ไทคอนฯรอจังหวะโรคซาร์สยุติลุยธุรกิจ"โรงงานให้เช่า"ในจีน


ผู้จัดการรายวัน(9 มิถุนายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

ไทคอนฯสนใจลงทุนสร้างโรงงานให้เช่าในจีน เร่งศึกษา ความเป็นไปได้และสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ น่าจะสรุปผลได้ภายในปีหน้า โดยรอให้สถานการณ์โรคซาร์สในจีนคลี่คลายลง เผยนักลงทุนส่วนใหญ่สนใจลงทุนในภูมิภาคนี้ จะไปจีน รองลงมาคือไทย

นายชาตรี เหล่าเหมวงศ์ ผู้ช่วย ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายบัญชีและการเงิน

บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) (TICON) เปิดเผยว่าขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุนในธุรกิจสร้างโรงงานให้เช่าที่จีน โดยจีนมีการให้สิทธิประโยชน์การลงทุนแตกต่างกันไปในแต่ละมณฑล คาดว่าจะสรุปผลได้ประมาณปีหน้า

สาเหตุที่เลือกจะไปลงทุนในจีน นั้น เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเข้าไปลงทุนในจีน เพราะมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าประเทศในแถบอินโดจีน รวมทั้งจีน ยังมีตลาดในประเทศรองรับสินค้าที่ผลิตได้จำนวนมาก จึงกลายเป็นประเทศที่น่าสนใจที่สุดในสายตานักลงทุนข้ามชาติ รองลงมา คือ ไทย ขณะที่เวียดนามนั้นยังติดปัญหาด้านสาธารณูปโภค ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย มีปัญหาด้านการเมือง

อย่างไรก็ตาม คงต้องรอจีนแก้ ปัญหาการระบาดของโรคซาร์สได้ก่อน เพราะ ในช่วงนี้นักลงทุนยังไม่ กล้าที่จะเข้าไปขยายฐานการผลิตในจีน แต่หากปัญหาดังกล่าวคลี่คลายไป จีนจะกลับมาเป็นประเทศที่น่าจับ ตามองดังเดิม

ส่วนกรณีที่บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) (ROJANA)ซื้อหุ้นสามัญและใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของไทคอนฯ จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่ง คิดเป็นจำนวน 22.07% เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท เนื่องจากกลุ่ม ซิตี้ เรียลตี้ ของนายชาลี โสภณพนิช ถือหุ้นใหญ่ถึง 28%

การเข้ามาถือหุ้นของ ROJANA น่าจะส่งผลดีต่อบริษัทฯที่คาดว่า จะได้ราคาที่ดินในต้นทุนที่ต่ำลง หาก บริษัทฯเจรจาซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงาน แต่ทั้งนี้ไม่ได้ผูกขาดว่า จะต้องซื้อพื้นที่ในนิคมฯโรจนะเท่านั้น แต่สามารถซื้อที่ดินในนิคมฯ หรือสวนอุตสาหกรรมอื่นๆได้

"ROJANA เข้ามาซื้อหุ้นในครั้งนี้ เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มธุรกิจ การสร้างโรงงานให้เช่ามีการเติบโต ที่ดี มั่นคง และมีมาร์จินสูง แทนที่จะแตกไลน์มาทำธุรกิจด้านนี้เองเหมือนกับบางนิคมฯ"นายชาตรีกล่าว

กลางปีที่ผ่านมา TICON ได้ซื้อที่ดินในนิคมฯโรจนะจำนวน 15 ไร่ โดยมีลูกค้าแล้ว 3 โรงงาน และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 7โรงงาน คาดว่าจะทยอยเสร็จนับจากนี้ไปจนถึงต้นปี 2547

สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 130-140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30-40% ของ กำไรสุทธิในปีนี้ที่มี 111.82 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีรายได้จากการให้เช่าโรงงานเพิ่มขึ้น และในครึ่งปีหลัง จะมีโรงงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทยอยเสร็จไปจนถึงต้นปี 2547 ทำให้บริษัทฯรับรู้รายได้จากการให้เช่า/ขายโรงงานเพิ่ม



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.