เอสซีจีโลจิสติกส์ ขอโตด้วยตัวเองไม่พึ่งปูนใหญ่สร้างรายได้


ผู้จัดการรายสัปดาห์(10 มีนาคม 2551)



กลับสู่หน้าหลัก

เอสซีจี โลจิสติกส์ ประกาศจุดยืน ไม่พึ่งชื่อเสียงบริษัทแม่สร้างรายได้ ขอขยายฐานลูกค้าด้วยตัวเอง เร่งขยายตลาดอาเซียนและตะวันออกกลาง ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้านอกเครือปูนใหญ่เป็น 40 % ดันยอดขายทะลุ 10,000 ล้านบาท

แม้ว่าสถานการณ์ธุรกิจขนส่งหรือโลจิสติกส์ในปีที่ผ่านมาจะค่อนข้างทรงตัวไม่เติบโตอย่างที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมถึงอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ส่งผลให้ธุรกิจดังกล่าวไม่เติบโตอย่างที่ต้องการ

เอสซีจี โลจิสติกส์ หนึ่งในธุรกิจขนส่งของเครือซิเมนต์ไทยได้วางกลยุทธ์ เพื่อรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพระบบการบริหารด้านโลจิสติกส์ด้วยการเชื่อมโยงเครือข่ายและระบบขนส่งของลูกค้าทั้งในและนอกเครือซิเมนต์ไทย

ขจรเดช แสงสุพรรณ กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจจัดจำหน่าย เครือซิเมนต์ไทย (SCG Distribution) กล่าวว่า การขยายเครือข่ายเพื่อรองรับธุรกิจในเครือ SCG และลูกค้าในอาเซียนนั้น บริษัทเชื่อมั่นด้วยเทคโนโลยีและการวางระบบบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพประกอบกับเครือข่ายขนส่งในอาเซียนที่บริษัทเข้าไปวางรากฐานจะเป็นตัวช่วยส่งเสริมให้เอสซีจี โลจิสติกส์เติบโตได้ตามแผน

โดยในปี 2551 บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 10,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 20% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 8,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯยังตั้งงบประมาณสำหรับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อีกประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของระบบให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า และปัจจุบันสามารถลดต้นทุนให้กับลูกค้าได้ถึง 4-5 % นอกจากนี้ ในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทฯจะต้องลดจำนวนรถเปล่าที่วิ่งขนสินค้าลงจาก 39 % ให้เหลือ 29 % เพื่อให้มีรายได้จากการขนส่งสินค้ากลับด้วย

สำหรับการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศแถบอาเซียนนั้น ปัจจุบันบริษัทได้เริ่มวางเครือข่ายโลจิสติกส์ในประเทศกัมพูชาและเวียดนาม โดยที่กัมพูชาได้เข้าไปขยายตลาดปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง มานานกว่า 20 ปี ส่วนเวียดนาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการเข้าไปสำรวจตลาดเพื่อวางระบบขนส่ง ซึ่งจะเป็นการขนส่งเม็ดพลาสติกจากโฮจิมินไปฮานอย

“อดีตบริษัทฯไปรุกตลาดในแถบยุโรป และอเมริกา แต่เนื่องจากต้นทุนในการขนส่งสูงและไกล จึงได้ยกเลิกตลาดดังกล่าว อีกทั้งเข้าไปทำตลาดในจีนได้ดีกว่า ดังนั้น เราจึงหันมารุกตลาดในแถบอาเซียนมากขึ้น เช่น ศรีลังกา บังกลาเทศ พม่า เวียดนาม เขมร กัมพูชา นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเปิดตลาดใหม่ในแถบตะวันออกกลาง เช่น ดูไบ กาตาร์ แต่ปัจจุบันก็ยังมีปัญหาเรื่องท่าเทียบเรือที่มีขนาดเล็ก ซึ่งคาดว่าปีนี้จะส่งออกสินค้าได้ประมาณ 5-6 ล้านตัน ส่วนยอดขายที่ตั้งเป้าไว้ 10,000 ล้านบาทนั้น จะมาจากอาเซียน 15% ส่วนที่เหลือจะมาจากตลาดในประเทศ ”ขจรเดชกล่าว

สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าในเครือเอสซีจีฯ 70 % ลูกค้าทั่วไป 30 % โดยในปีนี้มีแผนที่จะปรับเปลี่ยนสัดส่วนลูกค้าใหม่ ซึ่งจะเพิ่มลูกค้าทั่วไปเป็น 40% และลดสัดส่วนลูกค้าในเครือเหลือ 60%

นอกจากบริษัทฯจะเดินหน้าการพัฒนาระบบโลจิสติกส์แล้ว บริษัทฯยังได้เน้นการสร้างแบรนด์ เพื่อให้สอดรับกับแนวทางของเอสซีจีฯ ที่มุ่งเน้นการสื่อสารและบริหารแบรนด์ของธุรกิจ และสร้างความแตกต่างให้กับบริษัทที่ไม่ยึดติดกับบริษัทแม่มากเกินไป เพราะที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่จะมองว่าบริษัทฯจำหน่ายสินค้าพวกวัสดุก่อสร้างและส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทเข้าไปตีตลาดในแถบอาเซียนมากขึ้น จึงต้องการสร้างความจดจำให้กับลูกค้ามากขึ้น บริษัทจึงได้เปลี่ยนชื่อจาก บริษัท ซิเมนต์ไทย โลจิสติกส์ จำกัด เป็น บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SCG Logistics และเปลี่ยนโลโก้จาก CTL เป็น SCG Logistics


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.