|
'SOLAR'เล็งกู้เงินอีก600ล้านบาท ใช้ลงทุนโรงผลิตเซลล์เสร็จปีนี้
ผู้จัดการรายวัน(5 มีนาคม 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
SOLAR เล็งกู้เงินอีก 600 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนโรงงานผลิตส่วนโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ คาดติดตั้งเครื่องจักรเสร็จปลายปีนี้ หวังขยายธุรกิจครอบคุมพลังงานทดแทน เน้นพลังงานลม เผยเตรียมร่วมจับมือพันธมิตรต่างชาติที่มีความชำนาญบุกตลาด พร้อมบุกตลาดเพื่อนบ้าน หลังพบยังขาดแคลนพลังงาน พร้อมตั้งเป้าโกยรายได้ปี50 ถึง 500-700 ล้านบาท โดยงานจากภาคเอกชนจะสูง ยันเปลี่ยนต่ำแหน่งผู้บริหารเป็นไปเพื่อความเหมาะสม
นายอัครเดช โรจน์เมธา ประธานกรรมการบริหารและกรรมการ บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจให้ครอบคุมพลังงานงานทดแทนมากขึ้น โดยเฉพาะพลังงานลม ซึ่งมองว่าประเทศไทยมีความสามารถพัฒนาได้ โดยจะขายเป็นระบบพลังงานผสมผสาน คือ พลังงานโชลาร์เซลล์ใช้ในช่วงกลางวัน และพลังงานลมใช้ในช่วงกลางคืน รวมถึงการเข้าประมูลโครงการกังหันลมของภาครัฐ ซึ่งบริษัทจะจับมือกับพันธมิตรจากยุโรปที่มีความเชี่ยวชาญร่วมกันดำเนินโครงการทั้งของภาครัฐและเอกชน
ขณะที่ในปีนี้บริษัทจะขยายธุรกิจไปยังประเทศกัมพูชา และลาว เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศยังขาดแคลนพลังงาน โดยเฉพาะประเทศกัมพูชาที่ประชาชนกว่า 80% ไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะที่อีก 20% ที่มีไฟฟ้าใช้ต้องปั่นไฟจากเครื่องยนต์ดีเซล ราคาค่าไฟก็แพงกว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า ดังนั้นบริษัทจึงมองเห็นตลาดตรงนี้ โดยในช่วงเดือนหน้านี้บริษัทจะลงนาม MOU กับบริษัทในกัมพูชาเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัท และในวันที่ 4 เมษายน 51 บริษัทจะทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ส่วนจะสามาถเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทเท่าไหร่นั้น ยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะต้องประเมินความต้องการของตลาดประมาณ 1 ปีว่าจะได้รับการตอบรับมากน้อยเพียงใด
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ที่ 500 - 700 ล้านบาท จากปี50 ที่มีรายได้รวม 115.27 ล้านบาท ซึ่งยังคงต่ำกว่าปี 49 ที่บริษัททำได้ 1,111.73 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้ปี 50 ลดลงกว่าปีก่อนถึง 89.63% อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจชะลอตัว อีกทั้งภาครัฐกำลังปรับปรุงนโยบายพลังงานทดแทน ทำให้การผลักดันงานในโครงการต่างๆ ของภาครัฐเกิดความล่าช้า หรือชะลอการตัดสินใจซื้อและลงทุน ประกอบกับบริษัทฯ อยู่ในช่วงการปรับปรุงระบบภายในของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพการขยายตลาดไปยังภาคเอกชนและส่งออก ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนขายลดลงเล็กน้อย อันเป็นผลจากการควบคุมต้นทุนขายให้มีประสิทธิภาพ ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายในการขยายตลาดที่จะส่งผลต่อยอดขายในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ปีนี้รายได้ของบริษัท 70% ยังมาจาก Home Market (ตลาดในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน) และอีก 30% มาจากการส่งออกภายใต้แบรนด์ OEM ของลูกค้า ส่วนโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ของบริษัทที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการรอติดตั้งเครื่องจักร คาดว่าประมาณไตรมาส 3 หรือ 4 ของปีนี้จะแล้วเสร็จ ซึ่งบริษัทได้ลงทุนไปแล้วประมาณ 400 ล้านบาท และคาดว่าต้องลงทุนในปีนี้อีกประมาณ 600 ล้านบาท โดยจะมาจากเงินกู้ยืมจากธนาคารในประเทศ
"รายได้หลักในประเทศคงยังมาจากโครงการของภาครัฐ แต่ที่จะเพิ่มมาคือรายได้จากภาคเอกชนที่บริษัทได้เริ่มหาตลาดและคุยกับลูกค้าตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยบริษัทจะรอดูแนวทางนโยบายเกี่ยวกับพลังงานทดแทนของภาครัฐสักระยะหนึ่ง หลังจากนั้นจะเข้าไปคุยและทำความเข้าใจว่าบริษัทสามารถทำอะไรได้บ้าง โดยส่วนตัวเชื่อว่าในอนาคตตลาดพลังงานทดแทนจะเติบโตได้ดี เหตุจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และการรณรงค์เรื่องโลกร้อน ที่จะทำให้ความต้องการใช้พลังงานบริสุทธิ์มีมากขึ้น โดยหากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจะยิ่งทำให้ธุรกิจนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว"นายอัครเดช กล่าว
อย่างไรก็ดี การปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหาร โดยนายอัครเดช โรจน์เมธา ไปตำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร และให้นางปัทมา วงษ์ถ้วยทอง ขึ้นมาดำรงดำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทนนั้น ว่าเป็นไปเพื่อความเหมาะสม และความถนัดของตัวบุคคล ซึ่งนายอัครเดช มีความเชี่ยวชาญทางด้านการตลาดมากกว่า ก็จะมาดูงานเกี่ยวกับการหาลูกค้าเข้าบริษัท ส่วนนางปัทมา มีความชำนาญด้านการบริหารก็จะรับหน้าที่ตรงนี้ไปแทน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|