาดในครั้งที่ผ่านมาก็แทบจะควานหาตัวนักการเมือง
หรือผู้นำพรรคบางคนที่เคยมาพะเน้าพนอขอให้เสี่ยช่วยเหลือแทบจะไม่พบเลย"
คนสนิทของ "เสี่ยเล้ง" บอกเล่าสัจธรรมอันเจ็บปวดที่เสี่ยเล้งได้รับกับ
"ผู้จัดการ"
แต่ก็อย่างว่านั่นแหละมังกรย่อมไม่ทิ้งลายโดยเฉพาะมังกรที่ผ่านวิบากกรรมในชีวิตมามากหลายอย่าง
"เสี่ยเล้ง" ด้วยแล้วย่อมไม่ใยไพกับความแปรผันเช่นนั้นเป็นนับนาน
เมื่อพบทางตันก็ย่อมต้องเปลี่ยนแปลง เมื่อเปลี่ยนแปลงก็ทำให้คล่องแคล่วขึ้น
มังกรอีสานนาม "เสี่ยเล้ง" เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
เจอะเจอกันครั้งล่าสุดกับ "ผู้จัดการ" เมื่อเดือนที่ผ่านมาความเป็นไปของเสี่ยเล้งในวันนี้ผิดกับเสี่ยเล้งที่ซุกซ่อนตัวเองอยู่กับความเงียบเหงาเมื่อปี
2531 เหลือคณานับ วันนี้ของ "มังกรอีสาน" ผู้นี้ดูกระชุ่มกระชวยสดใสร่าเริงขึ้นเป็นกอง
"ปะ-อา-อิบ-อะ-ไต (ประชาธิปไตย) ก็อั่งที่ฮู้กันอยู่ (ก็อย่างที่รู้กันอยู่)
อ๊มอำใจได้แล้ว (ผมทำใจได้แล้ว) อุ๊กวันนี้สบายดี (ทุกวันนี้สบายดี)"
เสี่ยเล้งกับสำเนียงจีนลาวที่คุ้น ๆ กันบอกเล่าให้ "ผู้จัดการ"
ได้รับรู้ในวันที่แดดร้อนเริงร่ายแต่หัวใจของมังกรอีสานกลับเยือกเย็น
คนสนิทของเสี่ยเล้งเหลายคนบอกเล่ากับ "ผู้จัดการ" ถึงวัตรปฏิบัติในทุกวันนี้ของมังกรอีสานว่า
ได้หวนคืนกลับสู่ธรรมชาติแท้จริงของชีวิตอย่างที่เคยเป็นมานั่นก็คือ กลับมาสวมมาดของนักธุรกิจใหญ่ในภาคอีสานที่ประเมินกันว่าสินทรัพย์ส่วนตัวมีไม่น้อยกว่า
2,000 ล้านบาทอย่างเต็มตัวอีกครั้งหนึ่ง
"หลายแบงก์ดีใจที่เสี่ยเลิกยุ่งการเมืองอย่างเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนก่อน
แล้วหันกลับมาใส่ใจต่อธุรกิจเพราะเสี่ยเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ประธานแบงก์ทุกแบงก์รู้จักเป็นอย่างดี
และจะว่าไปแล้วคนอย่างเสี่ยมีเงินสด ๆ ที่จะซื้อหุ้นใหญ่บางแบงก์ได้สบาย
ๆ ทุกวันนี้เสี่ยกลับมาเป็นเสี่ยคนเดิมที่เงินหนาและชอบคบคน" คนสนิทของเสี่ยเล้งกล่าว
นอกจากนี้คำกล่าวที่เขาเคยบอกกับ "ผู้จัดการ" อย่างหนักแน่นเมื่อ
2 ปีก่อนว่า "ขอนแก่นเป็นศูนย์กลางของอีสานผมมีแต่จะขยายต้องขยายอีก"
นั้นกำลังจะกลายเป็น "ความจริงที่ยิ่งใหญ่" ของมังกรอีสานรายนี้แล้วในอนาคตอันใกล้
