|
อู่ซ่อมรถของประกันชั้น 3
นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทเอเชียประกันภัย 1950 จำกัด ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการประกันภัยรถยนต์ที่ใช้กลยุทธ์เอเชีย 3 พลัส การซื้อประกันประเภทที่ 3 ที่คุ้มครองรถของผู้ขับขี่และคู่กรณีที่ได้รับความเสียหาย ในราคา 6,800 บาท เป็นรายแรก เพราะเงื่อนไขการประกันชั้น 3 ที่ผ่านมาจะคุ้มครองแต่คู่กรณีเท่านั้น จนทำให้บริษัทหลายแห่งเริ่มหันมาใช้วิธีการเดียวกับบริษัทเอเชียประกันภัย
แผนการตลาดที่แตกต่างของนิค จันทรวิทุร กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอเชียประกันภัย ทำให้ลูกค้าหันมาซื้อบริการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้บริษัทต้องเร่งหาอู่เพื่อให้บริการซ่อมให้เพียงพอ
ล่าสุดบริษัทเอเชียประกันภัยได้เซ็นสัญญาเอ็มโอยูร่วมมือกับสมาคมอู่กลางการประกันภัย 500 แห่งทั่วประเทศเพื่อให้สิทธิในการ ซ่อมรถเมื่อลูกค้าซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่านบริษัท โดยในวันงานเซ็นสัญญามีภิญโญ บุญนำ ผู้ช่วยเลขาธิการสายส่งเสริมและบริหาร สำนักงานกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมเป็นแขกพิเศษ โดยมีอนุรักษ์ กำธรเจริญรุ่ง นายกสมาคมอู่กลาง รวมทั้งสมาชิกกว่า 50 บริษัทเข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย
ประเด็นสำคัญที่ทำให้บริษัทเอเชียประกันภัยตัดสินใจร่วมมือกับสมาคมอู่กลาง เพราะมาตรฐานในการซ่อมที่มีมาตรฐานกว่าอู่ซ่อมธรรมดาทั่วไป จากปัจจุบันที่บริษัทเอเชียประกันภัยร่วมมือกว่า 700 แห่งทั่วประเทศ แต่หลังจากที่ร่วมมือกับสมาคมอู่กลางจะทำให้มีอู่ซ่อมถึง 1,200 แห่งทั่วประเทศ
ด้วยจำนวนอู่ซ่อมที่มีมาก การควบคุมมาตรฐานการซ่อมให้มีคุณภาพไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น บริษัทเอเชียประกันภัยและสมาคมอู่กลางและอู่ทั่วไปได้นำระบบ e-claim เพื่อให้บริการสินไหมที่ผู้เอาประกันสามารถติดตามผลการซ่อมรถได้ทั้งจากบริษัทและอู่ซ่อมรถ เพราะปัจจุบันมีบริการเรียกร้องความเสียหายประมาณ 120 คันต่อวัน
ระบบ e-claim เป็นระบบที่ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลความเสียหายของรถยนต์ ความคืบหน้าในการซ่อมรถ ราคา ข้อมูลลูกค้า และข้อมูลอู่ซ่อมรถ ซึ่งจะทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ โดยระบบนี้จะเชื่อมโยงข้อมูลซ่อมรถระหว่างบริษัทและบริษัทที่อยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมอู่กลาง ทำให้สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ตลอดเวลา
ผลจากการรุกตลาดประกันภัยรถยนต์ ทำให้ปี 2550 บริษัทเอเชียประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรวม 1,059.9 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ 667.72 ล้านบาท ส่วนเบี้ยรับประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) 334.19 ล้านบาท และเบี้ยรับประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (non-motor) อาทิ อัคคีภัย ภัยทางทะเลและขนส่ง 58 ล้านบาท
ในปี 2551 ตั้งเป้าประกันภัยรวมประมาณ 1,800 ล้านบาท และกลยุทธ์หลักผ่านตัวแทนจำหน่าย โดยเน้นผลิตภัณฑ์หลักประกัน ประเภท 3 และอยู่ระหว่างเตรียมเปิดศูนย์บริการที่จะมีทีมงานและทนายเพื่อให้ความรู้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|