ไทยประกันภัยถอยห่าง"รถเล็ก"แทรกพื้นที่สาขาแบงก์ทหารไทย


ผู้จัดการรายสัปดาห์(28 เมษายน 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

"ไทยประกันภัย" ยอมถอนสมอ ประกันภัยรถยนต์ต่ำกว่า 1800 ซีซี ปรับเบี้ยเป็นระลอกหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ถือโอกาสเบียดแทรกพื้นที่ สาขาธนาคารทหารไทย ซุ่มเป็นฐานขยายตลาด ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ และประเภท 5 มาตรฐาน ควบคู่ไปกับขยายตลาดนอน มอเตอร์ และเพิ่มช่องทางไดเร็คมาร์เก็ตติ้ง อินเตอร์เน็ต และเทเลมาร์เก็ตติ้ง เสริมตัวแทนที่มีเพียง 200 ชีวิต

เหตุผลสำคัญ ที่ "ไทยประกันภัย" เลือกที่จะลดน้ำหนักเบี้ยประกันภัยรถยนต์ลงมา คิดเป็นอัตราเติบโต เพียง 10% ก็เพราะ ตลาดรถเล็กที่รับประกันภัยขาดทุน จากอัตราความเสียหายที่ถีบตัวสูง ในขณะที่ตลาดประกันภัยรถยนต์ก็เริ่มจะปรับเพิ่มเบี้ย และมีการแข่งขันสูงมากขึ้นเรื่อยๆ

" ถ้า ประกันภัยรถยนต์ โตแหลก ในปีนี้ก็จะทำใหเราโตมากไป ในปีนี้จึงขอโตแค่ 10% ก็พอ"

พณิตา ตู้จินดา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยประกันภัย อ้างอิงตัวเลข สัดส่วนประกันภัยรถยนต์ในปีก่อน มีสัดส่วน 60% และก็มีอัตราขยายตัวสูงถึง 60% ส่วนสำคัญไม่ได้มาจาก งานที่รับเข้ามาจากไฟแนนซ์ หรือสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีมากขึ้น แต่เป็นเพราะการปรับเบี้ยให้สูงขึ้น อัตราการขยายตัวจึงก้าวกระโดด

" เราจะไม่เน้นบุกตลาดประกันภัยรถยนต์ แต่จะรักษาฐานะลูกค้าเดิมเอาไว้ ดังนั้นอัตราเติบโต 10% ในปีนี้ก็คงพอ"

ตัวเลขการขยายตัวที่ลดลง กำลังอธิบายถึง ทุกบริษัทกำลังปรับเบี้ยประกันภัยรถยนต์มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดรถเล็กขนาด 1800 ซีซี ทำให้ไฟแนนซ์ หลายแห่งอาจเลือกจะส่งงานให้กับบางบริษัท ที่กำหนดเบี้ยต่ำกว่า

พณิตา อธิบายว่า ที่ผ่านมาได้ปรับเบี้ยรถเล็กไม่เกิน 1800 ซีซี ขึ้น 20-25% และกำลังจะปรับขึ้นอีกในปีนี้ราว 10-15% โดยจะดูที่อัตราความเสียหายหรือ ลอส เรโช ที่เริ่มจะสูงขึ้นเป็นเกณฑ์ ขณะที่รถเครื่องยนต์ 2000 ซีซีขึ้นไป ราคาเบี้ยยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

"เราต้องตั้งเป้ารถยนต์น้อยลง เพราะไม่อยากแข่งขันด้านราคา ทำให้ปีนี้อัตราการเติบโตจะไม่หวือหวาเหมือนปีก่อน นอกจากนั้นเราก็จะได้เห็นผู้แข่งขันรายใหม่ รายใหญ่ ถอยห่างตลาดรถยนต์ขนาดเล็กมากขึ้นด้วย"

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา รายได้จากตลาดประกันภัยรถยนต์ส่วนใหญ่จะมาจาก ไฟแนนซ์ โบรกเกอร์ และสาขา ขณะที่ตัวแทนที่มีจำนวน 200 ราย ถือว่าน้อย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวแทนธุรกิจประกันวินาศภัยให้คอมมิชชั่นไม่สูง เหมือนประกันชีวิต สัดส่วนจึงไม่สูงมาก ขณะเดียวกัน บริษัทก็ยังไม่ได้สร้างตัวแทนอย่างเป็นจริงจัง

พณิตา ย้ำถึงจุดแข็ง การถือหุ้นบางส่วนในธนาคารทหารไทย ภายหลังการเข้ามาถือครองหุ้นใหญ่ของกลุ่ม ไอเอ็นจี กรุ๊ป จากเนเธอร์แลนด์ ทำให้มีโอกาสขยายฐานลูกค้าในกลุ่มธนาคาร โดยจะมีการนำเสนอสินค้า ผ่านช่องทาง แบงแอสชัวรันส์ หรือขายประกันผ่านสาขาแบงก์ แยกจาก สินค้าที่นำเสนอโดยตัวแทน

"เราจะขายประกันภัยรถยนต์ 3 พลัส และประเภท 5 ในสาขาแบงก์ เพราะพนักงานสามารถอธิบายให้ลูกค้าฟังง่าย ไม่ซับซ้อน ส่วนประกันภัยประเภท 1 จะใช้ช่องทางตัวแทน และสาขา เหมือนเดิม"

พณิตา บอกว่า หลังจากนั้น ก็จะตามมาด้วยสินค้าแบบแพกเกจสำหรับรายย่อย ที่จะเสนอสินค้าลูกค้าผ่านช่องทางสาขาแบงก์เท่านั้น อาทิ ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ แบบชดเชยรายได้ และประกันภัยโรคมะเร็ง เป็นลำดับต่อไป ทั้งนี้ได้เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายเบี้ย 6 เดือนแรก ที่ 50 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปีนี้จะเพิ่มช่องทางจำหน่ายใหม่เพิ่มขึ้น อาทิ อินเตอร์เน็ต หรือแม้แต่ ไดเร็ค มาร์เก็ตติ้ง โดยเฉพาะเทเลมาร์เก็ตติ้ง มากขึ้น เพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ลูกค้ารายย่อย คนวัยทำงาน รุ่นใหม่ ที่มีสถานที่ทำงานบนตึกใหญ่ หนาแน่นโดยจะจับตลาด ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลหรือ พีเอ

"ปีนี้เราจะเจาะช่องทาง เทเลเซลส์ และขายผ่านสาขาแบงก์มากหน่อย ถือเป็นการขยายตลาดรายย่อย ซึ่งเดิมมีจำนวนลูกค้าอยู่เพียง 1 แสนกว่าราย แต่มีสัดส่วนเบี้ยถึง 70% เมื่อเทียบกับ ลูกค้ารายใหญ่ที่มีเพียง 30%"

พณิตา บอกว่า ตลาดสำหรับอินเตอร์เน็ต จะโฟกัสไปที่ ประกันภัยการเดินทางเป็นหลัก ในกลุ่มนักท่องเที่ยว ขณะที่ไดเร็คมาร์เก็ตติ้ง จะเริ่มที่ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล หรือ พีเอ เพราะขายง่าย และลูกค้าก็ทำความเข้าใจได้ง่ายกว่า

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการรีแบรนดิ้ง ยังต้องใช้งบประมาณในส่วนนี้อีก 15 ล้านบาท ผ่านหนังโฆษณา เพื่อเจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวัยทำงาน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.