|

"ซัมซุง" โค่น "เอชพี" สั่นสะเทือนตลาดไอที
ผู้จัดการรายสัปดาห์(24 มีนาคม 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
- ตลาดไอทีสั่นสะเทือนพลังโฉม "ซัมซุง" ประกาศโค่น "เอชพี"
- เคลื่อนทัพผลิตภัณฑ์คลื่นลูกที่ 4 เลเซอร์พรินเตอร์ครองตลาด
- กรุยทางผู้ให้บริการด้านไอทีครบวงจรต่อยอดให้กับทุกไลน์ผลิตภัณฑ์
- ความพยายามครั้งใหม่ หลังพิชิต โซนี่ ฟิลิปส์ ฮิตาชิ โตชิบา โนเกีย
หากดูความเคลื่อนไหวในตลาดไอทีขณะนี้ ความเคลื่อนไหวจากค่ายยักษ์ใหญ่แดนโสม "ซัมซุง" ดูเมื่อว่าจะมีความชัดเจนในการเคลื่อนทัพสินค้าเข้ายึดตลาดไอทีอย่างชัดเจนที่สุดนับตั้งแต่ซัมซุงได้รุกตลาดไอทีเป็นต้นมา
สินค้าเรือธงที่ซัมซุงหมายมั่นปั้นมือว่าจะนำมาสู่ความสำเร็จคือเครื่องพิมพ์ หรือเลเซอร์พรินเตอร์ เนื่องจากมูลค่าตลาดของผลิตภัณฑ์ทางด้านนี้ในปัจจุบันมีสูงมาก โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2551 ตลาดเครื่องพิมพ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 5% หรือมีมูลค่ากว่า 1.42 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าตลาดดังกล่าว ส่งผลให้ซัมซุงยกผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์เลเซอร์เป็นสินค้าคลื่นลูกที่ 4 ของบริษัท โดยก่อนหน้านี้ซัมซุงได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ให้กับผลิตภัณฑ์หลายตัวเป็นสินค้าเรือธรงให้กับซัมซุง ซึ่งคลื่นลูกที่ 1 ของซัมซุง คือไมโครชิป และเซมิคอนดักเตอร์ คลื่นลูกที่ 2 คือโทรศัพท์มือถือ และคลื่นลูกที่ 3 คือทีวีจอแบน
"เราจะเปลี่ยนยุคสมัยของวงการเครื่องพิมพ์ในระดับโลกให้ก้าวสู่ยุคเลเซอร์อย่างเต็มตัว" เพียงรัค ปาร์ค รองประธาน กลุ่มเครื่องพิมพ์ดิจิตอล ธุรกิจสื่อดิจิตอล บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าว
ที่ซัมซุงกล้าที่จะประกาศการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยของธุรกิจเครื่องพิมพ์ เนื่องจากแนวโน้มความต้องการผลิตภัณฑ์เลเซอร์พรินเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นมีอัตราเติบโตขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตมีอัตราการเติบโตลดลงอย่างมาก
อย่างไรก็ตามในภาพรวมของผลิตภัณฑ์ทางด้านนี้ เอชพี ถือเป็นค่ายผู้นำอันดับหนึ่งของโลกในแทบทุกพื้นที่ ยกเว้น ประเทศเกาหลี และอิตาลี เท่านั้นที่ซัมซุงสามารถก้าวเป็นผู้นำตลาดได้
ซัมซุงจึงถือเป็นผู้นำตลาดอันดับสองในตลาดเลเซอร์พรินเตอร์แทบทุกพื้นที่ทั่วโลกเช่นกัน ยุทธศาสตร์ของซัมซุงภายใต้การวางเลเซอร์พรินเตอร์เป็นคลื่นลูกที่ 4 ของซัมซุง จึงมีเป้าหมายที่จะโค่นบัลลังก์ของเอชพี และก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาด ซึ่งซัมซุงตั้งเป้าหมายไว้ในปี 2010
ความมั่นใจของซัมซุงที่จะก้าวขึ้นไปสู่ผู้นำอันดับหนึ่ง ไม่ใช่สิ่งที่ไกลเกินเอื้อม เนื่องจากการผลักดันผลิตภัณฑ์ในแต่ละช่วงของซัมซุงในการกำหนดเป็นผลิตภัณฑ์ยุทธศาสตร์นั้น สามารถที่จะพิชิตเจ้าตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในธุรกิจไมโครชิปและเซมิคอนดักเตอร์ สามารถโค่นฮิตาชิและโตชิบาได้ ในผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ ก็สามารถผลัดกันมือถือให้ขึ้นมาเบียดตลาดกับโนเกียได้อย่างสูสี ส่วนในตลาดทีวีจอแบนั้น ซัมซุงเขี่ยผู้นำตลาดอย่างโซนี่และฟิลิปส์ตกบัลลังก์มาแล้ว
"เราต้องการโค่นเอชพีเพื่อเป็นเจ้าตลาดเลเซอร์พรินเตอร์ โดยซัมซุงมีความได้เปรียบเรื่องของเทคโนโลยีในผลิตภัณฑ์นี้ มีลิขสิทธิ์เป็นของตนเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เอชพีไม่มี และเอชพียังต้องจ้างบริษัทอื่นในการผลิตผลิตภัณฑ์ให้ด้วย อย่างอิงค์เจ็ตก็ให้แคนนอนผลิตให้"
