70 ปีก่อนการค้าพืชผลส่งออกส่วนใหญ่จะอยู่ในมือของพ่อค้าจีนจในไทยแทบทั้งนั้น
นี่ ไม่นับพ่อค้าฝรั่งอย่าง บอร์เนียวเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ที่ลงหลักปักฐานในเมืองไทยมาเกือบศตวรรษแล้วทั้งนั้น
ซึ่งพ่อค้าฝรั่งเหล่านี้ก็ทำมาหากินจากสัมปทานป่าไม้บ้าง สั่งของจากยุโรปพวกสินค้าอุปโภคที่เมืองไทยยังผลิตไม่ได้เข้ามาขายบ้าง
ไหนเลยจะมีใครคิดว่าในบรรดาพ่อค้าพืชผลส่งออก ปรากฏมีพ่อค้าอินเดียวอย่าง
จี เปรม จี รวมอยู่ด้วย
วงการธุรกิจไทยในสมัยก่อน รู้จักพ่อค้าชาวอินเดียวในฐานะเป็นพ่อค้าผ้าแถวพาหุรัด
สำเพ็งเสียเป็นส่วนมาก แต่กลุ่มพ่อค้าจีเปรม จี ไม่เป็นอย่างนั้น กลับทำมาค้าขายพวกข้าว
ข้าวโพดอ้อย ถั่วทุกชนิด แข่งกับพ่อค้าจีนได้อย่างสบาย
จากการที่บริษัทรุ่นพ่อได้วางรากฐานมาเป็นอย่างดี จนในปัจจุบันบริษัทรุ่นลูกได้เติบโตแตกกิ่งก้านสาขาไปทั่วโลกกว่า
300 แห่งแล้วมีรายได้อยู่ในระดับพันล้านบาท และที่สำคัญมีสำนักงานใหญ่ และเป็นฐานธุรกิจที่เป็นหัวใจตั้งอยู่ในเมืองไทย
ธุรกิจที่ทำอยู่ในขณะนี้ได้ขยายออกไปในหลายประเภทจากธุรกิจแบบซื้อมาขาย
ไป ก็ลงสู่การผลิตเชิงอุตสาหกรรมที่เห็นเด่น ๆ ก็ อุตสาหกรรมยา พวกเคมีภัณฑ์
วิตามิน และซอฟท์แคปซูลในนามบริษัท MEDICAP แล LUPIN CHEMICALS นับว่าเป็นการลงสู่ธุรกิจทางด้านอุตสาหกรรมที่กล้าหาญเอามาก
ๆ เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าอุตสาหกรรมยาในเมืองไทยอยู่ในมือของฝรั่งอเมริกัน และญี่ปุ่นเกือบทั้งหมด
แต่จี เปรม จี ก็กล้าที่จะทำ โดยการผลิตเป็นสินค้าเพื่อการอุตสาหกรรม พูดอีกนัยหนึ่งก็คือผลิตสนิค้ายาพวกเวชภัณฑ์ประเภทเป็นวัตถุดิบเพื่อป้อนสู่โรงงานยาอีกต่อหนึ่ง
เป็นส่วนใหญ่
เมื่อโรคเอดส์ระบาดไปทั่วโลกเมื่อ 4 ปีก่อน และความต้องการถุงมือยางในตลาดโลกยังมีอยู่มากจี
เปรม จีก็สามารถจับกระแสได้แม่น การลงสู่อุตสาหกรรมเคมียาง จึงได้เกิดขึ้น
ซึ่งไทยก็มีวัตถุดิบยางพาราอยู่มากมายมหาศาลแถวภาคใต้ อำเภอพุนพินสุราษฎ์ธานี
นั้นคือที่ตั้งโรงงานทั้ง 6 บริษัทของ จี เปรม จี
บริษัท LATEX PRODUCTS ทำหน้าที่ผลิตน้ำยางข้น โดยรับซื้อน้ำยางสดจากชาวสวนยางบริษัท
HITECH POLYMERS ผลิตส่วนผสททางเทคมีเพื่อการผลิตสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางบริษัท
UNIGLOVES ผลิตถุงมือยางประเภท EXAMINATION บริษัท UNISTRETCH ผลิตยางยืดสำหรับอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูปบริษัท
SURETEX ผลิตถุงยางอนามัยและบริษัท FLEXIBANDS ผลิตยางรัดสิ่งของ กลุ่มโรงงานผลิตภัณฑ์ยางเหล่านี้มีมูลค่าการลงทุนนับพันล้านาบาท
ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้นเอง ซึ่งการผลิตเป็นไปอย่างต่อเนื่องแทบจะไม่เหลือเศษให้ทิ้ง
เรียกว่าผลิตครบวงจร
ปรากฏการณ์ลงทุนสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ยางเช่นนั้นสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการทำธุรกิจในรุ่นลูกของจี
เปรม จี ได้อย่างดีว่า กลุ่มนี้ได้พลิกโฉมจากธุรกิจซื้อมาขายไปเป็นธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิต
ตามกระแสการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจของไทย ที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ
และแรงงานที่นับวันมีฝีมือมากขึ้น
บริษัท จี เปรม จี จำกัด ในรุ่นพ่อ มาในรุ่นลูกปัจจุบันคือ G.P GOUP OF
INDUSTRIES โดยมี กีลิด ชาร์ ผู้เป็นลูกของนายห้างจี เปรม จี ดำรงตำแหน่ง
ประธานกรรมการของกลุ่มบริษัท และมี D.N.AZAD เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัททั้ง
8 บริษัทในกลุ่มเป็นหุ้นส่วนของบริษัทรวมทั้งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายเทคนิคการผลิตของบริษัทด้วย
D.N.AZAD กล่าวกับผู้จัดการว่า โรงงานผลิตยาและผลิตภัณฑ์ยางทำหน้าที่เป็นผู้ผลิต
ป้อนสินค้าให้แก่บริษัท จี เปรม จี จำกัด ซึ่งทำหน้าที่เป็นฝ่ายเทรดดิ้ง
สินค้าที่ผลิตส่วนใหญ่จะเป็นการส่งออกประมาณ 80% ของผลผลิตทั้งหมด โดยบริษัทมีออฟฟิศ่ขายอยู่กว่า
300 แห่งในต่างประเทศทั้งในอังกฤษ, สหรัฐ, แคนาดา, ดูไบ, ซาอุดีอาระเบีย,
สิงคโปร์และอินเดีย
ยอดขายปีที่แล้ว จี เปรม จี มีจำนวนกว่า 3,000 ล้านบาทมีเครือข่ายธุรกิจอย่างครบวงจรทั้งฐานการผลิต
บริษัทส่งออก กองเรือส่งสินค้า บริษัทตัวแทนในต่างประเทศ ในอเมริกาเหนือ
เอเชียยุโรปตะวันตก และตะวันออกกลาง
พรุ่งนี้ของ จี เปรม จี ในสายตาของ D.N.AZAD เขาเชื่อมั่นในทิศทางธุรกิจของกลุ่มในการเข้าสู่อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ยาง
ที่ตลาดโลกกำลังต้องการ และในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาทางด้านเทคนิคการผลิตเขากล่าวว่า
"เราเน้นที่การผลิตเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ ด้วยบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ"
และอาจจะด้วยเหตุผลนี้เองการผลิตสินค้าของกลุ่มจึงมีผู้เชี่ยวชาญจากทั้งอินเดียและเยอรมันคอยให้การปรึกษาและการให้อบรม
เพื่อสร้างบุคลากรของกลุ่มให้มีประสิทธิภาพและในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญนี้จะมี
วิเวก และวินัย ดาวัน ลูกชาย ทั้งสองคนของ D.N.AZAD รวมอยู่ด้วย
วินัย ดาวัน เป็นวิศวกรเคมีคนเดียวของครอบครัว สำเร็จการศึกษาด้าน CHEMICAL
ENGINEERING จากสหรัฐอเมริกาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทั่วไปของกลุ่ม บริษัทอุตสาหกรรมเคมียางทั้ง
6 บริษัทที่สุราษฎร์ วิเวกดาวัน สำเร็จการศึกษาทางด้านวิศวกรเครื่องกล จากสหรัฐอเมริกาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเคมียางทั้ง
2 บริษัทที่บางปู สมุทรปราการ ทั้งสองร่วมกันประสาน 8 บริษัท เข้าด้วยกัน
นับว่าเป็นการสืบทอดสายการบริหารงานของกลุ่มบริษัทได้เป็นอย่างดี
กระแสการเชื่อมโยงอย่างไม่ขาดสายของชุมชนธุรกิจอินเดียวไม่ว่าจะก่อร่างขึ้นในไทยหรือที่อินเดีย
ต่างก็ไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก ในรูปลักษณ์ของการทำธุรกิจเบอร์ล่ากรุพในอินเดีย
ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็คงไม่ต่างจาก G.P GROUP OF INDUSTRIES หรือ G P GROUP
ในเมืองไทย