"เอ็น-พาร์ค"ลุ้น5เดือนคดีล้มละลายจบเดินหน้าเจรจาไทยสมุทรฯทยอยคืนหนี้


ผู้จัดการรายวัน(29 เมษายน 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

“บิ๊กเอ็นพาร์ค” เผยสางสาระพัดปัญหาแล้วกว่า 80% ยันภายใน 4-5 เดือนเจรจาคดีล้มละลายระหว่างไทยสมุทรฯจบ ระบุทางออกขอทยอยใช้หนี้ ส่วนหนี้สถาบันการเงินเหลือแบงก์กรุงไทยเพียง 860 ล้านบาท เดินหน้าขายหุ้นใช้หนี้ เผยหลังสางปัญหาจบเดินหน้าโครงการเพื่อขาย เร่งหารายได้ หวังปลายปี 52 ได้เห็นกำไรแน่นอน ระบุนักลงทุนเพิ่มจาก 7,000 รายเป็น 10,000 ราย

นายเสริมสิน สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นพาร์ค เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้แก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยเริ่มจากบริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด ฟ้องล้มละลายบริษัทฯ มูลหนี้ 200 กว่าล้านบาท บวกดอกเบี้ย เป็นเหตุให้เจ้าหนี้และนักลงทุนเกรงว่า จะเป็นสาเหตุให้บริษัทฯล้มละลาย จึงถอนการลงทุนรวมไปถึงเจ้าหนี้สถาบันการเงินซึ่งได้แก่ ธนาคารนครหลวงไทย(SCIB)และธนาคารกรุงไทย(KTB) ได้เรียงเงินกู้คืน จนกลายป็นปัญหาใหญ่ที่บริษัทฯ ต้องรีบแก้ไข โดยเริ่มจากการขายหุ้นที่ถือไว้ในบริษัทต่างๆ รวมไปถึงสินทรัพย์บางชิ้น

ปัจจุบัน ปัญหาต่างๆ ได้แก้ไขไปแล้วกว่า 80% ส่วนที่เหลือหลักได้แก่ ปัญหาคดีล้มละลายกับบริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด ปัจจุบันคดีความอยู่ในชั้นศาลฏีกาพิจารณา ซึ่งผ่านมากว่า 2 ปีแล้ว คาดว่าจะได้ข้อยุติในเร็วนี้ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างรอการพิจารณาจากศาล บริษัทแนเชอรัล พาร์คฯ ได้เจรจาไกล่เกลี่ยกับทางบริษัทไทยสมุทรฯอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะได้ข้อยุติไม่เกิน 4-5 เดือนนี้ โดยอาจทยอยใช้หนี้ที่อยู่ 200 ล้านบาท บวกดอกเบี้ย

“ถ้าเราเจรจากับทางบริษัทไทยสมุทรฯได้ข้อยุติ เราก็จะสามารถดำเนินกลับมาดำเนินธุรกิจอย่างปกติได้ สถาบันการเงินหรือนักลงทุนก็จะกลับมามีความเชื่อมั่นกล้าลงทุนและให้กู้ ซึ่งบริษัทเองได้เตรียมแผนที่จะลงทุนในโครงการอสังหาฯ เพื่อขายที่สร้างรายได้เร็วและจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทออกมาเป็นบวกหรือมีกำไร คาดว่าจะเห็นผลประมาณปลายปี 2552 และตอนนี้เราได้มองที่ดินไว้ 2-3 แปลงในแนวรถไฟฟ้า แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ซื้อเข้ามา เพราะจะทำให้เป็นภาระต้นทุนได้”

ในส่วนของการชำระหนี้คืนสถาบันการเงิน ปัจจุบันได้คืนหนี้ให้แก่ธนาคารนครหลวงไทยฯครบหมดแล้ว เหลือเพียงธนาคารกรุงไทยฯจำนวน 860 ล้านบาท จากมูลหนี้ 2,000 กว่าล้านบาท ซึ่งบริษัทคงต้องใช้วิธีการแบบเดิมคือ การขายหุ้นในบริษัทต่างๆ เพื่อนำเงินชำระหนี้ แต่อย่างไรก็ดี ขณะนี้ตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น หุ้นหลายตัวมีราคาดีขึ้น จึงเตรียมที่จะเจรจากับธนาคารกรุงไทยฯ เพื่อขอผ่อนผันออกไปก่อน เพื่อรอให้ราคาหุ้นดีกว่านี้ ซึ่งจะทำให้ขายได้เงินมากกว่าและจะสามารถคืนหนี้ได้มากตามไปด้วย

สำหรับหุ้นที่บริษัทฯมีอยู่ในขณะนี้ และมีแผนที่จะขาย ได้แก่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จำนวน 62.72 ล้านหุ้น, บริษัท ซินเทค คอนสตัคชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 190 ล้านหุ้น และหุ้นในบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL ประมาณ 130 ล้านหุ้น จากทั้งหมด 500 ล้านหุ้น ซึ่งจะพ้นกำหนดห้ามซื้อ-ขายสิ้นเดือนกันยายนนี้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนหน้านี้ ผู้บริหารธนาคารได้ออกมาแสดงความเห็นใจ ด้วยการพร้อมให้บริษัทฯขอสินเชื่อได้อีก เพียงแต่ต้องชำระหนี้ก้อนที่เหลือก่อน

นายเสริมสิน กล่าวอีกว่า ภายหลังจากที่บริษัทฯได้พยายามแก้ปัญหาต่างๆ ไปจนเกือบหมดแล้ว ทำให้นักลงทุนต่างชาติแสดงความสนใจเข้ามาร่วมลงทุนด้วยจำนวนมาก และจำนวนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นในบริษัทถึง 10,000 ราย จากในช่วงก่อนหน้านี้มีเพียง 7,000 ราย

นอกจากนี้ การเข้ามาร่วมลงทุนของกลุ่มเลห์แมน บราเดอร์ส ในโครงการโรงแรม แนเชอรัล พาร์ค สยาม โฮเทล มูลค่าโครงการ 3,800 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯถือหุ้นจำนวน 35% ทำให้มีนักลงทุนต่างชาติหลายราย แสดงความสนใจเข้ามาเจรจาซื้อหุ้นของบริษัท แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีข้อสรุป เนื่องจากบริษัทฯต้องการเร่งสร้างโครงการนี้ให้แล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงกลางปี 2552 ซึ่งจะทำให้มีรายได้เข้าสู่บริษัท และหากขายในช่วงนั้น อาจได้ราคาที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจพิจารณาขายหุ้นบางส่วนออกไป แต่ยังคงสัดส่วนการถือหุ้นไม่น้อยกว่า 25%

“ นอกจากเร่งเจรจากับบริษัทไทยสมุทรฯให้ได้ข้อยุติแล้ว ตอนนี้มีอีกอยู่ 2 อย่างที่บริษัทฯต้องเร่งทำ คือ การเร่งก่อสร้างโรงแรมโนโวเทล ภูเก็ต และ โรงแรมแนเชอรัล พาร์ค สยาม เพื่อให้สร้างรายได้เข้าสู่บริษัทให้เร็วที่สุด”


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.