|
เคเอฟซีแค่ไก่ทอดไม่พอแล้วทุ่ม350ล.รุกแพลทฟอร์มสอง
ผู้จัดการรายวัน(27 มีนาคม 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
เคเอฟซี ทุ่ม 350 ล้านบาท ขยายธุรกิจใหม่สู่แพลทฟอร์มที่สอง สยายปีกสู่ เมนูอบ-ย่าง-นึ่ง จากตลาดเดิมแค่ไก่ทอด หวังเพิ่มยอดขาย 15% ชูงบตลาด 25 ล้านบาทลุย
นายศรัณย์ สมุทรโคจร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เคเอฟซีประเทศไทยใช้เวลา 3 ปี ในการศึกษาวิจัยและเตรียมความพร้อมระบบต่างๆเพื่อก้าวเข้าสู่แพลทฟอร์มที่สองของการปรุงอาหาร (Second Cooking Platform) จากวิธีดั้งเดิมที่มีเฉพาะสูตรไก่ทอด มาเป็นความหลากหลายทั้งการ อบ นึ่ง ย่าง โดยใช้งบลงทุนร่วมกันกับทางบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือซีอาร์จี ที่เป็นแฟรนไชส์ในไทย รวมประมาณ 50 กว่าล้านบาท และอีก 300 ล้านบาทด้านการลงทุนเตาอบและการปรับพื้นที่แต่ละสาขารวมกว่า 340 สาขา
การเปิดตัวแพลทฟอร์มนี้ ในเอเชียเริ่มต้นบางประเทศแล้วเช่นที่ จีน ไต้หวัน ไทย ซึ่งเป็นตลาดที่บริษัทแม่ลงทุนเอง และที่ฮ่องกงซึ่งเป็นแฟรนไชส์ ก่อนที่จะขยายไปประเทศอื่น ซึ่งขณะนี้มีแฟรนไชส์หลายประเทศได้เดินทางมาศึกษางานแล้ว
อย่างไรก็ตาม การขยายตลาดนอกจากการทอดนี้ไม่ใช่เป็นการหนีภาพลักษณ์การเป็นจังค์ฟู้ดของไก่ทอดเคเอฟซี เพราะที่ผ่านมาเคเอฟซีปรับภาพลักษณ์มาโดยตลอดแล้ว และยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นจังค์ฟู้ด เพราะมีหลายเมนูที่มากกว่าไก่ทอด แต่ทำเพราะว่าต้องการเพิ่มความหลากหลายเมนูและทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เข้ามาทานอาหารเพิ่มขึ้นทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยเข้าร้านเคเอฟซี แต่เรายังคงยืนยันว่าเป็นคิวเอสอาร์และเปลี่ยนสโลแกนจาก "สุขล้นเมนู" เป็น "เคเอฟซี ชีวิตครบรส"
ปัจจุบันเคเอฟซีมีฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มครอบครัวและมีลูก 40% กลุ่มผู้ใหญ่เริ่มทำงานอายุ 20-29 ปี สัดส่วน 20% อายุ 30 ปีขึ้นไม่มีครอบครัว 10% และกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี สัดส่วน 20% ส่วนความถี่การเข้าร้านเคเอฟซีของผู้บริโภคนั้นอยู่ที่ กลุ่มที่ทานมาก 2 อาทิตย์ต่อครั้ง กลุ่มมีเดียอยู่ที่ 1 ครั้งต่อเดือนครึ่ง และกลุ่มที่ทานน้อย 3 เดือนต่อครั้ง หรือเฉลี่ยแล้ว 1 ครั้งต่อ 1 เดือน โดยคาดว่าแพลทฟอร์มใหม่ซึ่งเริ่มต้นที่การอบ คือ วิงอบฮิตส์ จะเพิ่มยอดขายอีก 15% เฉพาะทานในร้าน ไม่รวมการโตจากการขยายสาขาและดีลิเวอรี่ และเพิ่มการเข้าร้านเป็นเฉลี่ย 2 ครั้งต่อเดือน
"แพลทฟอร์มนี้ไม่ใช่เป็นแคมเปญ แต่เป็นการลงทุนและถาวร เป็นการขยายครั้งใหญ่ในรอบ 24
ปีของเคเอฟซีในไทย เราต้องการสร้างการเติบโตแบบยั่งยืน ไม่ใช่เติบโตแบบแฟชั่นชั่วคราว ยูนิฟอร์มก็เปลี่ยนใหม่ เรามาเน้นโทนสีเขียวกับส้ม แต่โทนสีร้านหลักยังเป็นสีแดง และเรายังคงสัดส่วนรายได้หลักที่มาจากการทอด 80% และคาดว่าแพลทฟอร์มที่สองนี้จะมีสัดส่วนรายได้ 20%" นายศรัณย์กล่าว
ทั้งนี้ ช่วงไตรมาสแรกนี้เคเอฟซีมียอดขายเติบโต 20% สูงกว่าเป้าหมายซึ่งตั้งไว้ที่ 15% ส่วนประเด็นต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นนั้น ขณะนี้บริษัทฯยังสามารถรองรับได้ จึงยังไม่ปรับราคา เพราะเพิ่งปรับไปต้นปีประมาณ 5%
นายโชคดี วิศาลสิงห์ ผู้จัดการทั่วไปเคเอฟซี บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือซีอาร์จี กล่าวว่า ในฐานะแฟรนไชส์ซีมีวิสัยทัศน์ไปในทิศทางเดียวกันกับยัมฯ ในเรื่องการเสนอทางเลือกให้กับผู้บริโภค เราเชื่อว่าการลงทุนครั้งนี้จะสามารถต่อยอดไปสู่การขยายกลุ่มลูกค้าและสร้างยอดขายที่สูงขึ้น 15% ในปีนี้
นางแววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดเคเอฟซี กล่าวว่า แพลทฟอร์มที่สองเริ่มที่เมนูอบคือ วิงอบฮิตส์ก่อนจะขยายสู่การ นึ่งและย่างในอนาคต โดยครั้งนี้จะใช้งบการตลาดรวม 25 ล้านบาทในช่วงเดือนแรกนี้ ทำตลาดแบบ 360 องศา เช่น การโฆษณาทีวี การโฆษณาด้วยการแรพบนรถไฟฟ้าบีทีเอส กิจกรรมตลาด เป็นต้น โดยราคาขายของ คือ วิงอบฮิตส์ อยู่ที่ 3 ชิ้น 49 บาท ซึ่งสูงกว่าแบบทอด
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|