ทันทีศาลฎีกาได้ตัดสินให้ทุบชั้นที่ 5-11 ห้างสรรพสินค้านิวเวิลด์ให้เหลือเพียง
4 ชั้น เนื่องจากก่อสร้างอาคารผิดแบบ หลังจากที่ทอดระยะในการต่อสู้ชั้นศาลมานับ
10 ปี กระบวนการสลายความสูงของห้างจึงได้เริ่มขึ้น พร้อมไปกับการไขว่คว้าหามือฉมังทางด้านทุบอาคาร
ที่ต้องมารับงานสุดหินชิ้นนี้
"ศรีวิโรจน์ จันทรวงศ์" ก็เป็นวิศวกรธรรมดาผู้หนึ่ง เขาคงไม่ได้คิดมาล่วงหน้าก่อนว่า
ณ วันนี้เขาต้องมาจับงานยากที่สุดในชีวิต
ที่ว่ายากก็เพราะจะมีใครสักกี่คนทราบว่า ห้างสรรพสินค้านิวเวิลด์ที่สร้างมานับสิบปีนี้
จะสร้างด้วยโครงสร้างเหล็กที่เพิ่งจะมานิยมใช้กันอย่างมากในปัจจุบัน จากที่อาคารส่วนใหญ่ที่เคยทุบมา
จะเป็นอาคารโครงสร้างปูน อันเป็นที่ทราบกันดีในวงการว่า หากจะต้องรื้อโครงสร้างเหล็กแบบนี้แล้ว
เข็นครกขึ้นภูเขาน่าจะง่ายกว่า
"ผมได้รับการติดต่อจากเจ้าของห้างนิวเวิลด์เมื่อต้นปีนี้ ให้เข้ามาช่วยเหลือเป็นที่ปรึกษาการทุบอาคารแห่งนี้
ซึ่งผมก็ไม่ได้ตัดสินใจตอบรับแต่อย่างใด แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดที่จะอาสาเข้ามารับหน้าที่ในจุดนี้
เพราะนอกจากงานนี้จะยากแล้ว ยังไม่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับใครได้อีกด้วย
และข้อสำคัญคือ เมื่อเจ้าของนิวเวิลด์เขากินไม่ได้นอนไม่หลับ เอาแต่ร้องห่มร้องไห้
และขอให้ผมเข้ามารับหน้าที่ทุบด้วยนั้น ผมจึงปฏิเสธไม่ได้"
ศรีวิโรจน์เปิดเผยความในใจในช่วงที่มารับงานโครงการนี้ว่า ต้องใช้เวลาตัดสินใจอยู่กว่า
1 เดือน สอบถามความคิดเห็นคนรอบข้าง แม้จะมีหลายฝ่ายไม่เห็นด้วยกับการเข้ามารับงานนี้
แต่ศรีวิโรจน์คิดว่างานนี้เป็นงานท้าทาย ที่จะได้ทดสอบวิทยายุทธ์ครั้งที่ไปทำงานอยู่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ซึ่งได้มีโอกาสไปเรียนรู้เทคนิคการรื้อถอนในต่างประเทศมาระยะเวลาหนึ่ง
โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้น ศรีวิโรจน์หลังจบจากวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อปี
2506 ก็ได้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที)
และเริ่มทำงานที่บริษัททีอีซี ซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา หลังจากนั้นได้ไปเป็นลูกจ้างประจำของความร่วมมือกองบัญชาการทหารสูงสุด
และกองทัพสหรัฐซึ่งช่วงนี้ ทำให้ศรีวิโรจน์ได้มีความรู้ด้านการก่อสร้างสนามบิน
จึงได้มาทำงานที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ แล้วจึงไปเป็นผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่บริษัทซีคอน
จำกัด ปัจจุบันได้เปิดบริษัทอิสระเพื่อรับเป็นที่ปรึกษาทั่วไป
สำหรับความยากลำบากของการทุบอาคารห้างนิวเวิลด์นั้น นอกจากความเป็นโครงสร้างเหล็ก
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการทุบอาคารประเภทนี้ในไทย การออกแบบอาคารก็ได้มีการเผื่อความมั่นคงไว้อย่างเต็มที่
เพื่อให้อาคารสามารถทนต่อแรงสั่นสะเทือนได้อีกด้วย ซึ่งส่งผลให้การรื้อในแต่ละขั้นตอนต้องใช้ความพิถีพิถันเป็นพิเศษ
เริ่มตั้งแต่คาน ซึ่งมีความยาว 12 เมตร น้ำหนัก 8 ตัน จะต้องรื้อถอนโดยการใช้เครน
2 ตัว ทั้งหัวและท้าย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คานทะลุลงมาข้างล่าง ในแต่ละจุดของการรื้อถอนต้องมีช่างตัดและเชื่อม
2 คน เมื่อตัดและโรยคานลงบนพื้นแล้ว ช่างก็จะช่วยกันเจียรหัวท้าย ให้คานมีน้ำหนักเพียงพอในการขนย้ายลงมาข้างล่างด้วยลิฟต์โดยสาร
เนื่องด้วยชั้น 11 ของนิวเวิลด์ เป็นชั้นที่ยุ่งยาและซับซ้อนมากที่สุด คานเหล็กที่ใช้ในชั้นนี้จึงมีมากถึง
