ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สะเทือน หลังศธ.เอาจริงเตรียมยื่นข้อเสนอต่อครม.วันที่
8 มิ.ย. ห้ามขายในร้านสะดวกซื้อ ห้ามโฆษณาทีวีก่อนสี่ทุ่ม และห้ามใช้บุคคลโฆษณา
เบียร์ช้างโต้คนไทยดื่มเบียร์ปริมาณต่ำ ชี้ไม่ใช้สาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุ หวั่นครม.ลงมติเอกฉันท์
เบียร์ช้าง-ไทเบียร์ หน้ามืดห้ามทำสปอตมาร์เกตติ้ง ส่วนเบียร์สิงห์เดี้ยงกลยุทธ์สร้างแบรนด์ด้วยพรีเซ็นเตอร์พัง
เชื่อศธ.เข้มเพราะตลาดอาร์ทีดีคึกคักและเจาะกลุ่มวัยรุ่นเกินไป ส่วนเซเว่นฯโดนหางเลขรายได้หด
ด้านทีวีเชื่อจัดระเบียบโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังสี่ทุ่มส่งผลดี โฆษณาไม่กระจุกตัวช่วงหัวค่ำ
จากการที่คณะอนุกรรมการชุดยุทธศาสตร์ให้ความรู้และประชาสัมพันธ์ของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้
รายงานมาตรการเพื่อยกระดับความปลอดภัย ทางถนน ได้รายงานต่อนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายก-รัฐมนตรี
ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน โดยเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา 1.ห้าม
โฆษณาเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น เบียร์ เหล้า อาร์ดีที ในเวลา
05.00-22.00 น. 2. ห้ามบุคคลเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3.ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานีบริการ
(ปั๊ม) น้ำมันอย่าง ถาวร เนื่องจากพบว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนและสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน
โดยข้อเสนอดังกล่าวจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 8 ก.ค. นี้
จากกรณีดังกล่าวถือว่าเป็นการเขย่าตลาดเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ทุกประเภทให้สั่นคลอน
เนื่องจากหากเป็นการปิดกั้นช่องทางจำหน่ายและทำให้ผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภททำตลาดได้ยากมากขึ้น
โดยจากการสำรวจของบริษัท คอลด์เบคค์ แมคเกรเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2545
พบว่าคนไทยดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 217 ล้านลัง เป็นเครื่องดื่มประเภทเบียร์ 154 ล้านลัง
สัดส่วน 71% เหล้าไทย 15.6 ล้านลัง สัดส่วน 7% เหล้าขาว 39 ล้านลัง สัดส่วน 18%
เหล้าและไวน์นำเข้า 5.6 ล้านลัง สัดส่วน 2.5% บรั่นดีไทย 1.1 ล้านลัง สัดส่วน 0.5%
ไวน์-ไวน์คูลเลอร์ 0.5 ล้านลัง สัดส่วน 0.4% อื่นๆ 1.2 ล้านลัง สัดส่วน 06.%
ในขณะที่ปริมาณการบริโภคเบียร์ต่อหัวของคนไทยปี 2540 มีปริมาณการดื่ม14 ลิตรต่อคนต่อปี
ปี2541 ปริมาณ 15 ลิตรต่อคนต่อปี ปี2542 ปริมาณ 16 ลิตรต่อคนต่อปี และปี2543 ปริมาณ
18.4 ลิตรต่อคนต่อปี ซึ่งถือเป็นปริมาณที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ
ช้างโต้ปริมาณการดื่มคนไทยยังต่ำ
นายธนิต ธรรมสุคติ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ กลุ่ม บริษัทแสงโสม จำกัด เปิดเผยว่า
การที่กระทรวงศึกษาธิการมีแนวคิดที่จะผลักดันข้อเสนอดังกล่าวโดยอ้างถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไทยประสบอุบัติเหตุนั้น
แต่เมื่อเทียบกับปริมาณการดื่มเบียร์ในต่างประเทศมี 100 ลิตรต่อคนต่อปี ในขณะที่ตัวเลขล่าสุดปริมาณการดื่มเบียร์มีเพียง
19 ลิตรต่อคนต่อปี ซึ่งถือว่าน้อยมาก
อย่างไรก็ตาม หากข้อเสนอดังกล่าวออกมาบังคับใช้ บริษัทก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขตามมติของคณะรัฐมนตรีทุกกรณี
