"ตกเวทีประวัติศาสตร์"
ไม่ว่าจะเป็นใคร ? ประพฤติปฏิบัติอยู่ในสาขาวิชาชีพใด ? แต่ถ้าต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น
มันก็เป็นเรื่องเจ็บปวดยิ่งนัก ซึ่งถ้าไม่มีทางเลี่ยงไหน ? ที่จะดีเท่าไปกับ
"ยอมทนก้มหน้ารับกับชะตากรรมอันน่าชิงชังนั้นแล้ว ยอมเดินลงจากเวทีอย่างสง่าผ่าเผย…"
คนบางคนอาจพ่ายแพ้บนเวทีผืนนั้น ทว่ายังมีสิทธิที่จะชนะบนเวทีแห่งอื่น หากว่ายังมีใจเป็นนักสู้อยู่อย่างไม่ท้อถอย
เพราะสันดานพื้นฐานอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่เป็นนักสู้นั้นก็คือ "มนุษย์เรานั้นยอมที่จะถูกทำลาย
แต่จะไม่ยอมอยู่อย่างผู้แพ้ตลอดไปเป็นอันขาด"
ยุทธนา ธนวิกสิต…วัย 43 ปี สำหรับเขา "ความหวัง" ยังทอดรองรับอยู่ยาวไกล
แม้ว่าความเป็นจริงในวันนี้เขาจะต้องยอมรับกับความเป็น "ผู้แพ้"
อย่างไม่ใยดีกับสิ่งรบกวนใด ๆ สักครั้งหนึ่ง !!!???
"ผมคิดว่า มันถึงที่สุดแล้ว จริงอยู่ว่าผมอาจรับงานหนึ่ง ๆ ที่มีกำไรถึง
10 ล้านบาท แต่อย่าลืมนะว่า ในอีก 11 เดือนที่เหลือ ผมต้องมีค่าใช้จ่ายอีกบานตะไท
รวมแล้วมันก็ขาดทุน ซึ่งสถานการณ์ที่ต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบันมันเป็นอย่างนี้จริง
ๆ ปีหนึ่ง ๆ ไม่ว่าผมหรือบริษัทอื่นเราอาจรับงานได้เพียงงานเดียว" ยุทธนากล่าวกับ
"ผู้จัดการ" ถึงสาเหตุที่เขาต้องปิดฉากตัวเอง และบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่คนรุ่นพ่อได้สั่งสมชื่อเสียงมานานถึง
27 ปี
แน่นอน…สำหรับเขามันย่อมมีความปวดร้าวซึมแทรกทุกอณูชีวิต !!!
ยุทธนา ธนวิกสิต ศิษย์เก่าอำนวยศิลป์ วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาโยธา จากมหาวิทยาลัยเวสต์
เวอร์จิเนีย และอดีตนายช่างโท กรมชลประทาน อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย
เป็นลูกชายของเสรี ธนวิกสิต เจ้าของ "เสรีธนะ" ผู้รับเหมาชื่อดังรายหนึ่งของเมืองไทยที่มีอายุยาวนานกว่า
30 ปี ซึ่งในแวดวงกรมชลประทานแล้วนั้น ชื่อ "เสรีธนะ" เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็น
1 ในผู้กำงานก่อสร้างใหญ่ ๆ ของกรมชลฯ มาโดยตลอด ระยะเวลาของการก่อตั้งบริษัท
"เสรีธนะ" ย่ำรอยความสำเร็จในกรมชลฯ มากเพียงไร ? คงเป็นที่ประจักษ์กันดีเมื่อบริษัทคนไทยเล็ก
ๆ แห่งนี้กล้าที่จะทุ่มราคาไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทหาญสู้กับบริษัทรับเหมายักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นอย่าง
"นิชิมัตสึ" คราวประมูลก่อสร้างเขื่อนแม่กวง จ.เชียงใหม่
เหตุการณ์ในครั้งนั้น ถ้าไม่มีแรงบีบจากรัฐบาลญี่ปุ่นเกี่ยวกับเรื่องเงินกู้
OECF แล้วเชื่อกันว่า เรื่องที่ "นิชิมัตสึ" จะคว้าพุงปลาไปกินได้ง่าย
ๆ นั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แน่นอน…
แต่ "เสรีธนะ" ก็มีวันที่รู้จักกับ "ความพ่ายแพ้" อย่างสมบูรณ์แบบเมื่อระยะปีสองหีที่ผ่านมาที่งานประมูลของกรมชลประทานค่อนข้างจะมีปัญหา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตัดราคา ราคาเข้าสู้กันโดยยอมขาดทุน รวมไปถึงการแบกรับภาระใช้จ่ายในการก่อสร้างที่เกินกำลังในแต่ละโครงการ
โดยไม่จำเป็น ซึ่งในที่สุดก็ทำให้ผู้รับเหมาที่เคยร่ำรวยมากับงานของกรมชลฯ
หลายราย ไม่ว่าจะเป็น ประมวล พัฒนาการ ราชวัตร ฯลฯ มีอันต้องลาเลิกไปทีละรายสองราย
บางรายถึงขั้นล้มละลายเลยก็มี
"เสรีธนะ" เป็นรายล่าสุดที่ต้องยอมรับกับสภาพนั้นโดยไม่มีสิทธิปฏิเสธ!!
