|
บิ๊กซีสลัดคราบเฮาส์แบรนด์มีทูส่งสโตร์แบรนด์สู้ผุดเพิ่ม8สาขาปีนี้
ผู้จัดการรายวัน(4 มีนาคม 2551)
กลับสู่หน้าหลัก
บิ๊กซี ปรับเกมรุกเฮาส์แบรนด์ ยุบทิ้ง ลีดเดอร์ไพรซ์ หลังคาราคาซังมานาน ชู สโตร์แบรนด์ “บิ๊กซี” รุกใหม่ สลัดคราบมีทู ขอเป็นตัวเอง เปิดตัวปีนี้ 865 รายการ หวังดันแชร์ในตลาดเฮาส์แบรนด์ช่องทางไฮเปอร์มาร์ทเป็น 20% ใน 3 ปี
นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์การทำตลาดสินค้าเฮาส์แบรนด์ใหม่ โดยได้เลิกทำตลาดแบรนด์ ลีดเดอร์ไพรซ์แล้ว เนื่องจากว่า ประเมินแล้วการทำตลาดที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่สามารถวางโพซิชั่นนิ่งให้ตรงตามความต้องการของตลาดได้ จึงได้ทยอยถอดสินค้าออกเมื่อปีที่แล้ว หลังทำตลาดมา 7 ปี เช่นเดียวกับร้านลีดเดอร์ไพรซ์ก็ได้ทยอยยุบไปแล้วเช่นกันและเปลี่ยนเป็นร้านมินิบิ๊กซีในบางสาขา
อย่างไรก็ตามแนวทางใหม่บริษัทฯได้ใช้สินค้าเฮาส์แบรนด์ในชื่อว่า “บิ๊กซี” ซึ่งถือเป็นการทำสโตร์แบรนด์ ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากกว่า ใช้คอนเซ็ปท์ใหม่คือ การมีแพคเกจจิ้งและสไตล์สินค้าของตัวเอง เป็นแบบบิ๊กซีโดยเฉพาะ เลิกการทำเฮาส์แบรนด์แนวเดิมที่ใช้กลยุทธ์ มีทู “Me Too” ที่ทำมาในอดีตคือ ในตลาดเดียวกันนั้นผู้นำตลาดเป็นอย่างไร บริษัทฯก็ทำใกล้เคียงกันเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจง่าย ซึ่งเฮาส์แบรนด์บิ๊กซีจะมีราคาต่ำกว่าแบรนด์เนม 15%
ขณะเดียวกันเฮาส์แบรนด์ที่ยังทำต่อคือ “เฟิร์สไพรซ์” เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ปัจจุบันมีประมาณ 100 กว่ารายการ ปีนี้จะเพิ่มอีก 100 รายการ ส่วนแบรนด์ “Only @ Big C” เป็นสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าและเสื้อผ้า ซึ่งราคาจะเน้นต่ำที่สุดในสินค้ากลุ่มเดียวกัน โดยมีสัดส่วนรายได้กว่า 5% จากสินค้าในกลุ่มเดียวกันนี้
การรุกตลาดเฮาส์แบรนด์ครั้งใหม่นี้ก็เพื่อตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้การยอมรับสินค้าเฮาส์แบรนด์มากขึ้น และสอดรับกับภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่นี้ที่กำลังซื้อลดลง ซึ่งปีที่แล้วตลาดเฮาส์แบรนด์ในช่องทางไฮเปอร์มาร์เก็ตเติบโตมากว่า 5% ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตได้อีก โดยมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 4,741 ล้านบาท จากปี 2549 ที่ตลาดรวมเฮาส์แบรนด์อยู่ที่ 4,490 ล้านบาท แต่ยอมรับว่าบิ๊กซีเองโตต่ำกว่าตลาดรวม เนื่องจากอยู่ระหว่างการปรับกลยุทธ์ใหม่
นางสาวจริยากล่าวว่า แผนการรุกตลาดจากนี้ บริษัทฯจะเปิดตัวสินค้าเฮาส์แบรนด์ บิ๊กซี ปีนี้มากกว่า 865 รายการ แยกเป็น สินค้าบริโภค 474 รายการ สัดส่วน 55% สินค้าอุปโภค 288 รายการสัดส่วน 33% และสินค้าอาหาร 103 รายการ สัดส่วน 12% ซึ่งขณะนี้เปิดตัวแล้วกว่า 400 รายการ ที่เหลือจะทยอยเปิดตัวครึ่งปีหลังนี้ ทั้งนี้มีซัปพลายเออร์ที่เข้าร่วมผลิตสินค้ากว่า 200 รายทั้งเก่าและใหม่กว่า 30% เช่น บริษัท ไอดีเอส, บริษัท เมกก้าคลีน, บริษัทข้าวแสนดี, บริษัทแพนเอเพซ, บริษัทรินทร์โชคชัย, บริษัท เอสแอนด์พีฯ เป็นต้น
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าผลักดันสินค้าเฮาส์แบรนด์บิ๊กซี ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะช่วยผลักดันให้สินค้าเฮาส์แบรนด์ให้กับบริษัทฯเพิ่มขึ้น 10% และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดสินค้าเฮาส์แบรนด์ในช่องทางไฮเปอร์มาร์เก็ตนี้ 20% ภายในเวลา 3 ปีจากนี้ที่มีส่วนแบ่งกว่า 13% ซึ่งสินค้าเฮาส์แบรนด์นี้จะมีมาร์จิ้นที่ดีกว่าเนื่องจากไม่มีค่าการตลาด
สำหรับแผนการขยายสาขาในปีนี้ คาดว่าจะมีประมาณ 8 สาขา ใช้งบลงทุน 300 ล้านบาทสำหรับขนาดเล็ก และ 600 ล้านบาทสำหรับขนาดใหญ่ โดยคาดว่าจะเป็นรูปแบบ จี4 ที่เพิ่งเปิดไปที่เชียงใหม่ซึ่งมีคอมมูนิตี้มอลล์ด้วย ล่าสุดเปิดสาขาใหม่ที่อยุธยาแล้ว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|