|
บู๊ทส์ เขย่าบัลลังก์ วัตสัน งัด Regional Marketing ปะทะ Customer Insight
ผู้จัดการรายสัปดาห์(7 เมษายน 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
บู๊ทส์ ชูไทยเป็นฮับภูมิภาคผลิตสินค้าสนองคนเอเชีย งัดกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์แบบ Step Up ภายใต้ราคาเหมาะสม พร้อมเร่งขยายสาขาหวังชิงบัลลังก์ผู้นำ ขณะที่วัตสัน อัดกิจกรรมนอกร้าน รุกเข้าสวนลุมขยายฐานลูกค้า พร้อมเพิ่มช่องทางใหม่ด้วยการเปิดเว็บไซต์เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลสินค้าและโปรโมชั่นได้เร็วขึ้น จูงใจให้มาใช้บริการถี่ขึ้น
บู๊ทส์ ทุ่มงบ 15 ล้านบาท ย้ายสำนักงานจากตึกชาญอิสสระ 2 มาสู่ สำนักงานที่บิ๊กซี ราชดำริ เพื่อยกระดับตลาดเมืองไทยให้เป็น ฮับ ของภูมิภาค โดยจะมีการพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของคนเอเชีย ซึ่งจากเดิมเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาจากสหราชอาณาจักร และ ประเทศต่างๆในยุโรป
อย่างไรก็ดี บู๊ทส์ ได้เริ่มว่าจ้างบริษัทในเมืองไทยผลิตสินค้าให้มาก่อนหน้านี้ 5-6 ปี และค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสินค้าที่ผลิตขึ้นเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคในเอเชียได้อย่างดี จึงส่งผลให้ได้รับการตอบรับมากขึ้น
ทั้งนี้ บู๊ทส์ มีสินค้าเฮาส์แบรนด์ภายใต้ชื่อ บู๊ทส์ กว่า 700 รายการ และมีแผนเพิ่มเป็น 1,500 รายการภายใน 18 เดือน โดยสินค้าเฮาส์แบรนด์เหล่านี้สามารถสร้างสัดส่วนรายได้ให้กับบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 50% ส่วนอีก 50% เป็นอินเตอร์แบรนด์ที่จำหน่ายในร้าน
แม้ว่าภาพลักษณ์ของบู๊ทส์ จะเป็นผู้นำในเรื่องของร้านยา ทว่าทางบริษัทได้วางโพสิชันนิ่งให้เป็น Health & Beauty Store ซึ่งเท่ากับว่าบู๊ทส์ ต้องการที่จะชิงตลาดกับวัตสันโดยตรง โดยกลยุทธ์หลักที่ใช้ในการขยายฐานลูกปค้าใหม่ และเพิ่มความถี่ในการใช้สินค้าให้กับลูกค้ากลุ่มเดิมคือ การพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการและดีกว่าคู่แข่ง ในราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังต้องผลักดันสาขาให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากที่สุด เช่น การมีสาขาตามห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เกต คอมมูนิตี้มอลล์ อาคารสำนักงาน หรือแม้แต่ห้องแถวตามชุมชนเช่นย่านเยาวราช และยังขยายสาขาไปถึงต่างจังหวัด
ปัจจุบันบู๊ทส์ มีสาขา 141 แห่ง ขณะที่วัตสันมีสาขา 145 แห่ง ทว่าเป้าหมายของบู๊ทส์คือการขยายสาขาปีละ 20 สาขา ขณะที่ วัตสันมีแผนขยายสาขาปีละ 10 กว่าแห่ง ซึ่งจะทำให้บู๊ทส์มีโอกาสขยายสาขาแซงหน้าวัตสันได้ภายใน 1-2 ปีนี้ โดยบู๊ทส์ มองว่าควรมีสาขาในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 250 แห่งเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วประเทศ
ดังนั้นเพื่อเป็นการปกป้องตลาดมิให้เสียให้กับคู่แข่ง ทางวัตสันจึงมีการชูเรื่อง Customer Insight เพื่อให้ลูกค้าเกิดลอยัลตี้กับร้าน
