ตลาดรถยนต์ฉุดไม่อยู่ โตโยต้าฟันธง! สิ้นปียอดขายรวมทะลุ 5 แสนคันแน่นอน จากเดิมที่คาดไว้เพียง
4.6 แสนคัน เหตุปัจจัยหนุนเพียบ ไม่ว่าจะเป็นสภาวะเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำสุดๆบวกกับค่ายรถแห่อัดแคมเปญหนัก
ส่งผลให้โตโยต้าประกาศขยายงานครั้งใหญ่ ลงทุนกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท รวมถึงเปิดรับตัวแทนจำหน่ายใหม่
หวังเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการ 300 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ ผลักดันให้โตโยต้ามีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด
35% ตามเป้าหมาย ที่วางไว้
ตลาดรถยนต์ประเทศไทยเคยมีสถิติสูง 5.9 แสนคันในปี 2539 แต่ภายหลังเจอวิกฤตเศรษฐกิจในปี
2540 ทำให้ตลาดลดลงมาเหลือเพียงกว่าแสนคัน จนทำให้ผู้ประกอบการต่างวิเคราะห์กันว่า
ตลาดรถยนต์จะกลับมาเท่ากับสถิติสูงสุดได้ คงจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี แต่ปรากฏว่าผิดคาดเมื่อผ่านไปครึ่งทาง
ตัวเลขล่าสุดในปี 2545 ทำได้ 409,362 คัน ซึ่งถือเป็นสถิติการขายที่สูงสุดในรอบ
6 ปี และปี 2546 นี้น่าจะทะลุ 5 แสนคันแน่นอน
นายเรียวอิจิ ซาซากิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย
จำกัดเปิดเผยว่าตลาดรถยนต์ไทยในปี 2546 นี้ คาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องโดยดูได้จากในระยะเวลาเพียง
5 เดือนแรกของปีนี้ สามารถทำสถิติการขายได้สูงถึง 203,024 คัน มีอัตราการเจริญเติบโตมากถึง
38.4%
"จากตัวเลขดังกล่าวทำให้โตโยต้ามีความมั่นใจ ในการปรับประมาณการเป้าหมายการขายของตลาดรถยนต์รวมในปี
2546 ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะมีจำนวนถึง 500,000 คัน จากที่เคยประเมินไว้เมื่อต้นปีจะอยู่ที่ประมาณ
4.5-4.6 แสนคัน และมีความเป็นไปได้ในการเจริญเติบโตได้ถึงระดับ 600,000 คัน ภายในปีหน้านี้ซึ่งกลับมาเท่ากับตัวเลขสถิติสูงสุด
ในตลาดรถยนต์ไทย"
โดยปัจจัยที่โตโยต้าเชื่อว่าจะทำให้ตลาดรถยนต์สูงถึง 5 แสนคัน เนื่องจากปัจจัยลบต่างๆ
ไม่มีแล้ว ที่สำคัญสภาวะเศรษฐกิจยังคงเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำมาก
จนทำให้ประชาชนนำเงินฝากออกมาใช้ประกอบกับมีรถยนต์ รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมาก รวมถึงการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างหนักของแต่ละยี่ห้อ
ล้วนส่งผลต่อการผลักดันให้ตลาดรถยนต์รวมทะลุถึง 5 แสนคันในปีนี้
ดังนั้นพื่อรองรับการเติบโตของตลาด และการ ประกาศย้ายฐานการผลิตรถปิกอัพมายังประเทศไทย
ในโครงการ IMV(Innovative and International Multi-Purpose Vehicle) และการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาโตโยต้า
TTCAP-TH(Toyota Technical Center Asia Pacific Thailand Co.,Ltd.) ด้วยมูลค่าการลงทุนทั้งสองโครงการกว่า
33,000 ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงานมากกว่า 10,000 ตำแหน่ง จึงได้มีการขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายรองรับมากขึ้น
"การขยายงานดังกล่าวนี้ของโตโยต้า ถือเป็น การดำเนินงานครั้งใหญ่สุดของโตโยต้าในไทยโดยเฉพาะการขยายเครือข่ายการจำหน่าย
และการบริการ หลังการขาย ซึ่งโตโยต้าต้องการพัฒนาศักยภาพด้านการขาย และการบริการหลังการขายของผู้แทนจำหน่าย
เพื่อตอบสนองความต้องการ และความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า"
สำหรับการเตรียมความพร้อมในการขยายเครือข่ายการจำหน่าย เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาด
ได้มุ่งเน้นใน 3 ส่วนสำคัญ คือ การพัฒนาประสิทธิภาพผู้แทนจำหน่ายการพัฒนาสถานที่จัดจำหน่าย
และการพัฒนาบุคลากร
ในส่วนของการขยายเครือข่ายธุรกิจของโตโยต้าครั้งนี้ ได้มีเป้าหมายในการเพิ่มจำนวนโชว์รูม
และศูนย์บริการให้ได้ถึง 300 แห่งทั่วประเทศ ภายใน 2 ปี ซึ่งหมายถึงต้องเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการ
60-70 แห่งทั่วประเทศ โดยในระยะแรกจะเปิดรับดีลเลอร์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 20-30
แห่ง จากปัจจุบันที่มีตัวแทนจำหน่ายอยู่ 89 แห่งทั่วประเทศ
นายซาซากิกล่าวว่า นอกจากนี้โตโยต้ายังได้ประกาศความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ในการพัฒนาและขยายขอบเขตการดำเนินงานของรถยนต์เลกซัสในประเทศไทย
โดยภายใน 2 ปีนี้ เลกซัสมีเป้าหมาย ที่จะเพิ่มจำนวนโชว์รูมและศูนย์บริการให้ได้
5 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งหมายถึงการเพิ่มโชวูรมและศูนย์บริการ 3-4 แห่ง จากปัจจุบันเลกซัสมีผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพียงแห่งเดียวในไทย
คือ บริษัท เลกซัส กรุงทพ จำกัด
การเคลื่อนไหวดังกล่าวของโตโยต้าในส่วนของ รถยนต์เลกซัสครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของโตโยต้า
ที่ต้องให้เลกซัสเป็นรถระดับหรูที่ดีที่สุดในประเทศไทย บริษัทจึงต้องมีแผนที่จะขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายและบริการหลังการขายที่เข้มแข็ง
ไปยังกลุ่ม ผู้บริโภคที่มีรสนิยม และมุ่งเน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า
"ผลจากการเตรียมความพร้อมของโตโยต้าทั้งหมด ทำให้โตโยต้าวางเป้าหมายมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ประมาณ
35% จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 32% และหากเทียบกับช่วงเวลาที่ตลาดมีสถิติสูงสุดในปี
2539 โตโยต้ามีส่วนแบ่งตลาดเพียง 28% เท่านั้น" นายซาซากิ กล่าว