ส่วนในเรื่องของการปรับกลยุทธ์ในการทำตลาดนั้น ในขณะนี้บริษัทยังไม่มีการปรับแผนแต่อย่างใด
เนื่องจากต้องรอครม. ลงมติก่อน
ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีข้อเสนอห้ามใช้บุคคลมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ซึ่งในกรณีของเบียร์ได้ใช้ แอ๊ด คาราบาว เป็นพรีเซ็นเตอร์นั้น เชื่อว่าที่ผ่านมาโฆษณาที่ใช้บุคคลหรือดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็ไม่ได้มีบทบาทในการส่งเสริมในเรื่องยอดขายมากนัก
โดยเชื่อว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่จะประสบความสำเร็จได้จะต้องมาจากรสชาติที่อร่อย
มากกว่า
ช้าง-ไทเบียร์หน้ามืดห้ามสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง
ทั้งนี้ จากการที่กระทรวงศึกษาธิการจะเสนอห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัดกิจกรรมการแข่งขันกีฬาด้วยนั้น
ในขณะเบียร์ช้างมีนโยบายในการสนับสนุนการทำกิจกรรมการด้านกีฬาเป็นหลัก โดยในเดือนมิถุนายนปี
2545 ที่ผ่านมา ทุ่มงบกว่า 500 ล้านบาท เป็นสปอนเซอร์หลักเพียงรายเดียวในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก
และทำให้เบียร์ประสบความสำเร็จในเรื่องของการสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ และมียอดขายพุ่งในช่วงเวลาดังกล่าวพุ่งถึง
50% ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดทิ้งห่างเบียร์สิงห์อย่างเห็นได้ชัด
ในขณะที่ ไทเบียร์ ถือว่าเป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่เน้นสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง โดยการจัดกิจกรรมในในรูปแบบมหกรรมฟุตบอล
ไทเบียร์ คัพ ที่คัดเลือกทีมระดับตำบลทั่วประเทศมาแข่งขันเพื่อชิงแชมป์ประเทศไทย
ซึ่งการทำแคมเปญดังกล่าวก็เพื่อสร้างการรับรู้ และยังมีเป้าหมายผลักดันให้กลุ่มเป้าหมาย
ได้มีโอกาสทดลองชิมสินค้า ซึ่งผู้แข่งจะต้องเสียเงินซื้อไทเบียร์ก่อนที่จะสมัครแข่งขัน
โดยการจัดกิจกรรมในรูปแบบสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ถือว่าเป็นกลยุทธ์ในการทำตลาดอย่างหนึ่งที่ผลักดันยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดให้กับทั้งสอง
แบรนด์ ทั้งนี้เชื่อว่าหากมีข้อห้ามดังกล่าวขึ้นจริง จะทำให้เบียร์ช้างและไทเบียร์ทำตลาดได้ยากมากขึ้น
บุญรอดฯเดี้ยงสร้างแบรนด์ด้วยพรีเซ็นเตอร์
สำหรับกรณีที่ห้ามบุคคลเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เชื่อว่าเครื่องดื่มในเครือบุญรอดบริวเวอรี่จะต้องสร้างแบรนด์ในรูปแบบใหม่
เนื่องจากที่ผ่านมาค่ายดังกล่าวจะเน้นการสร้างแบรนด์ด้วยพรีเซ็นเตอร์ เช่น ลีโอเกิดได้เพราะนำ
ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม โดยนำความเซ็กซี่ของนางแบบมาเป็นกระตุ้นการดื่มเบียร์ ในขณะที่ไทเบียร์
นำ สามารถ พยัคฆ์อรุณ,สมรักษ์ คำสิงห์ และเขาทราย มาเป็นพรีเตอร์และเน้นทำกิจกรรมมิวสิคมาร์เก็ตติ้งควบคู่กัน
ส่วนเบียร์สิงห์นำ ดอม เหตระกูล,อู๋-ธนากร โปษยานนท์,เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพัน มาเป็นพรีเซ็นเตอร์สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้เบียร์สิงห์เพื่อจับกลุ่มคนรุ่นใหม่
หลังพลาดท่าถลำลึกเสียส่วนส่วนแบ่งการตลาดให้เบียร์ช้างไปจำนวนมาก
นายฉัตรชัย วิรัตนโยสินทร์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัทบุญรอดเทรดดิ้ง
จำกัด เปิดเผยว่า บุญรอดฯ และบริษัทในเครือที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