ความที่เสี่ยเล้งเป็นคนที่มีที่ดินมากเสียจนจำไม่ได้ว่ามีอยู่ที่ไหนบ้าง
กอบกับการมองเห็นตลาดการค้าอินโดจีนมีทีท่าจะกลายเป็นความหวังใหม่ จึงทำให้เสี่ยเล้งตัดสินใจลงทุนไม่น้อยกว่า
200 ล้านบาท เพื่อสร้างคอนโดมิเนียมและโรงแรมชั้นหนึ่งสูง 15 ชั้นกลางใจเมืองของแก่น
คอนโดมิเนียมของเสี่ยเล้งในชื่อ "เจริญทาวเวอร์" นั้นเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในภาคอีสาน
ซึ่งไม่สักแต่เพียงจะออกข่าวเท่านั้นหากในเชิงปฏิบัติทั้งในงานก่อสร้างและการตลาดก็ปรากฎว่า
โครงการดังกล่าวรุดหน้าไปแล้วกว่า 70% "หลายคนว่าเสี่ยงที่ทำคอนโดฯ
แต่เรามั่นใจว่าขายได้โดยขายให้กับกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาทำงานในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น
ที่เป็นศูนย์กลางของภาคอีสานกับจังหวัดใกล้เคียงคิดว่าถ้าไปดีคงได้ขึ้นโครงการที่
2 อีกในไม่ช้า" แหล่งข่าวที่คลุกคลีกับโครงการนี้กล่าวกับ "ผู้จัดการ"
อย่างมั่นใจ
นอกเหนือไปจากการทุ่มทุนสุดตัวเข้าสู่ธุรกิจเรียลเอสเตทดุจดังผู้เบิกโฉมหน้าใหม่ของอีสานแล้วนั้น
"เสี่ยเล้ง" ยังเตรียมพร้อมที่จะขยายอาณาจักรธุรกิจเข้าไปในพม่าและกลุ่มประเทศอินโดจีนอีกด้วย
โดยเป็น "ตัวกลาง" ของโรงเลื่อยต่าง ๆ ในจังหวัดขอนแก่นกับภาคใต้บางแห่งจัดตั้งบริษัททำไม้ขึ้นมาเพื่อขอเข้าไปทำไม้สัมปทานในประเทศพม่า
ซึ่งการเจรจาขั้นต้นดูจะผ่านไปด้วยดี
และที่น่าติดตามอีกด้านหนึ่งของมังกรอีสานผู้นี้ก็คือความพยายามที่จะผันตัวเองเข้าสู่ธุรกิจทีวีอย่างเป็นจริงเป็นจังโดยมีข่าวที่เชื่อถือได้ว่า
"เสี่ยเล้ง" ยังไม่ละความตั้งใจที่จะเข้าไปอย่างเต็มตัว หลังจากที่มีข่าวกระเซ็นกระสายมาโดยตลอดว่าแท้ที่จริงแล้วทุกวันนี้
"เสี่ยเล้ง" ก็ขับเคลื่อนบทบาทสู่วงการทีวีอยู่แล้วด้วยการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังบริษัทบางรายที่ทำรายการให้กับช่อง
11"
"ผู้จัดการ" เคยเขียนยืนยันความเป็น "เสี่ยเล้ง" ว่าไม่ว่าเกมการเมืองจะพลิกผันส่งผลให้ใครขึ้นใครตก
แต่คนอย่าง "เสี่ยเล้ง" ไม่เคยวิตก ณ ที่นี้เราก็ยังคงยืนยันความคิดเห็นนั้นไม่เปลี่ยนแปร.
มังกรไม่เคยหลับไหลได้นาน แต่บาดแผลและบทเรียนคงทำให้ "เสี่ยเล้ง"
มองเห็นวิถีทางการเมืองได้แจ่มชัดทะลุปรุโปร่งมากยิ่งขึ้น