รับเหมาก่อสร้างรอวันเจ๊ง ยื่นรัฐคุมราคา/เปิดเสรีนำเข้าเหล็ก


ผู้จัดการรายสัปดาห์(24 มีนาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

- ส.ก่อสร้างยื่นหนังสือนายกฯสมัคร ช่วยผู้รับเหมา ก่อนพังทั้งระบบ
- ยื่นรัฐบาลปรับสูตรคำนวณค่า K ขยายเวลาก่อสร้าง 6 ด. ทบทวนการประมูลแบบอีออคชั่น
- เสนอพาณิชย์คุมราคาเหล็ก และเปิดนำเข้าเหล็กเสรี

ทุกครั้งที่ประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ ธุรกิจต่าง ๆ ล้วนได้รับผลกระทบโดยถ้วนหน้า ขึ้นอยู่กับว่าใครจะปรับตัวได้ก่อนใคร

ธุรกิจรับหมาก่อสร้างเป็นอีกธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤตทุกครั้ง และต้องช่วยตัวเองมาตลอด เพื่อให้ฝ่าวิกฤตในแต่ละครั้งให้ได้ ไม่เช่นนั้นไม่เพียงแต่ภาคธุรกิจเท่านั้นที่จะพัง แต่จะลุกลามไปถึงภาคธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแรงงาน ก่อนที่จะลามไปถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวมด้วย

ภาวะวิกฤตครั้งนี้ หลักๆเกิดจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา และญี่ปุ่นที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง ทำให้ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกดิ่งเหวตาม รวมถึงปัญหาน้ำมันที่เป็นตัวแปรฉุดให้เศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วโลก

ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันราคาน้ำมันสูงถึงแตะระดับ 107เหรียญสหรัฐต่อบาเรล ทำให้ธุรกิจต่างๆได้รับผลกระทบตามมา โดยเฉพาะธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงตามราคาตลาดโลก

เหล็กเป็นวัสดุก่อสร้างหลักของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยปัจจุบันราคาขยับตัวสูงถึงตันละ 30,000 บาท หรือเพิ่มขึ้นราว 65% จากก่อนหน้านี้ที่ราคาอยู่ที่ตันละ18,000-19,000 บาท ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับผู้รับเหมาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะงานราชการที่มีการเปิดประมูลไปแล้ว ทำให้ผู้รับเหมาหลายรายที่ต้องขาดทุน เนื่องจากช่วงที่ประมูลงานราคาเหล็กยังไม่มีราคาสูงเท่าปัจจุบัน

นอกจากราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงแล้ว ปัญหา การคำนวณเงินเพิ่มลดค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้หรือค่า K ที่เอกชนหรือผู้รับเหมาต้องจ่ายคืนให้กับรัฐ รวมถึงวิธีการประกวดราคาด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์หรืออีออคชั่น ที่ไม่เป็นธรรมแก่ผู้เข้าประกวดราคา

ดังนั้น สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้ยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือต่อสมัคร สุนทรเวชนายกรัฐมนตรี เพื่อรับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและให้รัฐบาลเร่งหาทางออกและช่วยเหลือผู้รับเหมาก่อสร้าง ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวเคยมีการหยิบยกมาพูดในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรมาแล้ว โดยสมาคมฯต้องการให้มีการยกเลิก ค่า K แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังจนกลายเป็นปัญหาที่ผู้รับเหมาต้องแบกรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

พลพัฒ กรรณสูต นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า จากปัญหาราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคามตลาดโลกนั้น ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นอย่างมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมก่อสร้างมีความต้องการใช้เหล็กสูงถึงปีละ 4.5 ล้านตัน โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2551 ธุรกิจก่อสร้างได้รับความเสียหายมากกว่า 4,500 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการได้เซ็นสัญญากับราชการไปแล้วหลายสัญญา โดยราคาที่ประมูลนั้น คิดจากราคาเหล็กที่ราคากิโลกรัม 20 บาท แต่ปัจจุบันราคาปรับขึ้นไปถึง 50% หรือราคากิโลกรัมละ 30 บาท

“เฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงมาก ก็ทำให้ธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างมาก ยิ่งมากเจอราคาเหล็กที่สูงขึ้น ยิ่งทำให้ธุรกิจแย่ลงไปอีก”พลพัฒกล่าว

เตือนแก้ปัญหาก่อนลุกลาม

ดังนั้น สมาคมฯจึงได้ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาให้กับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยก่อนที่จะเกิดผลกระทบต่อเนื่องไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆและส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในวงกว้าง ทั้งนี้ ทางสมาคมฯต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือดังนี้

1.ให้รัฐบาลปรับปรุงการคำนวณค่า Kให้มีความเป็นธรรม โดยสมาคมฯต้องการให้รัฐยกเลิกการใช้ค่าส่วนเกินบวกลบ 4 เป็นการชั่วคราว หรือประมาณ 9 เดือนนับตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย.นี้ หรือจนกว่าทางกรมบัญชีกลางจะดำเนินการศึกษาและปรับสูตรและวิธีการคำนวณที่ใช้กับสัญญาค่า Kใหม่ ทั้งนี้ ค่า Kที่มีปัญหาอยู่ขณะนี้เนื่องจากปัจจุบันหากราคากลางสูงเกิน 4 % รัฐจะต้องจ่ายคืนส่วนเกินให้กับผู้รับเหมา ในขณะที่หากราคากลางต่ำกว่า 4 % ผู้รับเหมาจะต้องจ่ายคืนส่วนเกินให้กับรัฐ

ขยายเวลาก่อสร้าง 6 ด.

2.พิจารณาขยายระยะเวลาของสัญญาโครงการก่อสร้างที่ได้เสนอราคาในสัญญาก่อสร้างหรือกำลังดำเนินการอยู่ในมีการลดหรือยืดปริมาณความต้องการเหล็กเส้นให้น้อยลงและยาวขึ้นเพื่อเป็นการตรึงราคาวัสดุก่อสร้างให้นานขึ้น โดยต้องการให้รัฐยืดเวลาของสัญญาออกไปประมาณ 6 เดือน

3. ให้พิจารณาการประมูลด้วยวิธีอีออคชั่น โดยขอให้เว้นการยึดหลักประกันซองประกวดราคาในกรณีที่ผู้รับเหมาไม่สามารถมาทันเวลาเคาะราคา รวมถึงขอลดขั้นตอนของระบบอีออคชั่นเพื่อความรวมเร็วในการดำเนินงาน และ4. ให้รัฐพิจารณาเร่งรัดพ.ร.บ.การประกอบอาชีพก่อสร้าง พ.ศ....ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อนเสนอสภาต่อไปรวมถึงการมีส่วนร่วมของสมาคมฯในการเข้าไปพิจารณากฎ ระเบียบ และข้อบังคับต่างๆร่วมกับภาครัฐเพื่อความเป็นธรรมและโปร่งใส

นอกจากนี้ให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาควบคุมราคาเหล็กเส้นให้อยู่ในระดับราคาที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ เพราะปัจจุบันราคาเหล็กในตลาดสูงกว่าราคาที่กระทรวงฯกำหนดถึงตันละ 2,000-3,000 บาท รวมถึงให้มีการเปิดเสรีนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศได้ เพราะปัจจุบันประเทศไทยยังไม่เปิดกว้างการนำเข้าเหล็ก และมีขั้นตอนในการตรวจสอบคุณภาพเหล็กที่ค่อนข้างใช้เวลานาน

“หากภาครัฐไม่เข้ามาช่วยเหลือคิดว่าในอนาคตผู้รับเหมาคงหายไปจากตลาดอีกมาก เพราะจากการสำรวจในกลุ่มสมาชิกด้วยกันพบว่า 76 บริษัทที่เดือนร้อนเรื่องราคาเหล็ก และอีกกว่า 78 บริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำ เนื่องจากทิ้งงานเพราะแบกรับต้นทุนค่าก่อสร้างที่พุ่งสูงไม่ไหวและคาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นอีกหากรัฐยังไม่เร่งเข้ามาดูแล”พลพัฒกล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.