ยุทธศาสตร์ที่ซัมซุงวางไว้สำหรับการรุกตลาดเลเซอร์พรินเตอร์เพื่อให้เป็นผู้นำตลาดทางด้านนี้ คือซัมซุงต้องมีการรักษาเรื่องของอินโนเวทีฟและการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ในธุรกิจนี้ซัมซุงที่สำนักงานใหญ่มีพนักงานถึง 2,500 คน และในจำนวนพนักงานดังกล่าวกว่า 30% เป็นส่วนที่ดูแลเรื่องของ R&D โดยมีศูนย์ที่เกาหลี อินเดีย อเมริกา รัสเซียและจีน ถือเป็นความแข็งแกร่งที่จะช่วยยกระดับและพัฒนาผลิตภัณฑ์เลเซอร์พรินเตอร์ให้กับซัมซุงได้เป็นอย่างดี
ที่ผ่านมาซัมซุงถือเป็นผู้ผลิตให้กับผลิตภัณฑ์ของโตชิบา เดลล์ ฟูจิซีร็อกซ์ เนื่องจากซัมซุงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ทางปัญญาในผลิตภัณฑ์เลเซอร์พรินเตอร์ อย่างที่ผ่านมาในเรื่องของอินโนเวทีฟนั้น ซัมซุงได้มีการผลิตพรินเตอร์ที่เครื่องเล็กที่สุดในราคาที่สามารถจับต้องได้ หรือการผลิตพรินเตอร์ที่ทำงานได้เงียบที่สุดในโลก และในเรื่องของดีไซน์ ซัมซุงได้มีการทำเลเซอร์พรินเตอร์สีดำมันวาว จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายเรื่องของดีไซน์แฟชั่นได้
"เราต้องคิดมากกว่าคนอื่น และสิ่งที่คนอื่นไม่ได้คิดไม่ได้ทำ ซัมซุงจะเป็นผู้ทำเอง"
ในด้านการพัฒนาเรื่องอินโนเวทีฟนั้น ในส่วนของโซลูชั่นพรินติ้ง ซัมซุงได้มีการยกตัวอย่างสิ่งที่ได้ทำมาแล้วในเรื่องของการพรินทุกที่ทุกเวลา เพื่อรองรับความต้องการของบริษัทต่างๆ นอกจากนี้หากบริษัทมีความต้องการที่หลากหลายเฉพาะเจาะจงสำหรับบริการของตนเอง ก็สามารถที่จะนำมาให้ซัมซุงพัฒนาเป็นโซลูชั่นที่เหมาะสมกับการใช้งานได้
ยุทธศาสตร์อีกด้านที่ซัมซุงพยายามทำคือเรื่องของความเร็วที่มากกว่าคู่แข่ง เพื่อให้สามารถขยับส่วนแบ่งทางการตลาดให้เข้าใกล้เอชพีให้เร็วมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของตลาดลูกค้ากลุ่มองค์กร ซัมซุงตั้งเป้าที่จะเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องพิมพ์ระดับโลก ด้วยการขยายไลน์สินค้าของซัมซุงให้มากขึ้น มีโซลูชั่นเพื่อเป็นทางเลือก รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพในการให้บรากรซัมซุงที่พร้อมให้บริการทั้ง 7 วันตลอด 24 ชั่วโมง และมีการตอบรับภายใน 2 4 และ 8 ชั่วโมง โดยซัมซุงได้จัดตั้งทีมงานในการดูแลกลุ่มลูกค้าองค์กรโดยเฉพาะ โดยมีการจัดตั้ง Power Partner Program ขึ้น เพื่อช่วยรองรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้าองค์กรในอนาคต
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ซัมซุงต้องเร่งรีบดำเนินการคือเรื่องของการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้ในตลาดมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดคอนซูเมอร์ที่ยังไม่รู้ว่าซัมซุงมีการจำหน่ายเลเซอร์พรินเตอร์แบรนด์ซัมซุง ทำให้ซัมซุงตั้งเป้าในปี 2551 เซ็ตอัพเรื่องแบรนด์เป็นเรื่องใหญ่ ด้วยการอาศัยสื่อที่เฉพาะเจาะจง เพื่อสื่อสารให้กับลูกค้าในแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน
สำหรับทิศทางและแนวโน้มของตลาดเครื่องพิมพ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีแนวโน้มขยายตัวไปยักลุ่มลูกค้าองค์กรมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเครื่องพิมพ์เลเซอร์มัลติฟังก์ชั่น เช่นเดียวกันกับในประเทศไทย ซึ่งซัมซุงได้มีการวางแผนกลยุทธ์เชิงรุกในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความเติบโตและก้าวทันในทุกความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ทั้งกลุ่มผู้บริโภคและลูกค้าองค์กร ซึ่งในปีที่ผ่านมาซัมซุงมีอัตราการเติบโตในตลาดเครื่องพิมพ์เลเซอร์ขาวดำสูงถึง 22% และในตลาดเครื่องพิมพ์เลเซอร์สี 19.6%
"ในการก้าวสู่ยุคเลเซอร์ของเราอย่างเต็มตัว เป็นการเตรียมความพร้อมให้กับการวางตำแหน่งให้กลุ่มธุรกิจเครื่องพิมพ์ของซัมซุงเป็นผู้ให้บริการด้านไอทีครบวงจร หรือโทเทิ่ลไอทีเซอร์วิสบิสซิเนสคอมปะนี" ปาร์ค กล่าวและว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ของซัมซุงนี้จะเป็นจุดเชื่อมโยงให้กับผลิตภัณฑ์ในไลน์สินค้าอื่นๆ ของซัมซุงในอนาคตด้วย
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|