“ในปีนี้ เราจะต่อยอดในการเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย โดยจะมีการนำเสนอกิจกรรมแบบอินเตอร์แอกทีฟให้ลูกค้ามีส่วนร่วม ซึ่งจะทำให้เราใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น” โทบี้ แอนเดอร์สัน ผู้จัดการทั่วไป เซ็นทรัล วัตสัน กล่าว
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาวัตสันมีการทำกิจกรรม Watson Good Heart Smart Health โดยจัดกิจกรรมเพื่อสุขภาพให้กับลูกค้า พร้อมบริการตรวจสุขภาพฟรี ณ สวนสาธารณะ 2 แห่งคือที่สวนลุม และสวนรถไฟ ส่วนในปีนี้จะโฟกัสไปที่สวนลุมเท่านั้น ทว่าเพิ่มระยะเวลาการจัดเป็นกิจกรรมที่ให้บริการเกือบตลอดทั้งปี ซึ่งช่วยขยายฐานลูกค้าให้กับวัตสัน เนื่องจากลูกค้าหลักคือ กลุ่มวัยรุ่นและคนเริ่มต้นทำงานอายุ 20-30 ปี ส่วนกลุ่มรองคือกลุ่มอายุ 30 ปีขึ้นไป ในขณะที่กลุ่มคนที่มาใช้บริการในสวนสาธารณะส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นอีกกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพมากกว่าวัยอื่นๆ
นอกจากนี้วัตสันยังเพิ่มช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายด้วยการทำเว็บไซต์ของตัวเอง เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้ทำโครงการ You Awards ซึ่งเป็นการประกวดแบบอินเตอร์แอกทีฟออนไลน์โดยมีการสร้างเว็บไซต์เฉพาะกิจเพื่อให้ผู้บริโภคได้แสดงเอกลักษณ์ของตัวเอง เช่น ผมสวย ใบหน้าเป็นมิตร ริมฝีปากเสน่ห์ รูปร่างดี พร้อมเปิดโอกาสให้มีการโหวตซึ่งได้รับการตอบรับกว่า 190,000 โหวต ทำให้บริษัท ตัดสินใจผลิตเว็บไซต์ของตัวเอง ซึ่งมีทั้งเนื้อหาเกี่ยวกับสุขภาพและผลิตภัณฑ์ โปรโมชั่นใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารับทราบข้อมูลรวดเร็วและเข้ามาใช้บริการถี่ขึ้น
ในขณะที่บู๊ทส์เองก็พยายามจะขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มหลักที่เป็นผู้หญิงระดับปานกลางไปถึงระดับบน มาสู่ตลาดระดับ B+ และ C- เนื่องจากเป็นฐานตลาดที่กว้างขึ้น โดยใช้กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์และราคาเป็นตัวนำ เนื่องจาก บู๊ทส์ มีไลน์ผลิตภัณฑ์หลากหลายระดับ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น ระดับกลาง ไปถึงระดับบน ซึ่งแต่ละระดับก็จะมีผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ตอบสนอง โดยมีการแนะนำผลิตภัณฑ์แบบ Step Up คือการทำให้ลูกค้าที่เริ่มต้นใช้สินค้าประเภทนั้นๆขยับขึ้นมาใช้สินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าราคาก็ต้องขยับตามขึ้นมา แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วจะต้องทำให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความคุ้มค่ามากกว่า โดย TRUST เป็นคอนเซ็ปต์แบรนด์ของ บู๊ทส์ ซึ่งย่อมาจาก Trust, Respect, Understanding, Simplicity และTogether
“เภสัชกรของเราไม่ได้แค่แนะนำเรื่องยาและสุขภาพแต่ยังสามารถให้ความรู้เกี่ยวกับความงามแก่ลูกค้าด้วย” เอียน ฮันเตอร์ กรรมการผู้จัดการ บู๊ทส์ รีเทล (ประเทศไทย) กล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|