|
โลว์คอสต์แผงฤทธิ์!...จับกลเกมการเงินลุยธุรกิจโรงแรม
ผู้จัดการรายสัปดาห์(24 มีนาคม 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
ปัจจุบันการขยายตัวของธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย มักเห็นภาพของการลงทุนอยู่ 2 แบบคือ โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวบวกๆ กับโรงแรมระดับล่างที่อยู่ระหว่าง 1-2 ดาว หากแต่ว่ากระแสการลงทุนโรงแรมในโมเดลของราคาประหยัดถือเป็นรูปแบบการลงทุนใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในไทย โดยที่ผ่านมาที่พักราคาถูกส่วนใหญ่มักจะเป็นในรูปของเกสต์เฮาส์และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ต่างๆ สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวแบ๊คแพ็ค ในขณะเดียวกันหลังจากโลว์คอสต์ แอร์ไลน์ มีการขยายเส้นทางระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นส่งผลทำให้กลุ่มทุนต่างๆเริ่มหันมาจ้องเตรียมลงทุนก่อสร้างโรงแรมในลักษณะราคาประหยัด โดยเน้นเรื่องของราคาถูก บริการที่สะอาด สะดวกและปลอดภัย เป็นหลัก
ปัจจุบันยิ่งมีกลุ่มทุนอย่าง เจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี หันมาสร้างโรงแรมราคาประหยัดในลักษณะนี้โดยเปิดให้บริการอยู่จำนวน 2 แห่ง คือโรงแรมอิบิส หัวหมาก และโรงแรมอิบิส สยาม ถนนราชปรารภ ภายใต้ชื่อ อิบิส ที่มาจากแบรนด์บริหารโรงแรมระดับ 3 ดาว ของเชนแอคคอร์เข้ามาบริหารเมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา
รวมไปถึงกลุ่มที่ใช้ชื่อภายใต้แบรนด์อิมม์ โฮเต็ล ของเครืออิมพีเรียล ที่เพิ่งเปิดให้บริการในปีนี้อีก 2 แห่ง คือ โรงแรมอิมม์ ฟิวชั่น กรุงเทพฯและโรงแรมอิมม์ ฟิวชั่น เชียงใหม่ ก็เป็นการยืนยันได้ว่าธุรกิจโรงแรมราคาประหยัดกำลังจะบูมขึ้นมาอีกครั้งในอนาคตอันใกล้ โดยส่วนใหญ่โรงแรมเหล่านี้จะขายในราคาเดียวที่ไม่เกิน 1,000 บาท ขนาดห้องพักอาจจะอยู่ที่ประมาณ 100-250 ห้อง
ล่าสุด กลุ่มของโลว์คอสต์แอร์ไลน์ อย่าง แอร์เอเชีย ต่างเล็งผลเลิศในอนาคตด้วยการลงทุนผุดโรงแรมราคาประหยัดขึ้นมาภายใต้ชื่อ “ทูนโฮเต็ล” โดยมีแผนจะสร้างโรงแรมจำนวน 10 แห่ง ตามหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย เกาะสมุย หัวหิน พัทยา อุดรธานี ขอนแก่น และกรุงเทพฯ อีก 3-4 แห่งขนาดห้องพักขนาดประมาณ 100-150 ห้อง คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ทั้งหมดภายในปี 2552-2553
นับว่าเป็นแผนยุทธศาสตร์ของแอร์เอเชีย ที่ต้องการขยายจำนวนโรงแรมโลว์คอสต์ ไปตามจุดบินเป็นหลัก คาดว่าจะมีโรงแรมในสังกัดรวมกว่า 75 แห่งทั่วภูมิภาคเอเชีย หลังจากที่เปิดให้บริการไปแล้วจำนวน 2 แห่งในมาเลเซีย ณ เมืองโกตาคินาบาลู และกัวลาลัมเปอร์ และจะเปิดบริการได้อีก 6 แห่งภายในปีนี้ โดยในปี 2553 แอร์เอเชียจะมีโรงแรมเปิดให้บริการได้ทั้งหมด 25 แห่ง
ยึดโมเดลโลว์คอสต์มาใช้
