PHATRAฟุ้งปีนี้รายได้เกิน1.5พันล้านงานไอพีโอหนุนรุกลงทุนต่างประเทศ


ผู้จัดการรายวัน(24 เมษายน 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

PHATRA คาดรายได้ปีนี้มากกว่าปีก่อนที่ 1.5 พันล้านบาท เหตุมีรายได้จากดีลไอพีโอเพิ่มเข้ามา หลังจากปีที่แล้วไม่มีดีล เผยขณะนี้มี 2-3 ราย มูลค่าการระดมทุนไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท พร้อมขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ คาดได้ข้อสรุป 1-2 เดือนข้างหน้า เผยมีความสนใจลงทุนธุรกิจ บลจ. ส่วนการออกหุ้นกู้อนุพันธ์วงเงิน 1 พันล้านบาทและใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์วงเงิน 300 ล้านบาท คาดดำเนินการได้ปลายปี

นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ PHATRA เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าแนวโน้มรายได้ปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ที่ 1,569 ล้านบาท หลังจากในปีนี้บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจด้านวาณิชธนกิจเข้ามาเพิ่มจากปีก่อน ที่บริษัทมีรายได้ในด้านดังกล่าวเพียง 14% โดยปีก่อนบริษัทไม่มีดีลไอพีโอเลย แต่ปีนี้คาดว่าจะมีดีลไอพีโอเข้ามา 2-3 ราย โดยที่เพิ่งจบไปก็คือ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ESSO ซึ่งการเพิ่มขึ้นของดีลดังกล่าวจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทได้ บวกกับวอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ยในตลาดหุ้นไทยที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่สัดส่วนรายได้ของบริษัทยังคงมาจากธุรกิจด้ายหน้านายซื้อขายหลักทรัพย์เป็นหลักประมาณ 70% จากธุรกิจด้านวาณิชธนกิจประมาณ 25% และอื่นๆ 5% ด้านพอร์ตการลงทุนของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ พอร์ตการซื้อขายประจำวัน มีวงเงินไม่เกิน 600 ล้านบาท และพอร์ตการลงทุนระยะกลางและระยะยาว มีวงเงิน 1,500 ล้านบาท ซึ่งเมื่อสิ้นปี 50 ได้ใช้วงเงินไปแล้ว 1,000 ล้านบาท และมีกำไรส่วนเกินอยู่ที่ 172 ล้านบาท โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยการลงทุนในปีก่อนที่ 25% สำหรับในอนาคตหากวงเงินดังกล่าวถูกใช้เต็มจำนวน บริษัทก็อาจพิจารณาเพื่อขยายวงเงินดังกล่าวมากขึ้น ส่วนหุ้นที่จะเลือกลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม Domestic Consumtion และยานยนต์

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายการลงทุนไปในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งคาดว่าประเทศแรกน่าจะเป็นเวียดนาม คาดได้ความชัดเจนเกี่ยวกับการลงทุนในต่างประเทศในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า และรอดูความชัดเจนในนโยบายของภาครัฐในการอนุญาตให้ไปลงทุนในต่างประเทศก่อน พร้อมกับพิจารณาการลงทุนในธุรกิจด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซึ่งมองว่าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้ดี

สำหรับการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์วงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท และหุ้นกู้อนุพันธ์วงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะออกและเสนอขายได้ในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ ขณะที่การพิจาณาเสนอขายจะพิจารณาตามความต้องการของนักลงทุนในช่วงเวลานั้น อาทิ หากนักลงทุนมีความต้องการหุ้นกู้อนุพันธ์ บริษัทจะพิจารณาออกและเสนอหุ้นกู้อนุพันธ์ก่อนเป็นต้น ส่วนอายุของตราสารที่จะออกจะไม่เกิน 1 ปี แต่อาจพิจารณาออกเป็น 3 เดือน หรือ 6 เดือน อยู่ที่ความเหมาะสมของภาวะตลาดในขณะนั้น

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ภัทร กล่าวว่า ปีนี้บริษัทมีดีลลูกค้าที่จะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการอีก 2-3 ดีล โดย 1 ในจำนวนดังกล่าวเป็นดีลของบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้ศาลล้มละลายกลางอนุมัติการกระจายหุ้น IPO ส่วนอีก 2 ดีล เป็นหุ้นของบริษัทในกลุ่มสาธารณูปโภค และบริษัทในกลุ่มธุรกิจการเกษตร ซึ่งแต่ละดีลมีมูลค่าระดมทุนไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.