แบงก์กรุงเทพ ระบุประเทศไทยยังอยู่ในกระแสเงินฝืดและการแข่งขันที่กดดันให้ ดอกเบี้ยลดลง
เตรียมพิจารณาปรับดอกเบี้ยตามแบงก์อื่นรักษา มาร์เกตแชร์ "โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์"
หวังให้แบงก์พาณิชย์มีบทบาทต่อเศรษฐกิจประเทศ หลังฟื้นตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจ มองแบงก์ไทยอยู่ในช่วงการเปลี่ยนไถ่เข้าจุดสมดุล
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพกำลังพิจารณาประเด็นต่างๆ
ที่เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ของรัฐและเอกชนขนาดใหญ่
ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในปัจจุบันปรับลดลงต่ำ
ซึ่งถือว่าเป็นแรงกดดันต่อธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ทั่วไป เป็นไปตามการแข่งขันในเชิงธุรกิจที่เป็นเรื่องของราคา
"ธนาคารพาณิชย์อื่นๆ จะต้องพิจารณาและศึกษาถึงแนวทางการแข่งขัน หากไม่สามารถ
สู้ราคาได้ก็จะต้องหากลยุทธ์อื่นๆ เข้ามาแข่งขันเพื่อให้ลูกค้าอยู่กับธนาคารนานที่สุด"
สำหรับธนาคารกรุงเทพนั้น ธนาคารยังคงมีเวลาในการศึกษาถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ซึ่งจะ พิจารณาปัจจัยต่างๆ ในภาพรวมทั้งหมด ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะเรื่องของอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่าง
เดียว โดยจะต้องพิจารณาเรื่องของคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการให้บริการด้านอื่นๆ
ประกอบด้วย
"แบงก์กรุงเทพ ใฝ่ฝันที่จะมีบทบาทต่อเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากที่ประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ
ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ได้มีการเปลี่ยนแปลงและปรับโครงสร้าง อย่างมาก โดยในช่วง 2
ปีที่ผ่านมา ธนาคารได้ปรับปรุงเกือบที่จะเข้าสู่ภาวะปกติ คาดว่าในปี 2546 จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น"
นายโฆสิต กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลงถือว่าเป็นอัตราอ้างอิงกลางๆ เท่านั้น
ซึ่งในทางปฏิบัติจะต้องมีการพิจารณาหลายๆด้านประกอบกัน เช่น คุณภาพของลูกค้า โครงการ
หรือธุรกิจแต่ละประเภท ที่เป็นการพิจารณาในแต่ละกรณีที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ในแต่ละครั้งจะต้องมีผลกระทบต่อรายได้ของธนาคารนั้นๆ
ซึ่งจะมีความแตกต่างกัน ตามโครงสร้างของแต่ละแห่ง เช่น ธนาคารพาณิชย์บางแห่งที่ยังคงมีปัญหาแก้ไขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
(เอ็นพีแอล) ที่ยังเป็นภาระอยู่ทำให้มีข้อจำกัดในการปรับลดดอกเบี้ย
"การลดดอกเบี้ยเงินกู้ในแต่ละครั้ง จะทำ ให้มาร์จิ้นดอกเบี้ยของแบงก์แคบลง ซึ่งเป็นเรื่อง
ของทางบัญชี ในความเป็นจริงจะต้องมีหลายๆ ปัจจัยเข้ามาประกอบการคำนวณรายได้ แบงก์กำลังศึกษาถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยอยู่
คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ก็คงจะได้ทราบความชัดเจนเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร
ซึ่งถ้าหากจะมีการปรับจะต้องปรับลดลงในอัตราเท่าใด โดยปกติการลดดอกเบี้ยจะต้องปรับลดลงทั้ง
2 ด้านคือ ทั้งเงินฝากและเงินกู้"
ปัจจุบันการที่อัตราดอกเบี้ยปรับลดลงต่ำ อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ขณะที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังเติบโต
เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจของไทยและของโลกได้รับผลกระทบจากภาวะกดดันของภาวะเงินฝืด
ซึ่งเป็นเพียงแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดเท่านั้น ไม่ใช่การเกิดภาวะเงินฝืดอย่างแท้จริง
ที่มีกำลังการผลิตเหลือเกิน สภาพคล่องจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อ ที่เป็นกระแสโลกาภิวัฒน์ที่ทุกๆ
ประเทศทั่วโลกต้องรับไว้อีกนานจนกว่าสถานการณ์ ทางเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะปกติ
จากกระแสกดดันดังกล่าว ทุกประเทศพยายามที่จะแก้ไขปัญหา ทั้งนโยบายการเงินและการคลัง
เช่น สหรัฐอเมริกา ได้มีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายเรื่องของดอกเบี้ยที่จะมีการปรับลดลงอีกครั้งหนึ่ง
รวมทั้งเตรียมทำงบประมาณขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ประเทศไทยก็มีการดำเนินนโยบายทั้งการเงินและการคลังอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งได้ผลระดับหนึ่งและมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา
"การใช้นโยบายการเงิน-การคลังเป็นระยะ เวลานาน จะเกิดความเสี่ยงได้ ซึ่งต้องมีความระมัดระวังด้วย"
สำหรับประเด็นที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องการให้เอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์
ลดลงนั้น เป็นเรื่องที่ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งได้เร่งดำเนินการอยู่แล้ว โดยเอ็นพีแอลถือว่าเป็นปัญหาในการดำเนินธุรกิจ
ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการ แก้ไขไปส่วนหนึ่งแล้วและประสบความสำเร็จ ใน ส่วนที่เหลืออยู่เกือบทั้งหมดเป็นเอ็นพีแอลที่ธนาคารหมดโอกาสที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหา
เพราะ ได้เข้าไปอยู่ในกระบวนการของศาล