ต่างชาติพักตลาดหุ้นไทยซึม


ผู้จัดการรายวัน(25 มีนาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดหุ้นไทยไร้แรงกระตุ้น มูลค่าซื้อขายรวมแค่ 8.7 พันล้านบาท แม้ดัชนีหุ้นปรับบวก 4 จุด เหตุปัจจัยการเมืองยังอึมครึม บวกกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ-ยุโรปปิดทำการ ทำให้วอลุ่มต่างชาติซื้อสุทธิแค่ 70 ล้านบาท ด้านโบรกเกอร์ให้น้ำหนักปัจจัยในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% พร้อมคาดการณ์วันนี้ตลาดหุ้นยังแกว่างตัวในกรอบแคบๆ

สถานการณ์การเมืองที่ไม่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกรณีการพิจารณายุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย หรือคดีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ยังรอคำตัดสินของศาลฎีกา รวมถึงประเด็นร้อนแรงใหม่ เมื่อรัฐบาลกำลังเดินหน้าเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งทั้งหมดส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน ประกอบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปที่ปิดทำการในวันอีสเตอร์ ทำให้นักลงทุนต่างชาติบางส่วนหยุดการซื้อขาย

จากปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย (24 มี.ค.) โดยดัชนีปิดตลาดที่ 807.28 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของวัน เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 3.96 จุด คิดเป็น 0.49% และระหว่างวันดัชนีลดลงมาต่ำสุดที่ 799.46 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8,701.05 ล้านบาท ซึ่งนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 70.76 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 230.01 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 300.77 ล้านบาท

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยบวกที่ชัดเจนทำให้ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยช่วงเปิดการซื้อขายช่วงเช้าดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ ก่อนที่จะมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงบ่าย ดันดัชนีปิดตลาดในแดนบวก

ทั้งนี้ แม้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปิดบวกเกือบ 4 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียงแค่ 8.7 พันล้านบาท แสดงให้เห็นว่านักทุนยังคงมีความกังวลกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ อาทิ กรณีการยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย รวมทั้งคดีใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และประธานสภาผู้แทนราษฎร

"ทั้ง 2 กรณีมีความเชื่อโยงไปถึงการยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งส่งผลต่อเนื่องถึงเสถียรภาพของรัฐบาล รวมถึงกรณีที่รัฐบาลต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้หลายฝ่ายต่างมีเสียงวิจารณ์ที่แตกต่างกันไป ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะชะลอการลงทุนและรอดูความชัดเจนมากกว่า"

ด้านปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป ปิดทำการ ทำให้นักลงทุนต่างชาติบางส่วนหยุดการซื้อขาย ขณะที่ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้หุ้นปตท. และปตท.สผ แกว่งตัวในกรอบแคบ

สำหรับทิศทางในวันนี้ดัชนีจะยังแกว่งตัวในกรอบแคบๆ สังเกตทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นหลัก โดยสัปดาห์นี้ยังมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่จะประกาศออกมา เช่น ยอดขายบ้านเก่า ยอดขายบ้านใหม่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ที่คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มไม่ดีนัก ซึ่งจะกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ บวกกับประเด็นเรื่องราคาน้ำมันดิบที่ยังต้องติดตามว่าจะปรับลงไปถึงไหน และสถานการณ์การเมืองในประเทศ ซึ่งกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ทั้งนี้ ปัจจัยที่เข้ามากระทบตลาดหุ้นไทยนั้น ให้น้ำหนักปัจจัยในประเทศ 60% และปัจจัยภายนอก 40% โดยประเมินแนวรับที่ 799 จุด แนวต้านที่ 809 จุด ขณะที่นักลงทุนระยะสั้นต้องระมัดระวังในการเข้ามาเก็งกำไร ส่วนนักลงทุนระยะยาวถือต่อเพื่อรอดูสถานการณ์ในสัปดาห์หน้า

นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ซบเซา มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างน้อย ดัชนีเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ขาดความชัดเจน ในส่วนคดีความต่างๆ ที่ยังต้องรอคำตัดสิน กดดันตลาดหุ้นไทย รวมถึงกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติที่หายไป จากการปิดทำการของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป

ส่วนทิศทางของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ คาดว่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ยังคงขาดปัจจัยบวกชี้นำตลาด โดยต้องติดตามว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป หลังจากเปิดทำการอีกครั้ง รวมถึงภาพที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ ซึ่งจะกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยประเมินแนวรับที่ 795 จุด แนวต้านที่ 808 จุด

นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยไม่มีปัจจัยชี้นำจากต่างประเทศ หลังตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลวันอีสเตอร์ บวกกับปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน เป็นแรงกดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นปัจจัยหลัก และแนะนำให้นักลงทุนทยอยขายทำกำไร หากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น และซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.