พร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไข และมติของคณะรัฐมนตรีทุกกรณี เพราะคิดว่าการออกมาตรการของภาครัฐน่าจะผ่านการพิจารณาและทบทวนว่าเหมาะสมสำหรับคนไทยแล้ว
ทั้งนี้ แม้ว่าการหากข้อเสนอดังกล่าวผ่านครม. แล้ว เชื่อว่าการทำตลาดของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะไม่เป็นเรื่องยาก
เนื่องจากทุกค่ายจะต้องปฏิบัติตาม เงื่อนไขเดียวกัน ส่วนในเรื่องของการปรับกลยุทธ์ในการทำตลาดในขณะนี้ยังไม่มีแผน
ซี.วี.เอส.ชี้อาจสูญภาษีรายได้
นายธนรักข์ วรรณศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ซี.วี.เอส.ซีดิเคท ประเทศไทย
จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากต่างประเทศ
ซึ่งเป็นสินค้าราคาแพง ช่องทางจำหน่ายหลักจึงอยู่ในตลาดกลางคืน ในผับ บาร์ ดังนั้นการออกมาประกาศ
ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลลกอฮอล์ในคอนวีเนียนสโตร์ หรือร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน
จึงไม่ส่งผลกระทบกับยอดขายของบริษัทมากนัก เพราะยอดขายจากช่องทางดังกล่าวเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่สูง
หรือเป็น ตัวเลขหลักเดียวเท่านั้น แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจึงน่าจะเป็นผู้ผลิตท้องถิ่น
ส่วนกรณีให้โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภททางโทรทัศน์ได้ตั้งแต่เวลา 22.00
-05.00 น. ถือเป็นการกีดกั้นเจ้าของสินค้ารายใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาด เนื่องจากวัตถุประสงค์การโฆษณาทางทีวี
คือสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคได้เป็นวงกว้าง จำนวนมากกว่าสื่ออื่นๆ ดังนั้นแบรนด์ที่ติดตลาดมาแล้ว
ก็จะปรับวิธีการลงสื่อโฆษณาใหม่ด้วยการหันไปจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น ส่วนการโฆษณาก็ยังคงไว้ในสัดส่วนที่สามารถทำได้เท่านั้น
ส่วนแบรนด์เกิดใหม่จะทำตลาดได้ลำบากและใช้งบโฆษณาสูงขึ้น
แต่กลุ่มที่จะได้รับผลกระทบน่าจะเป็นอุตสาหกรรมโฆษณา เพราะในแต่ละปีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใช้งบโฆษณากว่า
2,000 ล้านบาท และผู้ผลิตรายการทีวีที่มีรายได้จากป้ายโฆษณาของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรายการ
นอกจากนี้มาตรการ ใดๆ ที่ออกมาและเป็นปัจจัยลบต่อภาคอุตสาหกรรม ต่างๆ ดังนั้น ในช่วงแรกของการประกาศใช้มาตรการ
จะต้องส่งผลกระทบต่อยอดขายอย่างแน่นอน หากผู้ประกอบการมียอดขายลดลง ผู้ที่จะได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่ตามมา
คือรัฐบาล ที่จะเก็บภาษีได้ลดลงตามไปด้วย
ชี้คูลอฟ-สปายทำตลาดล่อใจวัยรุ่น
ทางด้านแหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดเผยว่า สาเหตุที่กระทรวงสาธารณสุขออกมาเสนอข้อบังคับเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หันมาเน้นทำตลาดโดยเจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มวัยรุ่น
มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สปาย แฟนซี ไลน์คอกเทล ของบริษัทสยามไวเนอรรี่ เทรดดิ้งพลัส
จำกัด นอก จากนี้หลังจากที่คูลอฟของค่ายเจริญ สิริวัฒนภักดี ออกสู่ตลาดยิ่งทำให้ราคาเครื่องดื่มอาร์ทีดีแข่งกันปรับลดราคา
ซึ่งทำให้กลุ่มวัยรุ่นมีกำลังการซื้อสูงขึ้น อีก ประกอบกับพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ของวัยรุ่นแบบไม่ยั้งคิดและไม่มีการควบคุมตัวเองมากพอ
ทำให้ ศธ. ต้องเสนอข้อบังคับดังกล่าวออกมาใช้
