|
เนสท์เล่ปรับใหญ่ฟู้ดเซอร์วิสขึ้นตรงสวิตฯชงสูตรรุก5โมเดล
ผู้จัดการรายวัน(19 มีนาคม 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
เนสท์เล่ ปรับกลุ่มธุรกิจให้บริการผู้ประกอบการอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลก แตกบริษัทเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล รับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทั่วโลกเปลี่ยนพฤติกรรมแห่กินอาหารและเครื่องดื่มนอกบ้าน มูลค่าตลาดทั่วโลกพุ่งกว่า 2.4 แสนพันล้านบาท ชงโครงสร้างบริหารใหม่ขึ้นตรงต่อสวิตเซอร์แลนด์ ทะลวง 5 ช่องทางหลัก สิ้นปีขยายฐานลูกค้า 20,000 ราย รายได้โต 7%
นางเวโนนีค ครีมาเดส ผู้อำนวยการบริหาร เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล บริษัท เนสท์เล่ ประเทศไทย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่ม (Business To Business :B2B) เปิดเผยว่า เนสท์เล่ได้ปรับแผนการดำเนินธุรกิจให้บริการสำหรับผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มใหม่พร้อมกันทั่วโลกครั้งใหญ่และครั้งแรกในรอบ 142 ปี ซึ่งจะทยอยปรับเปลี่ยนให้ครอบคลุม 97 ประเทศในปีนี้ เพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไป มีการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มนอกบ้านเพิ่มขึ้นโดยพบว่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มนอกบ้านทั่วโลกมีมูลค่าถึง 244,100 พันล้านบาท แต่ละปีมีอัตราการเติบโต 2.7% ขณะที่ธุรกิจอาหารจานด่วนเติบโต 5.5-6% จึงมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่จะทำตลาดและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันเนสท์เล่มีรายได้จากธุรกิจดังกล่าว 10,096 พันล้านบาท
สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เริ่มจากปรับหน่วยงาน “เนสท์เล่ ฟูด เซอร์วิส” มาเป็นบริษัทเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล เพื่อดำเนินธุรกิจบริการผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มนอกบ้านโดยเฉพาะ ซึ่งประเทศไทยได้เริ่มดำเนินการมา 2 ปีแล้ว ซึ่งวางไว้ 4 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.การคิดค้นกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อเจาะช่องทางต่างๆ 2.การกำหนดแนวคิดและพฤติกรรมผู้บริโภค 3.การเพิ่มประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งขึ้น 4.การดำเนินธุรกิจภายใต้โครงสร้างใหม่
ในปีนี้เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ได้ปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ขึ้นตรงต่อเนสท์เล่ โปรเฟสชันนัลกลางที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จากเดิมต้องรายงานตรงต่อเนสท์เล่ในประเทศต่างๆ ส่วนด้านเงินโยกมาขึ้นตรงในปี 2552 นี้ ทั้งถือว่าเป็นการนำรูปแบบของการบริหารจัดการระดับโลกมาใช้ เพื่อสามารถใกล้ชิดกับผู้บริโภคและตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้ 2 ศูนย์วิจัยและพัฒนาสินค้าที่สวิสเซอร์แลนด์ และที่ประเทศอเมริกาเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหาร ซึ่งกำลังจะเปิดดำเนินการในเดือนเมษายนนี้
สำหรับโมเดลการขยายธุรกิจแบ่งเป็น 5 ช่องทาง ได้แก่ 1.รถเข็น ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้า 4,500 ราย 2.สถาบันการศึกษา โรงแรม มหาวิทยาลัย 3.โรงแรม 4.คาเฟ่ เบเกอรี่ 5.โรงงาน จากเดิมมุ่งเน้นช่องทางเชนร้านอาหารใหญ่ๆ อาทิ เคเอฟซี แมคโดนัลด์ มีฐานลูกค้า 33 ราย โดยการบริหารงานขึ้นอยู่การทีมบริหารแต่ละภูมิภาคว่าจะมุ่งเน้นช่องทางใด โดยอาจมีช่องทางอื่นๆ อาทิ โรงพยาบาล สำนักงาน สำหรับแนวโน้มระหว่าง 5 ช่องทางกับเชนร้านอาหารใหญ่คาดว่ามีการเติบโตใกล้เคียงกัน
นางครีมาเดส กล่าวว่า จุดเด่นของเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล คือเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสำหรับผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มอย่างครบวงจร ทำให้ไม่มีคู่แข่งทางตรงที่มีการดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มและอาหาร อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาบริษัทมีการจำหน่ายในช่องทางดังกล่าวอยู่แล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้บริษัทจะเพิ่มการบริการ การอบรม ตกแต่งร้านค้า หรือนำเสนอเมนูใหม่ให้กับผู้ประกอบการมากขึ้น โดยใช้งบการตลาด 10% จากรายได้กลุ่มเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล เจาะกลุ่มผู้ต้องการมีอาชีพจำหน่ายเครื่องดื่มและอาหาร และจากการดำเนินการตลาดในเชิงรุกคาดว่าฐานลูกค้ารวมทั้งสิ้น 20,000 ราย ส่วนรายได้มีอัตราการเติบโต 7% แบ่งเป็น รายได้จาก 5 ช่องทาง ได้แก่ รถเข็น โรงแรม โรงเรียน โรงงาน คาเฟ่ เบเกอรี่ 50% ส่วนอีก 50% เป็น เชนร้านอาหารแบรนด์ดัง โรงพยาบาล สำนักงาน อื่นๆ เป็นต้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|