บิ๊กแบงก์ทหารไทย "ศิริ การเจริญดี" ย้ำหนักแน่น เดินหน้าแก้ปัญหาหนี้เอ็นพีแอล-เอ็นพีเอ
เร่งระบายทรัพย์สินรอการขาย ตั้งเป้าปีนี้ระบายได้ 3 พันล้านบาท ล่าสุดขนทรัพย์สิน
เทกระจาดในงานมหกรรมบ้านและที่ดินอีกมูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท หวังขายได้ 1.5 พันล้านบาท
นายศิริ การเจริญดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง
แผนการ บริหารจัดการหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) และสินทรัพย์รอ
การขาย (เอ็นพีเอ) ว่า ในปีนี้ธนาคาร ยังมีนโยบายให้ความสำคัญกับดังกล่าว โดยมีแนวทางการบริหาร
2 แนวทาง คือ แนวทางแรก การนำเอา ทรัพย์สินส่วนหนึ่งออกมาตัดขาย และแนวทางที่ 2
การร่วมกับผู้ประกอบการที่มีความชำนาญด้านการ จัดการทรัพย์สิน เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของทรัพย์สินก่อนขาย
"ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมขณะนี้ มีทิศทางการปรับตัวที่ดีขึ้น ทำให้เอื้อ ประโยชน์ในการจัดการเอ็นพีแอล
และเอ็นพีแอล ของธนาคาร"
นายมนตรี วิศลดิลกพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า
ในปี 2546 นี้ ธนาคารทหารไทย ได้ตั้งเป้าหมาย ในการขายทรัพย์สินรอการขายไว้จำนวน
3,000 ล้านบาท โดยใน 5 เดือนแรก สามารถขายได้แล้ว 1,020 ล้านบาท และเพื่อให้ได้ตามเป้าหมาย
ธนาคารจึงได้จัดมหกรรมบ้านและที่ดินธนาคารทหารไทย ณ สาขาธนาคารทั่วประเทศ โดยนำทรัพย์ที่อยู่ในความดูแลกว่า
1,600 รายการ รวมมูลค่า กว่า 7,000 ล้านบาท
สำหรับการจัดมหกรรมบ้านและที่ดินครั้งนี้ ธนาคารทหารไทยคาดว่า จะสามารถขายทรัพย์ได้จำนวน
1,500 ล้านบาท แบ่งออก เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล คาดว่าจะขายได้จำนวน
700 ล้านบาท กลุ่มเขตภาคเหนือคาดว่าจำหน่ายได้ 400 ล้านบาท และกลุ่มเขตภาคใต้จำนวน
400 ล้านบาท
นายมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ทรัพย์สินรอการขายของธนาคารมีอยู่ทั้งหมดจำนวน 17,000
ล้านบาท เป็นทรัพย์ที่อยู่ในกรุงเทพฯประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยทรัพย์สินรอการขายทั้งจำนวน
17,000 ล้านบาท ธนาคารมีเงื่อนไขเปิดโอกาสให้เจ้าของ เดิมมีสิทธิ์ซื้อกลับคืนได้มูลค่ารวมประมาณ
5,000 ล้านบาท ทำให้เหลือทรัพย์สินที่สามารถขายได้จริง 12,000 ล้านบาท
ด้านพลตรี พีรศักดิ์ ศรีกังวาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารทหารไทย กล่าวเสริมว่า
ธนาคารได้จัดมหกรรมบ้านและที่ดินเพื่อขายเอ็นพีเอเป็นโครงการระยะยาว โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนาย
- ธันวาคม 2546 ซึ่งได้มีการคัดทรัพย์สินรอการ ขายจำนวนมากกว่า 1,600 รายการ ที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศมูลค่ารวมกว่า
7,000 ล้านบาท เพื่อจัดทำแพกเกจสินเชื่อพิเศษรองรับโครงการดังกล่าว ควบคู่กันไปพร้อมลดราคาทรัพย์สินลง
5% จากราคาขาย
รวมทั้งผู้ซื้อสินทรัพย์ยังสามารถ ใช้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารด้วยดอกเบี้ย
0% ในปีแรก ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ย 2.5% ปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ย 3.5% และปีที่ 4
เป็น ต้นไปอัตราดอกเบี้ย เอ็มแอลอาร์ลบ 1.0%
นอกจากนี้ ผู้ซื้อยังได้รับสิทธิพิเศษในขอสินเชื่อเพื่อการปรับปรุงซ่อมแซม และซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน
โดยสามารถเลือกใช้วงเงินสูงสุดได้ถึง 3 แบบคือ วงเงินสินเชื่อเพิ่ม 15% ของ ราคาขาย
แบบที่สอง วงเงินสินเชื่อ เพิ่ม 30% ของราคาบ้าน ไม่รวมราคา ที่ดิน และแบบที่สามคือ
วงเงินสินเชื่อ เพิ่ม 50% ของราคาซ่อมแซม ซึ่งธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ย เอ็มแอล อาร์
ลบ 0.50% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา โดยรวมแล้วสามารถกู้ได้สูงสุด 115% ของราคาซื้อขาย