267 ท่อน ซึ่งมีการคำนวณว่า หากต้องเวลา 2-3 วันในการเจียรคานแต่ละท่อนแล้ว
จะต้องใช้เวลาเกือบ 2 ปีแน่นอนในการรื้อถอนแต่ละชั้น ซึ่งหากจะให้เสร็จภายใน
1 ปีตามที่กำหนดไว้เดิมแล้ว จะต้องเพิ่มทีมรื้อถอนอีกอย่างน้อย 2-3 ทีมแน่นอน
ความปลอดภัยในการรื้อถอนเป็นสิ่งที่ศรีวิโรจน์คำนึงถึงเป็นอย่างมาก การติดตั้งที่ป้องกันการร่วงหล่นของเศษคอนกรีต
จึงต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ การสกัดคอนกรีตเสริมเหล็กออกจากคานแต่ละท่อนด้วยการใช้แก๊สนั้น
จะต้องระมัดระวัง ไม่ใช่เศษไฟร่วงหล่นไปข้างล่างหรือกระเด็นไปถึงเชื้อไฟข้างๆ
ทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้นได้
การขนคานเหล็กที่ตัดออกมาได้ลงสูงข้างล่าง ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เนื่องด้วยลิฟต์ขนส่งมีสมรรถนะในการขนส่งในระดับหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้นจึงต้องใช้การโรยตัวทางด้านข้างตึกลงมาที่ชั้น 5 ด้วย ซึ่งหากจะต้องทำเช่นนั้น
จะต้องทำด้วยความระมัดระวังเป็นที่สุดด้วย ซึ่งยังไม่ได้พูดถึงการนำรถบรรทุกเข้ามาขนคานเหล็กเหล่านี้
ซึ่งจะต้องใช้รถจำนวนมากพอสมควรต่อวัน ซึ่งถนนจักรพงษ์ ในเขตใจกลางเมือง
คงจะสับหลีกเวลาให้รถบรรทุกเข้ามารับคานเหล็กได้ยากพอสมควรเช่นกัน
จุดที่ยากลำบากอีกหนึ่งจุดนั้นก็คือ การรื้อถอนระบบบนชั้น 11 ซึ่งประกอบด้วย
เครื่องปรับอากาศแบบ Central Unit ซึ่งมีอยู่ 4 ตัว หนักประมาณตัวละ 12.8
ตัน ซึ่งจะต้องหาหนทางยกแต่ละตัวลงมา โดยต้องคำนึงถึงความมั่นคงของแต่ละจุดที่ขนย้ายลงมา
นอกจากระบบปรับอากาศแล้ว ระบบประปา สุขาภิบาล ระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสารทั้งหมด
การรื้อถอนในแต่ละจุดนี้ จำเป็นต้องพึ่งดาวิศวกรงานระบบผู้เคยซัพพลายระบบนี้ให้กับนิวเวิลด์เป็นผู้ให้คำปรึกษาในการรื้อถอน
ความยากลำบากของการรื้อถอนยังไม่หมดเพียงแค่นี้ การคัดเลือกลูกทีมมาทุบอาคารหลังนี้
ก็เป็นปัญหาสำคัญเช่นกัน เพราะต้องเลือกหาลูกทีมที่กำยำล่ำสัน ทำงานหนักได้อย่างเต็มที่
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในปัจจุบัน ซึ่งกรรมกรก่อสร้างส่วนใหญ่มักจะไม่สนใจงานรื้อถอน
ซึ่งไม่สร้างเครดิตในการรับงานของตนเหมือนกับงานก่อสร้างทั่วไป ค่าแรงที่จะให้กับบรรดากรรมการเหล่านี้
จะให้ต่ำกว่าการก่อสร้างอื่นๆ ก็คงจะทำไม่ได้ เพราะจะขาดแรงจูงใจคนเข้ามาทำงาน
ดังนั้นจนถึงขณะนี้ ได้มีการตั้งงบประมาณทุบอาคารนิวเวลด์ไว้คร่าวๆ แล้ว
ประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งศรีวิโรจน์เชื่อมั่นว่าจะต้องบานปลายออกไปอย่างแน่นอน
เพราะความจำเป็นที่ต้องทุบตึก 7 ชั้นให้ได้ภายใน 7 ปีโดยประมาณ แม้ว่าจะสามารถเร่งรัดงานรื้อถอนในชั้น
5-10 ถัดมาได้เร็วขึ้น เพราะความยุ่งยากลดน้อยลงมากว่าเท่าตัวแล้วก็ตาม
ขณะเดียวกันนอกจากเขาจะต้องรับผิดชอบการทุบตึกนิวเวิลด์แล้ว เขาก็จำใจต้องเข้าไปรับงานทุบห้างแก้วฟ้า
ซึ่งอยู่ในเครือนิวเวิลด์ตามคำร้องขอของเจ้าของรายเดิมอีกครั้ง ซึ่งในส่วนของห้างแก้วฟ้านี้จะต้องใช้เวลาทุบอีกอย่างน้อย
42 เดือนหรือประมาณ 3 ปีครึ่ง
ไม่ว่าศรีวิโรจน์จะภูมิใจหรือไม่กับงานที่เขาทำครั้งนี้ก็ตาม หากเขาประสบความสำเร็จในงานนี้
รับรองได้ว่าอาจจะมีห้างหรืออาคารสูงอีกหลายแห่งที่อยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลรอให้เขาทุบอีกหลายหลังแน่
วันนี้ศรีวิโรจน์อาจเป็น "มือทุบห้าง" ด้วยความจำเป็น แต่ในอนาคตอาจจะมี
"มืออาชีพ" หน้าใหม่มาทุบแข่งกับเขาอย่างเป็นล่ำเป็นสันก็ได้