|
จับชีพจรหุ้นกลุ่มผลิตผลเกษตรรับอานิสงค์พลังงานทดแทนแรงไม่แผ่ว
ผู้จัดการรายสัปดาห์(21 เมษายน 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
กระแสพลังงานทดแทนร้อนแรงต่อเนื่องทำราคาขึ้นจุดสูงสุดใหม่ไม่หยุดหย่อน หนุนพื้นฐานหุ้นกลุ่มผลิตผลการเกษตรทั้ง ถั่วเหลือง, ปาล์ม และน้ำตาล ได้ประโยชน์ระยะยาว
ราคาพืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะกลุ่มพืชพลังงานมีการปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เกือบทุกชนิดในรอบปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่ได้มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้พืชพลังงานหลากหลายชนิดได้รับความสนใจที่จะนำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนในหลายๆ ประเทศทั่วโลก
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)โกลเบล็ก ระบุว่า แม้ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลงในระยะยาว แต่เชื่อว่าราคาพืชพลังงานทดแทนจะยังอยู่ในระดับสูงเนื่องจากรัฐบาลทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนนโยบายการใช้พลังงานทดแทนจากพืชเพื่อลดภาวะโลกร้อน และเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรภายในประเทศ
ฝ่ายวิจัยคาดผลประกอบการของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับพืชพลังงานทดแทนเช่น บมจ.ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม (UVAN), บมจ.น้ำมันพืชไทย (TVO) และ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) จะได้รับประโยชน์จากราคาพืชพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุด จึงเลือกหุ้นกลุ่มดังกล่าวเป็นหุ้น Top Pick
ขณะที่มีทั้งผู้ได้และเสียประโยชน์ในกลุ่มเกษตรและอาหาร โดยหุ้นที่ประกอบธุรกิจปศุสัตว์เช่น บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) จะได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น แต่ยังมีปัจจัยบวกเรื่องการส่งออกสินค้าอาหารที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีนี้จากข้อตกลงทางการค้าและโอกาสในการขยายฐานลูกค้าในประเทศต่างๆจากการที่สินค้าอาหารจากประเทศจีนมีปัญหาด้านความปลอดภัย จากทั้ง 2 ปัจจัย โดยรวมจึงแนะนำน้ำหนักการลงทุนหุ้นในกลุ่มเกษตรและอาหารเป็น Neutral
บล. โกลเบล็ก แนะให้เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มพืชพลังงาน UVAN , KSL และ TVO โดยKSL ต้องซื้อลงทุนระยะยาว เนื่องจากราคาน้ำตาลโลกในปีนี้มีแนวโน้มที่จะไม่ปรับตัวสูงมากนัก แต่มีโอกาสจะปรับสูงขึ้นในปี 2550 จากการคาดการณ์โดย F.O.Licht ว่าอุปทานน้ำตาลโลกจะขาดดุลประมาณ 1 ล้านตัน และ KSL จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตในลาวและกัมพูชา อีกทั้งจะเป็น ผู้ได้รับประโยชน์สูงจากการที่เป็นเจ้าของสัมปทานปลูกอ้อยในประเทศลาวและกัมพูชา
ส่วน UVAN ราคาเฉลี่ยน้ำมันปาล์มดิบปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน แม้จะคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันปาล์มจะเพิ่มขึ้นมากในปีนี้ เนื่องจากการขยายกำลังการผลิตจากประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย แต่ยังเชื่อว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบโดยเฉลี่ยทั้งปีจะสูงกว่าปี 2550 ประมาณ 17% อิงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
รวมทั้ง UVAN จะได้ประโยชน์จากการบังคับใช้ไบโอดีเซล (B2) ที่จะทำให้ความต้องการน้ำมันปาล์มดิบทั้งประเทศเพิ่มขึ้น 3 แสนตันต่อปี (คิดเป็นประมาณ 30% ของน้ำมันปาล์มดิบที่ผลิตได้ในประเทศ UVANเป็นผู้ปลูกปาล์มน้ำมันและขายน้ำมันปาล์มดิบจึงได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันปาล์มดิบที่จะพุ่งขึ้นมากที่สุดโดยไม่ต้องรับภาระเรื่องการควบคุมราคาขายน้ำมันปาล์มบรรจุขวด
สำหรับ TVO ราคาถั่วเหลืองปีนี้น่าสนใจ เนื่องจากมีการคาดการณ์โดย USDA ว่าอุปทานถั่วเหลืองปีนี้จะขาดดุลจากปีก่อนประมาณ 25% ส่งผลให้ราคาถั่วเหลืองมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นในปีนี้ โดยเราคาดว่าราคาถั่วเหลืองในปีนี้จะปรับสูงกว่าราคาเฉลี่ยในปี 2550 ประมาณ 19% (อิงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งTVO จะได้ประโยชน์จากราคาถั่วเหลืองที่สูงขึ้นเนื่องจากนโยบายการซื้อถั่วเหลืองล่วงหน้า และราคากากถั่วเหลืองที่เป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้จากการสกัดน้ำมันก็จะมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วยตลาด
จากการพิจารณาความสัมพันธ์ของราคาหุ้น KSL ,UVAN และ TVO กับราคาน้ำตาล น้ำมันปาล์มดิบ และถั่วเหลือง พบว่ามีความสัมพันธ์กันในระดับที่สูงสรุปได้ว่าราคาหุ้นมีการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาพืชพลังงานที่เกี่ยวข้องในระดับที่สูง ถ้าราคาพืชพลังงานมีการปรับตัวขึ้นราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|