ส่วนภาพรวมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เชื่อว่าหากมติครม.เห็นชอบเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าวเชื่อว่าผู้ประกอบการจะหันมาเน้นการทำตลาดผ่านช่องทางออนพรีมิส
มากขึ้น รวมถึงการเพิ่มจำนวนสาวพีจี (Promotion Girl)เพื่อมาเชียร์การดื่มแอล-กอฮอล์ต่อคนให้เพิ่มขึ้น
รวมถึงการหาช่องทางการ กระจายสินค้าในรูปอื่นๆเพื่อทดแทนช่องจำหน่ายตาม ปั๊มน้ำมัน
"แม้จะมีการนำข้อเสนอดังกล่าวมาใช้ แต่เชื่อว่าผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะไม่เดือดร้อนมากนัก
เนื่องจากส่วนใหญ่การทำตลาดจะเน้นออนพรี-มิส 90% ในขณะที่การซื้อกลับไปกินที่บ้านเพียง
10% โดย เชื่อว่าการแก้ปัญหาดังกล่าวจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุมากกว่า"
แหล่งข่าวกล่าว
เซเว่น อีเลฟเว่นโดนหางเลข
แหล่งข่าวจากบริษัทซี.พี. เซเว่น-อีเลฟเว่น ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
เซเว่น อีเลฟเว่น มีร้านค้าสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมันปตท.กว่า 100 สาขา หากครม.มีมติเห็นชอบต่อข้อเสนอดังกล่าว
บริษัทก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดทุกประการ โดยเชื่อว่าบริษัทจะไม่สูญเสียรายได้มากนัก
เนื่องจากที่ผ่านมาเซเว่น อีเลฟเว่น มีซัปพลายเออร์ 3,000-4,000 ราย และมีรายการสินค้าวางจำหน่ายถึง
2,000-3,000 รายการ
ทีวีรับอานิสงส์ช่วงไพรม์ไทม์ขยายพื้นที่
นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายการเงิน บริษัทบีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน)
ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เปิดเผยว่าแนวคิดการออกกฎระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการที่ห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณาก่อน
22.00 น. จะทำให้สถานีโทรทัศน์ช่องผู้นำที่มีโฆษณาจองเต็มจะได้รับผลดี เพราะปัจจุบันช่วงไพรม์ไทม์ละครหลังข่าวภาคค่ำของช่อง
3 มีโฆษณาจองเต็ม โดยเฉพาะจากเจ้าของสินค้ารายใหญ่ ซึ่งยังมีผู้ประกอบการรายเล็กจำนวนมากที่มีเงินแต่ไม่สามารถจองโฆษณา
ช่วงไพรม์ไทม์ได้ ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องไปลงโฆษณา ในช่วงเวลาอื่น และบางส่วนต้องไปลงโฆษณาช่วงละครหลังข่าวกับช่องอื่นด้วยซ้ำ
ดังนั้น การจัดเรียบโฆษณาของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของกระทรวงศึกษาธิการในครั้งนี้
จะส่งผลดีต่อช่อง 3 และทีวีช่องอื่นๆ ที่โฆษณาจะไม่กระจุกตัวอยู่ช่วงหัวค่ำ และระยะเวลาช่วงไพรม์ไทม์
จะถูกขยายออกไปอีกหลังจากละครหลังข่าวภาคค่ำจบลง รวมทั้งจะได้แยกโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ให้ไปอยู่หลัง 22.00 น. และเปิดโอกาสให้สินค้าที่ไม่สามารถจองเวลาลงโฆษณาแข่งกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้
ก็จะมีโอกาสมาลงโฆษณาช่วงไพรม์ไทม์ได้มากขึ้น
นายทรงศักดิ์ เปรมสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
กฎระเบียบ ใดๆ ที่ภาครัฐออกมาบังคับใช้ ภาคเอกชนมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามอยู่แล้ว
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ก็ตาม แต่เชื่อว่าในอนาคตผู้ประกอบการจะปรับตัวตามกฎระเบียบที่เกิดขึ้นใหม่
เช่น รายการทีวีหลังสี่ทุ่ม ต่อไปจะเป็น รายการที่เจาะกลุ่มผู้ใหญ่ ที่เป็นเป้าหมายสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะ
รายการในช่วงดังกล่าวที่เคยเน้นกลุ่มเด็กก็จะลดลง