ยุทธนา ในฐานะผู้ดูแลกิจการสู่สภาพดังกล่าวยิ้มรับกับ "ผู้จัดการ"
อีกครั้งว่า "ผมยอมที่จะเจ็บปวดตอนนี้ดีกว่าที่จะเลวร้ายมากขึ้น หลักการทำงานของพ่อและผมมีอยู่ว่า
เก่งต้องเก่งทางเดียว เป็นผู้รับเหมาก็รับงานกรมชลฯ ที่เดียว เมื่ออะไร ๆ
มันไม่ดีก็ถอยฉากออกมา และดูทางอื่ที่เราพอจะสู้กับมันได้"
จากจุดนี้เอง ยุทธนาจึงเริ่มงานใหม่ในฐานะ LAND DEVELOPER รายใหม่ของวงการอย่างจริงจัง
เมื่อปลายปี 25314 ทั้งนี้ด้วยการนำเอาที่ดินจำนวน 500 ไร่ ที่ อ.บางไทร
จ.อยุธยา ซึ่งซื้อไว้ในสมัยที่งานรับเหมายังรุ่งเรืองมาจัดสรรขาย
คราวนี้เขาร่วมกับ ศจ.ระพี สาคริก "ปรมาจารย์กล้วยไม้" พัฒนาที่ดินบริเวณดังกล่าวให้กลายเป็น
"อุทยานกล้วยไม้" ซึ่งนับเป็น "สวนเกษตร" ที่แปลกไปจากที่อื่น
ๆ ซึ่งนิยมปลูกผลไม้ในที่ดินแล้วแบ่งขายให้กับผู้ที่สใจ
ยุทธนา บอกถึงการตัดสินใจเลือกเอา "กล้วยไม้" มาเป็นจุดขายว่า
เป็นเพราะ 1. ความมีใจรักส่วนตัวที่ผูกพันกับกล้วยไม้มาแต่เล็ก โดยซึมซาบมาจาก
ประพินทร์ เอื้อประยูรวงศ์ เจ้าของเจ้าพระยาออร์คิด ผู้เพาะพันธุ์รายใหญ่ที่เป็นอา
และ 2. ความที่มองเห็นว่า ตลาดกล้วยไม้ไทยในตลาดโลกนั้นยังมีลู่ทางไปได้สวยอย่างตลาดญี่ปุ่น
1,400 ล้านดอลลาร์กว่า 40 ล้านดอลลาร์เป็นกล้วยไม้จากไทย ซึ่งยังมีตลาดยุโรปอีก
40% ที่กล้วยไม้ไทยครองตลาดอยู่
ยุทธนา และ ศจ.ระพี เชื่อมั่นว่า หากมีการพัฒนาคุณภาพกล้วยไม้อย่างจริงจังแล้ว
หนทางที่กล้วยไม้ไทยจะบานชูช่อเป็น "หนึ่ง" ในตลาดโลกย่อมอยู่ไม่ไกลเกินฝัน
!! และคนทั้งสองก็เริ่มกันที่นั่น "อุทยานกล้วยไม้" ณ สวนบางไทร
อยุธยา
"ที่เราเลือกอยุธยาเป็นเพราะอยู่ใกล้กับแอร์พอร์ตพอตัดดอกหรือเพาะต้นก็ส่งมาที่แอร์พอร์ตเลยสะดวกกว่าแถบบางแค
หรือหนองแขมที่เป็นแหล่งผลิตใหญ่ในขณะนี้ ซึ่งแนวโน้มแหล่งผลิตกล้วยไม้จะขยายออกมาทางอยุธยาและปทุมธานีมากขึ้น
ทั้งนี้ด้วยเหตุผลดังกล่าว" ยุทธยาบอกกับ "ผู้จัดการ" และเผยต่อว่า
กล้วยไม้ในอุทยานแห่งนี้จะเน้นที่กล้วยไม้ธุรกิจ ซึ่งมีทั้งตัดดอกและขายต้นเป็นหลัก
นอกจากนี้ยังจะได้รวบรวมพันธุ์กล้วยไม้ในเขตร้อนทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์
อินโดนีเซีย ฯลฯ มาไว้ยังอุทยานแห่งนี้ เพื่อจัดเป็นอุทยานกล้วยไม้ไว้ทัศนศึกษาอีกด้วย
อุทยานกล้วยไม้แห่งนี้ อาจไม่ใช่สวนกล้วยไม้ธุรกิจใหญ่ที่สุด แต่ก็เป็นสวนกล้วยไม้เพื่อการพักผ่อนที่ใหญ่ที่สุด
และเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์กล้วยไม้ที่มากที่สุด !!!
"สำหรับผู้ที่ซื้อที่ดินจัดสรรของเรา ใครสนใจจะปลูกกล้วยไม้ เรายินดีที่จะให้คำแนะนำและสนับสนุน
โดยเฉพาะเรื่องตลาดเราได้เจ้าพระยาออร์คิดที่มีข่ายงานตลาดกว้างขวางมาให้การช่วยเหลือ
นอกจากนี้ ริมรั้วบ้านเราก็จะปลูกต้นโกสนให้ เพราะใบโกสนสามารถตัดขายได้
ซึ่งตลาดกำลังมีคนสนใจกันมาก ที่ดินเราแบ่งขายเพียง 100 ไร่ที่เหลือจะทำเป็นสวนกล้วยไม้
และที่พักผ่อน" ยุทธนากล่าว
และหากความใฝ่ฝันของเขาไม่สะดุด ยุทธนาหวังว่า สักวันหนึ่งเขาอาจได้สร้างคอนโดเทลขึ้นในอุทยานกล้วยไม้แห่งนี้
และนั่นเขาอาจกลับมาเป็น "เสือคืนถิ่น" ทีป่ระสบชัยชนะในวงการก่อสร้างในบั้นปลายที่สามารถยิ้มรับความเป็น
"ผู้ชนะ" ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ !!!???