ขณะที่กลุ่มทุนคนไทยที่สร้างโรงแรมราคาประหยัดขึ้นมาต่างใช้ยุทธวิธีด้วยการเน้นเรื่องของ ความสะดวก สะอาด และปลอดภัย มาเป็นจุดขาย ในขณะที่กลุ่มของแอร์เอเชียกลับมีความแตกต่างไปจากคนอื่น ด้วยการใช้วิธีขายห้องพักในลักษณะโมเดลแบบโลว์คอสต์ แอร์ไลน์ คือหากลูกค้าจองห้องพักล่วงหน้าก็จะได้ราคาถูก ซึ่งจะต้องมีการจองล่วงหน้านานๆ แต่หากจองช้าราคาก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยลูกค้าสามารถเช็กราคาห้องพักได้จากอินเตอร์เน็ตทุกวันผ่านเว็บไซต์ www.tunehotels.com โดยจะเริ่มต้นที่ราคาตั้งแต่ 100 บาทต่อคืนไปจนถึง 1,000 บาทต่อคืน ซึ่งเชื่อได้ว่าวิธีการจองและจ่ายเงินล่วงหน้าของลูกค้าไปก่อนนั้นจะทำให้กลุ่มของแอร์เอเชียประสบความสำเร็จเหมือนธุรกิจโลว์คอสต์เช่นกัน
ขณะเดียวกันแอร์เอเชียมีการเปิดทูนมันนี่ดอทคอม ซึ่งเป็นบัตรเครดิตในลักษณะพรีเพดวีซ่า โดยต้องเติมเงินในบัตรก่อนใช้ และเสียค่าธรรมเนียมรายปีแค่เพียง 3 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อปีเท่านั้น กลุ่มแอร์เอเชียเชื่อว่าจะมีผู้ถือบัตรจำนวน 1 ล้านคนต่อปี ซึ่งก็น่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจทั้งโลว์คอสต์และธุรกิจโรงแรมด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้นโมเดลของทูน โฮเต็ล ดังกล่าวยังกลายเป็นจุดสนใจดึงดูดของนักท่องเที่ยวในเรื่องของราคา การให้บริการความสะดวกและปลอดภัยแล้ว ขณะเดียวกันกลยุทธ์ดังกล่าวยังช่วยต่อยอดธุรกิจเพื่อรองรับการขยายตัวของสายการบินแอร์เอเชียไปด้วย เพราะในปัจจุบันว่ากันว่าแอร์เอเชียกลายเป็นสายการบินต้นทุนต่ำรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย หลังจากที่เริ่มเปิดตลาดในลักษณะของการบินข้ามทวีปร่วมเป็นพันธมิตรกับเวอร์จิ้น กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่แห่งวงการธุรกิจโลว์คอสต์ของโลก โดยเปิดตัวแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ขึ้นมาเพื่อบินจากมาเลเซียไปยังโกลด์โคสต์ ออสเตรเลีย และมีแผนจะขยายเส้นทางบินต่อไปยังทวีปยุโรปในอนาคตอันใกล้
แหล่งข่าวระดับสูงที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่างคาดการณ์ว่าการขยายตัวของทูน โฮเต็ล ต่อไปในอนาคตจะไม่เพียงแค่ขยายตัวอยู่ในเอเชียเท่านั้น แต่จะขยายการลงทุนไปยังทวีปต่างๆทั่วโลกตามการเติบโตของแอร์เอเชียด้วย ขณะที่ธุรกิจโรงแรมยังคอยเป็นตัวสนับสนุนการให้บริการที่ครบวงจรของแอร์เอเชีย
ไม่เว้นแม้แต่ในต่างประเทศที่เริ่มมีการขยายการลงทุนโรงแรมโลว์คอสต์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่มีโรงแรมเล็กซ์ แฮม การ์เด้นส์ และเปิดให้บริการแล้วเมื่อไม่นานมานี้ โดยมีขนาด 34 ห้อง ขายในราคา 20 ปอนด์ต่อคืน(ราว 1,466 บาท) เน้นเรื่องของที่พักสะอาดและปลอดภัย เป็นหลัก
แม้ว่ากลุ่มเป้าหมายโรงแรมราคาประหยัดจะเป็นคนละตลาดกันก็ตาม แต่การเข้ามาลงทุนทำธุรกิจโรงแรมโลว์คอสต์ในไทย ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมหลายแห่งเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนธุรกิจโรงแรมโลว์คอสต์ของคนไทย ในทางกลับกันการที่กลุ่มแอร์เอเชียเข้ามาเขย่าวงการโรงแรมด้วยยุทธวิธีใช้เรื่องกลเกมทางการเงินของโลว์คอสต์แอร์ไลน์มาเป็นโมเดลหลัก จึงน่าจะเป็นการช่วยปลุกกระแสตลาดธุรกิจโรงแรมระดับ1- 2 ดาวให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่ซบเซาไปนาน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|